Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1143 ความแตกต่างของผู้ฝึกยุทธ์
เนื่องจากการเดินของเวลาที่แตกต่างกัน ทำให้การนอนในโลกแห่งความจริงครั้งหนึ่งสามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งความฝันได้สองวัน วันถัดมาโรแลนด์จึงพาแม่มดทั้งสามคนไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยงใจกลางเมือง โรงแรมหวงกว้าน
“ฝ่าบาท ของกินที่อยู่ตรงนั้น พวกหม่อมฉันจะกินอะไรก็ได้จริงเหรอเพคะ?” ดาเนนชะโงกหน้ามาจากทางเบาะหลัง สายตาดูเป็นประกาย
“แน่นอน ความจริงแล้วมันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากงานเลี้ยงที่พวกขุนนางจัดหรอก ในสมัยสมาพันธ์ เจ้าเองก็น่าจะเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้มาไม่น้อยใช่หรือเปล่า?”
“แต่งานเลี้ยงพวกนั้นมันกินแบบเปิดเผยไม่ได้เพคะ”
“ไม่ได้เหรอ?” โรแลนด์ถามอย่างสงสัย
“ใช่เพคะ” เซนต์มิลานที่นั่งอยู่ข้างคนขับพยักหน้า “คนที่ได้รับเชิญไปเข้าร่วมงานเลี้ยงของสมาพันธ์ล้วนแต่เป็นคนที่มีหน้ามีตา ทุกคนต่างให้ความสำคัญกับการสร้างสัมพันธ์มากกว่าการกินเพคะ ไม่มีใครจะอยากไปคุยกับคนที่ปากเต็มไปด้วยคราบมัน ถ้าใครเอาแต่ห่วงเรื่องกินจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะได้เพคะ ถ้าช่วงเวลาในการจัดงานเลี้ยงค่อนข้างยาว คนส่วนใหญ่จะหาอะไรกินก่อนค่อยไปร่วมงานเลี้ยงเพคะ” เมื่อพูดถึงตรงนี้เธอก็กลืนน้ำลายดังอึก “แต่ถ้าการทำแบบนั้นจะทำให้ฝ่าบาททรงขายหน้า พวกหม่อมฉันก็ทนได้เพคะ”
โรแลนด์กวาดตามองดูทั้งสามคนที่ทำสีหน้าเหมือนมีความหวังผ่านทางกระจกหลัง ก่อนจะหลุดขำออกมา “วางใจได้ ข้าเคยผิดคำพูดด้วยเหรอ? ที่นี่ไม่ใช่สมาพันธ์ แล้วก็ไม่ใช่เมืองหลวงของเกรย์คาสเซิล ตอนนี้พวกเราแสดงเป็นคนธรรมดาของโลกนี้ ขอเพียงไม่ไปรบกวนคนอื่น พวกเจ้าจะกินยังไงก็ได้”
“อย่างนั้น…หม่อมฉันแอบเอาของกินบางอย่างกลับไปได้ไหมเพคะ?” โดโด้พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “ยังมีพี่น้องอีกหลายคนอยากจะลองกินอาหารในงานเลี้ยงของโลกนี้ดูบ้างเพคะ”
“อย่าให้คนอื่นเห็นก็พอ” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ “พออยู่ในงานพวกเจ้าก็คอยเดินตามข้า อย่าห่างข้าไปไกล ถ้ามีใครพูดอะไรก็ทำเป็นไม่ได้ยิน เดี๋ยวข้าเป็นคนตอบเอง”
“เพคะ ฝ่าบาท!” แม่มดทั้งสามตอบพร้อมกัน
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง พวกโรแลนด์ก็มาถึงจุดหมาย
หลังขับเข้าประตูหน้ามา โรแลนด์ก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง รถที่จอดอยู่ในบริเวณโรงแรมล้วนแต่เป็นรถหรู ราคาอย่างต่ำๆ ก็ต้องมีหนึ่งล้านหยวนขึ้นไป ตัวรถที่ถูกขัดจนมันวับช่างดูแตกต่างจากรถตู้ของเขาอย่างมาก
