Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1154 ชะตาชีวิตที่วนกลับมา
หลังแจกแจงแผนการรบที่ทางเมืองเนเวอร์วินเทอร์กำหนดมาให้ทุกคนทราบแล้ว อกาธา ขวานเหล็กและเอดิธส์ก็นั่งรถไฟมายังแนวหน้าของสนามรบ
เพื่อที่จะทำให้การโจมตีและการขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น รางเหล็กจึงถูกสร้างให้กลายเป็นทางแยก 4 ทาง ถึงแม้ปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นจะทำให้การก่อสร้างดำเนินไปช้ากว่าเดิม แต่คนในกองบัญชาการต่างก็รู้ดีว่าสถานีที่สิบซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายในปฏิบัติการคบเพลิงอาจจะไม่ได้ปรากฏขึ้นในศึกครั้งนี้
ถ้าหากสถนานีรถไฟที่เป็นเหมือนป้อมปืนใหญ่สร้างเสร็จขึ้นมาจริงๆ ไม่ว่าปีศาจจะทำอะไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ ในจุดนี้ผู้บังคับบัญชาของอีกฝ่ายน่าจะรู้ดี แบล็คริเวอร์ที่สร้างขึ้นมาจากเหล็กกล้ายากที่จะถูกทำลายได้ ถึงแม้การขนส่งจะถูกตัดขาดไปสองสามวัน แต่มนุษย์ก็สามารถซ่อมมันขึ้นมาใหม่ได้อย่างรวดเร็ว นี่ทำให้แผนการตัดเส้นทางการขนส่งที่ปกติเคยใช้ไม่สามารถใช้ได้อีก ส่วนการที่จะฝ่าดงกระสุนเข้ามาโจมตีสถานีรถไฟที่มีการป้องกันอย่างเพียบพร้อมนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตาย โอกาสเพียงหนึ่งเดียวของปีศาจก็คือการหยุดยั้งการบุกของกองทัพที่หนึ่งให้ได้ก่อนที่สถานีหมายเลขสิบจะสร้างเสร็จ
พูดอีกอย่างก็คือศึกตัดสินนั้นไม่มีเวลาเริ่มต้นที่แน่ชัด — มันสามารถเริ่มได้ทุกเมื่อ
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองด้านของรางเหล็กจึงมีบังเกอร์ หลุมเพลาะตั้งเอาไว้พร้อม
นอกจากนี้อกาธายังสังเกตเห็นว่ารางเหล็กที่เดิมพุ่งตรงไปยังเมืองศักดิสิทธิ์นั้นเบี่ยงไปจากเส้นทางเดิมเล็กน้อย ทำให้ทิศทางการวิ่งของรถไฟขนานไปกับเมืองทาคิลา ฝ่าบาทตรัสว่านี่คือการจัดวาง ‘แนวการรบ’ ที่ทำให้รถไฟบรรทุกปืนใหญ่สามารถแสดงอานุภาพของมันออกมาได้มากที่สุด
และสิ่งที่ตั้งอยู่ตรงปลายสุดของรางเหล็กก็คือรถไฟหุ้มเกราะสีดำสองขบวน
พวกมันทำหน้าที่เป็นป้อมปืนเคลื่อนที่ ป้อมปืนกลที่สามารถหมุนได้ 4 กระบอกพร้อมที่จะยิงเข้าใส่ปีศาจที่พยายามจะบุกเข้ามาให้แนวรบทุกเมื่อ ส่วนปืนใหญ่ป้อม 152 มม.ที่ติดตั้งอยู่บนรถไฟจะส่องไปบนฟ้า และคอยกระหน่ำยิงใส่เมืองทาคิลา
อกาธาค่อยๆ ก้าวขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์ที่ตั้งอยู่กลางค่อยทหาร ภาพซากเมืองที่ถูกต้นไม้ต่างๆ ปกคลุมค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอ
ถึงแม้เธอจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเมืองศักดิ์สิทธิ์ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่ในตอนที่ได้มาเห็นซากเมืองจริงๆ เธอยังคงรู้สึกเจ็บปวดและเศร้าใจอย่างมากอยู่ดี
ถึงแม้จะผ่านมา 400 กว่า แต่เธอก็ยังพอมองเห็นภาพอดีตเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังเหล่านั้นได้
“เจ้าเกิดที่นั่นเหรอ?” เอดิธส์ถาม
อกาธาพยักหน้า ความทรงจำในอดีตเอ่อล้นเข้ามาในหัวเธออีกครั้ง
‘ยินดีด้วย นับแต่วันนี้ไป เจ้าคือหนึ่งในสมาชิกของสมาพันธ์แล้ว’
‘สมแล้วที่เป็นผู้ตื่นรู้ระดับสูงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ สถาบันค้นคว้าศาสตร์ลึกลับขอต้อนรับเจ้า’
‘พี่อกาธา ท่านนี่สุดยอดจริงๆ!’
