Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1155 ศึกทาคิลา (1)
หลังสัญญาณเตือนดังขึ้น แนวหน้าก็เข้าสู่สถานะเตรียมพร้อมขั้นสูงสุดเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน
“เร็ว เร็ว! ทิ้งเครื่องมือในมือ ไปหาหลุมหลบภัยที่อยู่ใกล้ที่สุด!” ทหารที่รับผิดชอบเรื่องการอพยพคนงานทยอยพาคนงานออกไปจากพื้นที่ก่อสร้าง “อย่าเบียดกัน อย่าชะเง้อมอง! จำเอาไว้ ไม่ว่าข้างนอกจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามออกไปจากหลุมหลบภัยโดยพลการเด็ดขาด!”
“หลุมหลบภัยหมายเลข 6 เต็มแล้ว!”
“หมายเลข 7 ยัดไม่เข้าแล้ว!”
“เดินไปข้างหลัง ไปหลุมหลบภัยต่อไป อย่าไปยืนอออยู่ตรงทางเดิน รีบเดินเร็ว!”
เรื่องแบบนี้ไม่ได้เพิ่งจะเกิดเป็นครั้งแรก ถึงแม้ทหารจะส่งเสียงตะโกนอยู่ตลอดเวลา บรรยากาศดูแล้วตึงเครียดอย่างมาก แต่การอพยพกลับไม่มีการเสียระเบียบแม้แต่น้อย
คนงานเกือบสองพันชีวิตกระจายตัวเหมือนดั่งสายน้ำ พวกเขาพากันเดินไปตามเส้นทางอพยพแล้วเข้าไปอยู่ในหลุมหลบภัยใต้ดิน หลุมหลบภัยที่ลีฟสร้างขึ้นมาเหล่านี้ตั้งอยู่ด้านหลังของแนวป้องกัน ด้านบนมีแผ่นเหล็กปูเอาไว้อยู่ ไม่เพียงแต่จะสามารถใช้เดินไปเดินมาได้ แต่มันยังใช้ป้องกันหอกของปีศาจและลูกกระสุนปืนได้ด้วย ขอเพียงการป้องกันด้านนอกยังมีอยู่ การหลบอยู่ในนี้ก็มีความปลอดภัยแน่นอน
หลังคนงานอพยพหมดแล้ว ไม่นานพื้นที่ก่อสร้างที่เดิมเป็นสีแดงจากแสงอาทิตย์ยามเย็นก็ถูกความมืดกลืนกิน
“คนงานอพยพเรียบร้อย ระบบไฟปกติ กองทัพที่หนึ่งเข้าสู่แนวรบ” ซิลเวียกวาดตามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วพร้อมกับรายงานสถานการณ์ของแต่ละหน่วยออกมา ในเวลานี้ห้องสังเกตการณ์ที่ตั้งอยู่ด้านบนของหน่วยบัญชาการเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่ยุ่งที่สุดในแนวหน้า โทรศัพท์สิบกว่าเครื่องที่ตั้งอยู่บนโต๊ะยาวสลับกันดังขึ้นมาไม่หยุด เจ้าหน้าที่ของทีมที่ปรึกษานั่งล้อมรอบโต๊ะยาวพร้อมกับรับโทรศัพท์กันมือเป็นระวิง ก่อนจะแจ้งข้อมูลเหล่านั้นให้ซิลเวียทราบ
ส่วนอีกด้านหนึ่งก็มีเจ้าหน้าที่ของทีมที่ปรึกษาอีกหลายคนกำลังสรุปข้อมูลพร้อมกับทำสัญลักษณ์แสดงเอาไว้บนถาดทรายหรือไม่ก็แผนที่เพื่อให้ทีมบัญชาการได้ใช้วางแผนการรบ
เรียกได้ว่าตอนนี้ซิลเวียคือ ‘ดวงตา’ ของกองทัพ ตอนนี้ในห้องสังเกตการณ์ซึ่งมีเธอเป็นหัวใจสำคัญคือศูนย์กลางข่าวสารของทั้งกองทัพ ของเพียงเธอนั่งประจำที่ ประสิทธิภาพการทำงานของกองทัพที่หนึ่งก็จะเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่า
“ได้…ได้ ข้าเข้าใจแล้ว คุณหนูซิลเวีย แวนนาจากกองพันปืนใหญ่อยากให้ท่านช่วยบอกทิศทางและพิกัดของศัตรูขอรับ”
“แบล็คริเวอร์หมายเลข 1 กับหมายเลข 2 ก็เหมือนกันขอรับ!”
“ให้พวกเขารอเดี๋ยว” ซิลเวียกวาดตามองดูแนวหน้าของสนามรบ การรุกคืบของ ‘เงาดำ’ ไม่เร็วนัก น่าจะช้ากว่าการเดินเท้าอยู่หน่อย ตอนนี้มันเพิ่งมาถึงระยะยิง 10 กิโลเมตรเท่านั้น ดูจากความเร็วอันนี้ เกรงว่าคงต้องใช้เวลาอีก 5 – 6 ชั่วโมงกว่ามาถึงหน้าแนวรบ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือต้องรู้ให้ได้ว่าปีศาจมันต้องการจะทำอะไร — พวกมันคิดจะใช้จุดบอดของหินอาญาสิทธิ์วางแผนทำอะไรกันแน่?