ถึงแม้รายได้ที่ปล้นมาจากพวกฟอลเลนอีวิลจะมีไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับพวกนายทุนที่แท้จริงก็ยังถือว่าแตกต่างกันอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นรถตู้ธรรมดาๆ ที่เขาซื้อมาเพราะไม่ต้องการให้ตกเป็นเป้าหมายสายตาของคนอื่นคันนี้ เวลาอยู่ข้างนอกนั้นแทบจะไม่มีใครเหลียวมองเลย แต่พอมาอยู่ที่นี่มันกลับดูสะดุดตาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“คุณผู้ชาย วันนี้โรงแรมถูกจองไว้หมดแล้ว ไม่ทราบว่าคุณมีบัตรเชิญไหมครับ?” โรแลนด์ขับรถมาจอดหน้าประตูโรงแรม พนักงานรับรถรีบเดินเข้ามา
โรแลนด์หยิบเอาบัตรเชิญของการ์เซียก็มาให้พนักงานต้อนรับดู
“ยินดีต้อนรับสู่โรงแรมหวงกว้านของเราครับ งานจัดอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม ที่ด้านหน้างานจะมีคนคอยต้อนรับอยู่ครับ” อีกฝ่ายยิ้มแย้มออกมา “เดี๋ยวผมเอารถไปจอดให้นะครับ”
สมแล้วที่เป็นโรงแรมระดับท็อปของเมือง โรแลนด์คิดในใจ ไม่ว่าในใจคนเหล่านี้จะคิดยังไง แต่ใบหน้าของพวกเขาก็ยังยิ้มแย้มอยู่
เมื่อพาแม่มดทั้งสามคนเข้ามาในโรงแรมที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ปฏิกิริยาของทั้งสามคนดูสุขุมกว่าที่เขาคิดเอาไว้ทีเดียว น่าจะเป็นเพราะสิ่งก่อสร้างที่ดูโอ่โถงแบบนี้ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ของเมืองทาคิลา เพราะว่าช่วงหนึ่งหินเวทมนตร์ที่ส่องแสงได้นั้นเป็นของที่แม่มดระดับสูงในอาณาจักรแม่มดใช้กันอย่างแพร่หลาย อย่างเช่นโคมไฟบนเพดานที่แค่ดูก็รู้ว่ามีราคาแพงนั้น ถ้าไปอยู่ในปราสาทของสามผู้นำแห่งสมาพันธ์ก็คงกลายเป็นเพียงของธรรมดาๆ เท่านั้น
สำหรับแม่มดเหล่านี้แล้ว การตกแต่งที่ดูหรูหรานั้นไม่อาจเทียบกับเค้กเนยสองสามก้อนได้ โรแลนด์ที่เห็นเช่นนี้จึงแอบขำอยู่ในใจนิดหน่อย กลับกลายเป็นการปรากฏตัวของแม่มดทั้งสามคนที่ดึงดูดสายตาของหลายๆ คนที่อยู่ในโรงแรม ดูเหมืนอไม่ว่าจะอยู่ในโลกไหน ใบหน้าของพวกเธอก็ยังกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนอยู่
การตรวจสอบหลังจากนั้นมีความละเอียดมากขึ้น พนักงานต้อนรับกวาดตามองดูบัตรเชิญ ก่อนจะหยิบเอาวิทยุสื่อสารขึ้นมารายงานสองสามประโยค จากนั้นจึงเอาบัตรเชิญคืนให้เขา “คุณโรแลนด์ ขอประทานโทษที่ให้รอครับ ไม่ทราบคุณผู้หญิงทั้งสามคนนี้คือ…”
“น้องผมเอง” โรแลนด์ยักไหล่ “การ์เซียบอกผมว่าที่ี่นี่ให้พาญาติเข้ามาได้”
“เข้าใจแล้วครับ อย่างนั้นเชิญตามผมมาเลยครับ”
พนักงานต้อนรับพาทั้งสี่คนส่งเข้าลิฟท์พร้อมกับกดลิฟท์ชั้นบนสุดให้ “ขอให้มีความสุขกับงานเลี้ยงคืนนี้ครับ”