……
‘พวกเจ้ารู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่! พวกนางเป็นนักรบที่เสียสละทุกอย่างเพื่อสมาพันธ์นะ ตอนนี้พวกนางแค่หลับไปเท่านั้น แต่พวกเจ้ากลับจะเอาพวกนางมาเป็นหนูทดลองเนี่ยนะ!’
‘โอกาสที่จะฟื้นกลับมาหลังจากที่หัวได้รับบาดเจ็บอย่างหนักมันต่ำแค่ไหนพวกเจ้าก็รู้ไม่ใช่เหรอ เมื่อเทียบกับการที่ต้องตายไปทั้งๆ แบบนี้ พวกนางจะต้องอยากเสียสละตัวเองให้กับการทดลองแน่’
‘ข้ารับไม่ได้’
‘นี่คือคำสั่งของท่านอควาเรียส ถ้ารับไม่ได้ อย่างนั้นเจ้าก็ออกไปซะ’
…..
‘นายท่าน กำแพงถูกทำลายแล้ว กองทัพพันธมิตรคงจะยื้อเอาไว้ไม่ได้นาน! พวกเรารีบไปกันเถอะ’
‘แต่น้องสาวข้ายังไม่กลับมา’
‘นางเป็นทหารรักษาการณ์ นางไม่สามารถทิ้งแนวป้องกันได้ ถ้าท่านตายที่นี่ อย่างนั้นจะยิ่งทำให้ความตั้งใจของนางต้องสูญเปล่านะ!’
…..
ตอนนี้ยังมีเวลา พวกเจ้ารีบหนีไปเถอะ!’
‘แต่ว่า…นายท่าน ถ้าออกจากทาคิลา แล้วพวกเราจะไปที่ไหน?’
‘อย่ายอมแพ้ พวกเรายังมีความหวังอยู่! ข้ามเขา ข้ามแม่น้ำ ไปยังแผ่นดินรกร้าง…ไปสร้างดินแดนของมนุษย์ขึ้นมาใหม่ที่นั่น!’
…..
‘ทำไมท่านถึงต้องดึงดันขนาดนี้? ตอนนี้ถ้าพวกเราหนีไป ไม่แน่พวกเราอาจจะมีชีวิตรอดก็ได้’
‘ถึงแม้ข้าจะไม่มีพลังเวทมนตร์ แต่ข้าก็รู้ว่าข้าต้องทำอะไร การปกป้องท่านคือหน้าที่ของข้า’
……
‘ฝ่าบาท นางตื่นแล้วเพคะ’
ภาพความทรงจำภาพแล้วภาพเล่าปรากฏขึ้นมาหัวของเธอ
ในสายตาของแม่มดส่วนใหญ่ในสมาพันธ์ เธอคือคนแปลกประหลาด ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะ แต่เธอกลับถูกคนอื่นวิพากษ์วิจารณ์ท่าทีที่เธอมีต่อคนธรรมดา หลังจากนั้นก็ถูกขับไล่ออกมาจากสถาบันค้นคว้าศาสตร์ลึกลับเพราะเรื่องแผนการทหารอาญาสิทธิ์ เธอจึงได้แต่ต้องมาทำวิจัยต่อในหอทดลองของตัวเองที่อยู่ในป่าเร้นลับ
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ความรู้สึกรักและผูกพันที่เธอมีต่อทาคิลาก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย
เมืองที่ถูกมองว่าเป็นป้อมปราการด่านสุดท้ายของมนุษย์ สถานที่ที่ให้กำเนิดผู้กล้าจำนวนนับไม่ถ้วน แม่มดจำนวนหลายพันกับคนธรรมดาจำนวนหลายแสนคนต้องทยอยล้มลงในการต่อสู้กับปีศาจ น้องสาวเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น จนถึงตอนนี้ยังคงไม่รู้ว่าเธอนอนตายอยู่ตรงไหน
การที่หนีรอดออกมาได้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกหลุดพ้น หากแต่ยิ่งกลายเป็นภาระอันหนักอึ้งที่เธอต้องรับผิดชอบ
เพียงแค่หลับตา เธอจะได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือจากเพื่อนแม่มดจำนวนไม่ถ้วนดังขึ้นที่ข้างหูเธอ