เมื่อเวทมนตร์ไม่สามารถใช้ตรวจสอบได้ อย่างนั้นดวงตาก็คือวิธีในการตรวจสอบที่น่าเชื่อถือที่สุด
เธอหยิบเอารูนสดับขึ้นมา “ไลต์นิ่ง เมซี่ ได้ยินข้าไหม? ตอนนี้พวกเจ้าอยู่ที่ไหน?”
“เพิ่งจะบินขึ้นมา เมซี่อยู่บนหัวข้า” เสียงของอีกฝ่ายดังตอบกลับมาจากในรูนสดับ ขณะเดียวกันก็มีเสียงสัญญาณเตือนดังแทรกเข้ามาด้วย “เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ปีศาจจะโจมตีพวกเราแล้วเหรอ?”
“ดูแล้วเหมือนจะใช่ แต่ศัตรูมันรบกวนการตรวจสอบของข้า ขอบเขตกว้างมาก ข้าเดาว่ามันต้องเป็นหินอาญาสิทธิ์ขนาดใหญ่เหมือนครั้งที่แล้วแน่”
“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปดูให้”
“พวกเราจัดการเองจิ๊บ!”
เมื่อเทียบกับบรรยากาศภายในห้องสังเกตการณ์ที่วุ่นวายอย่างมากแล้ว บรรยากาศของสนามรบในดวงตาของไลต์นิ่งกลับเป็นภาพอีกอย่างหนึ่ง
แสงไฟใต้เท้าค่อยๆ หดเล็กลงเหมือนค่อยๆ ถูกความมืดกลืนกินเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น ส่วนที่ราบที่ไกลออกไปก็กลายเป็นสีดำ ดูแล้วทั้งลึกและเงียบ
ที่ราบลุ่มเหมือนกำลังหลับใหลอยู่ ไม่มีเค้าลางของสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นเลย
ถ้าไม่เป็นเพราะซิลเวียบอกมา เธอก็รู้สึกไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าศัตรูจะบุกเข้ามาหาพวกเธอ
“เมซี่ เปิดใช้โหมดไนท์วิชั่น!”
“จิ๊บๆๆ!”
ปีกของนกพิราบขยายใหญ่ขึ้นและห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ จากนั้นหัวนกขนาดใหญ่ก็โผล่ออกมาจากขนนก ดวงตากลมๆ ของมันขยายใหญ่จนแทบจะเต็มเบ้าตา
“แปลงร่างเป็นนกฮูกเสร็จเรียบร้อย!”
“อย่างนั้นออกเดินทาง….”
ไลต์นิ่งใช้สองมือจับ ‘นกฮูกยักษ์’ ที่อยู่บนหัว ก่อนจะบินไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเข้าไปใกล้ทาคิลา ในรูนสดับพลันมีเสียงตะโกนอย่างร้อนใจของซิลเวียดังขึ้นมา “ยกเลิกการสอดแนม พวกเจ้ารีบกลับมา! ผู้พิฆาตเวทมนตร์มีความเคลื่อนไหวแล้ว!”
ไลต์นิ่งรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาทันที แม้แต่แขนขาก็เหมือนจะรู้สึกแข็งไปด้วย หลังสะกดความรู้สึกหวาดกลัวภายในใจลงไปได้แล้ว เธอก็กัดฟันพูดออกไปว่า “ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่น่าจะมองเห็นข้าได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้น…ถ้าข้ากลับไปตอนนี้ พวกเราก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าปีศาจมันซ่อนอะไรเอาไว้ด้านหลังหินอาญาสิทธิ์ใช่ไหมล่ะ?”
“แต่ว่า….”
“วางใจได้ แค่หินโบยบินมันไล่ตามข้าไม่ทันหรอก ขอเพียงหลบการปิดกั้นเวทมนตร์ของมันได้ก็พอ”
ไลต์นิ่งกำหมัดแน่น ถึงแม้ในมือเธอจะมีเหงื่อซึมออกมา แต่เธอก็ไม่คิดจะหนีแบบนี้ไปตลอด ประสบการณ์บนสนามรบที่ผ่านมาครึ่งปีนี้ทำให้เธอรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่กล้าหาญอะไรเลย ไม่ใช่แค่แม่มดอาญาสิทธิ์เท่านั้น แม้แต่คนแก่ธรรมดาๆ ที่ขับรถไฟก็ยังกล้าหาญกว่าเธอด้วยซ้ำ
แต่เธอไม่ได้เผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้อยู่คนเดียว ข้างหลังเธอยังมีเมซี่ โลก้า โจน…แล้วก็เพื่อนๆ อีกหลายคนที่ค่อยสนับสนุนเธออยู่ ทำให้เธอกล้าเผชิญหน้ากับตัวเอง แล้วก็กล้าที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ตั้งแต่ตอนแรกที่ค่อยๆ ฟื้นฟูสภาพจิตใจจนกระทั่งสามารถสอดแนมปีศาจได้อีกครั้ง เธอต้องผ่านอุปสรรคต่างๆ มาจนกระทั่งมาอยู่ตรงสถานที่ที่เธอล้มลงเมื่อครึ่งปีก่อนอีกครั้ง
ยังเหลืออุปสรรคอีกสองอย่างที่เธอก็ก้าวข้ามไปให้ได้
นั่นคือบินผ่านหน้าผู้พิฆาตเวทมนตร์ กับ….