ลิฟท์เคลื่อนตัวขึ้นไปด้านบนครู่หนึ่งก่อนที่จู่ๆ จะสว่างขึ้นมา ผนังที่ล้อมรอบลิฟท์ในตอนแรกพลันหายลงไปใต้เท้า แสงสุดท้ายของวันส่องเข้ามาในลิฟท์ ขณะเดียวกันก็มีภาพของเมืองที่มีตึกสูงตั้งเรียงรายจนเหมือนผืนป่า
ในเวลานี้เหล่าแม่มดพากันส่งเสียงอุทานออกมาเบาๆ
“ต่อให้เอาเมืองศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามมารวมกันก็ยังไม่ใหญ่เท่าเมืองนี้เลย” ฟาลดี้พูดเสียงเบาๆ “ไม่ว่าจะดูกี่ครั้งก็ยังยากที่จะจินตนาการได้ว่าคนธรรมดาที่ไม่มีพลังเวทมนตร์จะสร้างทั้งหมดนี้ขึ้นมาได้”
“ตึกมหัศจรรย์ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมาก็ได้แนวคิดมาจากที่นี่ใช่ไหมเพคะ?” เซนต์มิลานมองไปทางโรแลนด์
เขายิ้มขึ้นมาโดยไม่ตอบอะไร ถึงแม้เขาจะไม่เคยเล่าเรื่องประวัติความเป็นมาให้ใครฟังนอกจากอันนา แต่เรื่องที่เขามาจากสถานที่ที่เหมือนกับโลกแห่งความฝันนั้นกลายเป็นเรื่องที่แม่มดทาคิลาทุกคนต่างรู้กันหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่จะอธิบายเรื่องที่เขาคุ้นเคยกับโลกใบนี้ได้ขนาดนี้ได้
หลังมาถึงชั้นบนสุด ห้องจัดงานเลี้ยงทรงกลมขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทั้งสี่คน
นอกจากพื้นแล้ว กำแพงกับเพดานล้วนแต่ทำมาจากกระจก ทำให้มุมมองดูกว้างขว้างอย่างมาก เมื่อยืนอยู่ริมกำแพงจะมองเห็นเมืองครึ่งเมือง การที่สามารถจัดงานเลี้ยงในสถานที่แบบนี้ได้ก็เป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่ากลุ่มทุนโคลฟเวอร์นั้นมีบารมีมากขนาดไหน
บนโต๊ะของงานเลี้ยงมีอาหารต่างๆ นาๆ วางอยู่เต็มไปหมด ตั้งแต่ออเดิร์ฟไปจนถึงขนมเค้กและของหวาน ตั้งแต่ผลไม้ไปจนถึงแชมเปญ อะไรที่ควรมีก็มีหมด แขกภายในงานต่างจับกลุ่มพูดคุยกัน จำนวนแขกในงานมีประมาณหลายร้อยคน เห็นได้ชัดว่าคนที่มานั้นไม่ได้มีแค่ผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้น หากแต่ยังมีคนจากแวดวงธุรกิจและการเมืองด้วย
หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงรู้สึกประหม่าที่มาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้แน่ แต่ตอนนี้โรแลนด์เคยชินกับงานเลี้ยงแบบนี้เสียแล้ว ส่วนแม่มดทั้งสามคนพอเข้ามาในงานเลี้ยงก็พุ่งไปหาเป้าหมายของพวกเธอทันที นั่นคืออาหารที่จัดวางอยู่บนโต๊ะ
“ว้าว…ปลานี่นุ่มมากขึ้น แค่เข้าปากก็ละลายแล้ว”
“นี่คือองุ่นจริงๆ งั้นเหรอ? อื้มมม ไม่ได้ชิมรสหวานแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วเนี่ย…”
“เหลวไหล เจ้าเพิ่งจะเข้ามาในโลกแห่งความฝันเมื่อเดือนที่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“แต่ครั้งที่แล้วข้าได้กินแต่พวกอาหารฟาสต์ฟู้ดนี่นา เจ้าบื้อเอเลน่าสั่งเป็นแต่เคเอฟซีกับแมคโดนัล”
“เฮ้ พวกเจ้าอย่าเอาแต่ห่วงกิน รีบเอาของกินใส่กระเป๋าโดโด้ดีไหม?”