เธอไม่ได้หนีเอาตัวรอด ทุกครั้งที่ฝันร้าย อกาธาจะบอกกับตัวเองซ้ำๆ ว่าเธอมีชีวิตรอดอยู่เพื่อแก้แค้น แล้วก็ต้องชิงเอาดินแดนที่เคยเป็นของมนุษย์แห่งนี้กลับมาให้ได้
เธอเชื่อว่าแม่มดอาญาสิทธิ์เหล่านั้นก็คิดแบบนี้เช่นเดียวกัน พวกเธอถึงได้ยืนหยัดมาจนถึงทุกวันนี้ได้
ชีวิตของพวกเธอไม่ได้เป็นของตัวพวกเธอเท่านั้น
บนซากเมืองที่อยู่บนที่ราบ ปีศาจโครงกระดูกขนาดยักษ์สองตัวตั้งตระหง่านอยู่ นั่นคืออาวุธชนิดใหม่ของพวกปีศาจ แล้วก็เป็นตัวแทนของจุดกำเนิดของฝันร้ายด้วย
เธอมองไปทางขวานเหล็ก “ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้อง”
“ว่ามา” ขวานเหล็กพยักหน้า
“ถ้ากองทัพที่หนึ่งสามารถรุกคืบเข้าไปถึงระยะ 10 กิโลเมตรได้อย่างราบรื่น การยิงปืนใหญ่ใส่เมืองทาคิลารอบแรก ข้าอยากจะให้ข้ากับแม่มดอาญาสิทธิ์เป็นคนยิง”
มีเพียงสายฟ้าและเปลวเพลิงเท่านั้นถึงจะยุติฝันร้ายนี้ได้ เสียงคำรามของปืนใหญ่ต้องให้ซากเมืองศักดิ์สิทธิ์ราบเป็นหน้ากลองอย่างแน่นอน เศษซากเมืองที่เหลืออยู่จะกลายเป็นผุยผงพร้อมกับกระดูกของผองเพื่อนเธอที่ตายอยู่ในสนามรบและกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่ราบลุ่มบริบูรณ์
แต่ทาคิลาจะฟื้นคืนกลับมาใหม่อีกครั้ง
…..
ในช่วงเย็นของอีกสามวันหลังจากนั้น ในตอนที่ทีมก่อสร้างกำลังต่อรางเหล็กไปจนห่างจากเมืองทาคิลาประมาณ 12 กิโลเมตร ซิลเวียก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของพวกปีศาจ
ปีศาจคุ้มคลั่งจำนวนมากปีนขึ้นมาจากพื้นดินใต้เท้าของปีศาจโครงกระดูกยักษ์ที่ถูกหมอกแดงกัดกร่อน ก่อนจะทยอยวิ่งลงไปในหลุมเพลาะ จากนั้น ‘เงาดำ’ ขนาดใหญ่สองดวงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้ากำแพงเมืองที่ผุพังพร้อมกับค่อยๆ เคลื่อนที่มาข้างหน้า
เธอรู้ทันทีว่านั้นคือหินอาญาสิทธิ์ขนาดใหญ่จำนวนสองก้อน คล้ายๆ กับเสาหินอาญาสิทธิ์ที่ปรากฏขึ้นตอนทำศึกนอร์ธบาวด์ ขนาดของมันเกรงว่าจะใหญ่ความสายแร่ขนาดเล็กที่พบในเหมืองเสียอีก ขนาดของเงาดำนั้นกินพื้นที่เกือบ 150 เมตร สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมันบดบังการมองเห็นของดวงตาเวทมนตร์เอาไว้ทั้งหมด ทำให้เธอมองไม่เห็นสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ด้านหลังเงามืดนั้นเลย
พื้นที่การสอดแนมที่สมบูรณ์แบบมีจุดบอดปรากฏขึ้นมาสองแห่ง
ไม่ว่าอีกฝ่ายคิดจะใช้ประโยชน์ของหินอาญาสิทธิ์ทำอะไร แต่การที่พวกมันส่งปีศาจคุ้มคลั่งออกมาเป็นพันตัวแบบนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการดาหน้ากันเข้ามาตายเลย
นี่ถือสัญญาณของสงครามอย่างไม่ต้องสงสัย
ซิลเวียรีบยกหูโทรศัพท์โทรไปจากศูนย์บัญชาการทันที
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เสียงสัญญาณเตือนก็ดังไปทั่วทั้งค่าย!
…………………………………………………………………