เล่นงานมันคืน เพื่อแก้แค้นให้กับที่มันเคยทำเธอเอาไว้!
“เมซี่ คอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายเอาไว้” ไลต์นิ่งเปิดคอเสื้อแล้วเอานกฮูกยัดเข้าไปในเสื้อ เหลือเพียงแค่หัวที่โผล่ออกมาด้านนอก จากนั้นเธอก็เข้าสู่การบินด้วยความเร็วเสียง ระยะทางเพียงแค่ 10 กิโลเมตร เธอสามารถบินด้วยโหมดความเร็วสูงได้!
“ซ่าา…ระวัง ศัตรู…ซ่า…มองเห็นเจ้าแล้ว…” น่าจะเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากการสอดประสานของพลังเวทมนตร์ของไลต์นิ่ง เสียงของซิลเวียจึงขาดๆ หายๆ
แต่ถึงแม้จะไม่มีเสียงซิลเวียคอยเตือน ไลต์นิ่งก็รู้ว่าร่องรอยของตัวเองถูกเปิดเผยแล้ว ขอเพียงปีศาจไม่ได้หูหนวก มันก็ต้องได้ยินเสียงระเบิดจากการบินทะลุกำแพงเสียงแน่
แต่การเคลื่อนไหวของเธอเร็วกว่าเสียง นี่ก็หมายความว่าในตอนที่ศัตรูได้ยินเสียงระเบิด เธอก็ได้บินผ่านหัวพวกมันไปแล้ว
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ดวงตานกฮูกของเมซี่ก็พอเห็นเป้าหมาย
“สัตว์ประหลาดนั้นอยู่ทางด้านหน้าขวามือของเจ้าจิ๊บ!”
ภายใต้แสงจันทร์ ไลต์นิ่งมองเห็นแสงสีดำที่จู่ๆ ก็ขยายใหญ่ขึ้นมาทั้งๆ ที่ยังมองไม่เห็นผู้พิฆาตเวทมนตร์!
เห็นได้ชัดว่าความสามารถในการมองเห็นในที่มืดของปีศาจระดับสูงนั้นดีกว่าเมซี่ อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะมองเห็นเธอ แต่ยังพยายามจะบินเข้ามาใกล้เธอและกางพื้นที่ปิดกั้นพลังเวทมนตร์ออกมา
พริบตานั้นเอง ไลต์นิ่งได้เร่งความเร็วขึ้นไปถึงขีดสุด เธอเปลี่ยนจากบินแนวราบเป็นพุ่งลงมา!
มีอยู่ชั่วแวบหนึ่งที่ไลต์นิ่งรู้สึกเหมือนแสงสีดำที่เยือกเย็นนั้นกำลังจะคว้าจับข้อเท้าของเธอเอาไว้ได้ แต่ความรู้สึกที่ว่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว ในชั่วเวลาแค่อึดใจ เธอก็สลัดแสงสีดำทิ้งไปด้านหลัง หลังจากฝ่าผู้พิฆาตเวทมนตร์ออกมาได้ ตรงหน้าเธอก็ไม่มีอะไรจะมาหยุดเธอได้อีก เธอยืดตัวตรงแล้วมองไปด้านหลังกองทัพปีศาจ
ภายใต้แสงจันทร์สลัว ไลต์นิ่งมองเห็นหินอาญาสิทธิ์ขนาดใหญ่ที่ถูกเจียรจนกลายเป็นทรงกระบอกกำลังถูกกลิ้งไปข้างหน้าเหมือนหินกลมๆ ขนาดของมันใหญ่จนน่าตกใจ ความยาวอย่างน้อยๆ ก็ 20 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เมตร ดูเผินๆ แล้วเหมือนกับหอนาฬิกาที่ล้มลงมา ด้านหลังเสาทุกแท่งตะมีปีศาจแมงมุมอยู่ 7 – 8 ตัว พวกมันกำลังค่อยๆ เดินมาอย่างช้าๆ และผลักหินอาญาสิทธิ์ให้ตรงมาหากองทัพที่หนึ่ง
แต่ที่ด้านหลังนั้นกลับมีปีศาจคุ้มคลั่งเดินตามมาอีกเป็นจำนวนมาก
……………………………………………………………………..