โรแลนด์มองดูเหล่าแม่มดที่พากันตื่นเต้นเพราะอาหารที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะส่ายหัวยิ้มๆ ออกมา จู่ๆ เขาก็คิดขึ้นมาได้ ต่อให้โลกแห่งความฝันไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้เขาได้ เขาก็ควรจะเก็บโลกนี้เอาไว้ สำหรับเขาแล้ว ที่นี่อาจจะเป็นแค่โลกที่มันไม่มีอยู่จริง แต่สำหรับแม่มดทาคิลาแล้ว ที่นี่กลับเป็นเพียงสถานที่เดียวที่ทำให้พวกเธอรับรู้ได้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่
รสชาติ สัมผัส กลิ่น…พวกเธอสูญเสียทุกอย่างไปเพื่อการต่อสู้กับปีศาจ มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่จะชดเชยให้พวกเธอได้
โรแลนด์ฉวยโอกาสตอนที่งานเลี้ยงยังไม่เริ่มกวาดตามองดูแขกคนอื่นๆ อย่างละเอียด
คนที่มาร่วมงานส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คนที่สวมสูทส่วนใหญ่จะเป็นคนที่อยู่ในแวดวงสังคม ส่วนคนที่สวมชุดผู้ฝึกยุทธิ์ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์เหมือนอย่างเขา ถึงแม้การแบ่งกลุ่มแบบนี้จะไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะอย่างเช่นเขาที่เพิ่งจะได้กลายเป็นสมาชิกของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์จึงทำให้ยังไม่ได้รับชุดผู้ฝึกยุทธ์มาจากทางสมาคม เขาจึงใส่สูทมาร่วมงาน แต่โดยรวมแล้วภายในงานก็ไม่มีใครแต่งชุดแปลกๆ มา เรียกได้ว่าแตกต่างจากตอนที่เขาไปเมืองปริซึมเมื่อครั้งที่แล้วโดยสิ้นเชิง
นี่คือผู้ฝึกยุทธ์มืออาชีพกับผู้ฝึกยุทธ์มือสมัครเล่นอย่างนั้นเหรอ?
เขาอดนึกถึงคำพูดของการ์เซียที่เคยพูดเอาไว้ไม่ได้
‘ถึงแม้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์จะเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือโลกนี้ แต่อาศัยเพียงแค่อุดมคตินั้นไม่สามารถที่จะรวบรวมคนได้มากพอ ดังนั้นต่อว่าจึงมีการจัดงานแข่งขันต่อสู้ขึ้นมา การแข่งขันที่ว่านี้เพิ่งจะมีขึ้นมาไม่ถึง 50 ปี แต่มันก็ได้กลายเป็นการแข่งขันที่มีคนรับชมมากที่สุด ผู้ตื่นรู้ที่ลงแข่งขันจะมีโอกาสมีชื่อเสียง บารมี แล้วก็รายได้ ส่วนการแข่งขันก็จะทำให้สมาคมมีผู้ฝึกยุทธ์หน้าใหม่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก นี่ทำให้นับวันแข่งขันสมาคมจะให้ความสำคัญกับการแข่งขันมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่มีฝีมือดีก็จะมีสิทธิ์มีเสียงในการพูดที่มากกว่า การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ได้รับการสนับสนุนจากบุคคลระดับสูงของสมาคม ทำให้สมาชิกภายในสมาคมค่อยๆ แบ่งออกเป็นฝ่ายยุคเก่ากับยุคใหม่ แต่ว่าสุดท้ายการแข่งขันต่อสู้กลับยิ่งขยายใหญ่ขึ้น แทนที่จะหดเล็กลง!”
ตอนนั้นโรแลนด์ค่อนข้างเอนเอียงไปทางกลุ่มยุคเก่ามากกว่า เพราะศัตรูที่แท้จริงของผู้ฝึกยุทธ์ก็คือฟอลเลนอีวิลที่ไม่ตายก็ไม่ยอมเลิกรา การต่อสู้แบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่การแข่งขันต่อสู้ธรรมดาๆ จะมาเทียบได้เลย ในฐานะที่เป็นเครื่องมือในการดึงดูดผู้ฝึกยุทธ์หน้าใหม่ มันยังเรียกได้ว่าเป็นวิธีที่ดีที่มีประสิทธิภาพแ แต่การที่ปล่อยให้อิทธิพลของมันส่งผลไปถึงระดับสูงได้นั้นเป็นเรื่องที่เขายากจะเข้าใจ การแข่งขันต่อสู้นั้นไม่ใช่การต่อสู้ที่ตัดสินความเป็นความตาย เรื่องง่ายๆ แบบนี้คนพวกนั้นไม่น่าจะไม่เข้าใจ แต่เมื่อดูจากผลลัพธ์ที่ผ่านมา กลับกลายเป็นฝ่ายยุคใหม่ที่ถูกให้ความสำคัญมากกว่า
ที่ผ่านมาเขาไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อได้มาเห็นภาพในการเลี้ยงนี้ จู่ๆ เขาก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมา…..
สมาชิกของสมาคมที่ไม่เข้าร่วมการแข่งขันส่วนใหญ่จะเป็นผู้ตื่นรู้มือสมัครเล่นที่ไม่มีทางไปไหน พวกเขาไม่สนใจเรื่องระเบียบวินัย อีกทั้งภาพลักษณ์ของพวกเขาก็แย่อย่างมาก โดยรวมแล้วเรียกได้ว่าอยู่กันคนละระดับกับพวกผู้ฝึกยุทธ์ชื่อดังเหล่านี้เลย บวกกับโอกาสที่ได้ต่อสู้กับฟอลเลนอีวิลนั้นไม่ได้มีอยู่ตลอด แถมยังต้องอาจจะตายถ้าไม่ระวัง นี่ย่อมต้องทำให้เสียงสนับสนุนพวกยุคเก่ามีน้อยลงเรื่อยๆ
เกรงว่าคงต้องรอให้การกัดกินที่แท้จริงที่มิสต์บอกเกิดขึ้นมาก่อน พวกยุคเก่าถึงจะได้กลับมามีความสำคัญอีกครั้ง
เมื่อคิดโยงถึงใบอนุญาตไล่ล่า โรแลนด์ก็ยิ้มมุมปากขึ้นมา…เขาคิดมาตลอดว่าการที่สมาคมส่งของแบบนี้ให้กับสมาชิกหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้ครึ่งปีดูจะแปลกๆ ไปเสียหน่อย ต่อให้ทำผลงานได้ดีแค่ไหนมันก็ไม่มีทางที่จะไปอยู่ในระดับหนึ่งร้อยคนแรกของสมาคมได้ แต่ตอนนี้ดูแล้ว คนที่ไม่เข้าร่วมการแข่งขัน มุ่งมั่นที่จะสู้กับฟอลเลนอีวิลเพียงอย่างเดียว แล้วก็ไม่แสดงว่าชื่อเสียงผลประโยชน์นั้นเรียกได้ว่าเป็นบุคคลในอดมคติของผู้ฝึกยุทธ์ยุคเก่าเลย
หรือว่าทั้งหมดนี้จะเป็นความต้องการของระดับสูงของฝ่ายยุคเก่าที่อยากดันให้เขาเป็นตัวแทน?
………………………………………………………………………