Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1156 ศึกทาคิลา (2)
หลังบินผ่านแนวทัพของปีศาจไป ไลต์นิ่งก็บินขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง ก่อนจะ…หยุดบิน
“ทำไมเหรอจิ๊บ?” เมซี่เงยหน้าขึ้นมาถาม
เธอไม่ได้ตอบอะไร หากแต่หมุนตัวกลับไปมองยังเมืองทาคิลา เมื่ออยู่บนฟ้าที่มืดมิด ระยะ 200 เมตรนั้นเป็นระยะที่ไกลที่สุดที่เธอจะมองเห็นได้ การจะมองหาผู้พิฆาตเวทมนตร์นั้นไม่ได้ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทรเลย
แต่เธอมองไม่เห็นก็ไม่เป็นไร
ไลต์นิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายมองเห็นเธอ
เมื่อมองมาจากทางทาคิลา ตอนนี้เธอหันหลังให้กับพระจันทร์พอดี ขอเพียงผู้พิฆาตเวทมนตร์เงยหน้าขึ้นมา มันก็ต้องมองเห็นเงาดำที่อยู่ท่ามกลางแสนจันทร์แน่
แต่มันไม่ได้ไล่ตามขึ้นมา
เหตุผลเดียวที่ทำให้มันไม่ไล่ตามขึ้นมาก็คือมันรู้แล้วว่าความเร็วของเธอไม่ใช่สิ่งที่มันจะไล่ตามทันได้
มันล้มเลิกความพยายามที่จะไล่ตามเธอ
ครั้งนี้เธอชนะ!
ไลต์นิ่งสูดหายใจก่อนจะยื่นมือขวาออกมา ถึงแม้ปลายนิ้วของเธอจะยังสั่นริกๆ อยู่ แต่เธอก็พยายามรวบรวมความกล้าชูนิ้วกลางขึ้นมา
นี่คือสัญญาณมือที่เป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะที่ฝ่าบาทสอนเธอ!
จากนั้นก็หมุนตัวบินกลับมายังค่ายของกองทัพที่หนึ่ง ขณะเดียวกันแจ้งทุกสิ่งที่ตัวเองเห็นให้ซิลเวียได้ทราบ
“เสาหินอาญาสิทธิ์ทรงกระบอกขนาดใหญ่งั้นเหรอ…ข้ารู้แล้ว” ซิลเวียจดขนาดของเสาหินอาญาสิทธิ์อย่างคร่าวๆ แล้วส่งให้อกาธา การใช้ขนาดของหินอาญาสิทธิ์มาคำนวณรูปร่างของเงาดำและตำแหน่งที่ตั้งของเสาหินนั้นคืองานพื้นฐานสำหรับสมาชิกระดับสูงของสถาบันค้นคว้าศาสตร์ลึกลับ ไม่นานตัวเลขข้อมูลต่างๆ ที่ถูกแก้ไขใหม่ก็ส่งกลับมายังห้องสังเกตการณ์
ถึงแม้มันอาจจะมีความคลาดเคลื่อนไปบ้าง แต่มันก็ยังดีกว่าการยิงออกไปมั่วๆ หลังจากซิลเวียใช้ดวงตาแห่งเวทมนตร์วิเคราะห์ดูตำแหน่งแล้ว เธอก็ยกหูโทรศัพท์โทรไปแจ้งยังกองพันปืนใหญ่
จากนั้นครู่หนึ่ง แนวยิงปืนใหญ่ก็มีเสียงดังกัมปนาทขึ้นมา!
ถึงแม้เปลวไฟที่พ่นออกมาจากปากกระบอกปืนจะเกิดขึ้นแวบเดียวแล้วก็หายไปเหมือนกับหิ่งห้อย แต่สำหรับที่ราบที่ตกอยู่ในความมืดมิดแล้ว มันยังคงดูสะดุดตาอย่างมาก
โดยเฉพาะหลังจากปืนใหญ่พากันกระหน่ำยิงใส่ปีศาจ แสงไฟที่พ่นออกมาจากปากกระบอกปืนใหญ่นั้นพอจะส่องให้เห็นเค้าโครงของแนวรบได้แบบลางๆ บางครั้งจะมีเปลวไฟที่พุ่งตามกระสุนปืนใหญ่ออกไป ดูแล้วคล้ายกับดาวตกที่พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้น
ส่วนอีกด้านหนึ่ง เสียงสะท้อนของระเบิดดังต่อเนื่องไม่ขาดสาย ในที่สุดที่ราบลุ่มบริบูรณ์ที่กำลังหลับใหลก็ถูกปลุกขึ้นมา
“สวยจังเลยจิ๊บ…” เมซี่มองดูแนวยิงปืนใหญ่ที่สว่างวาบตาไม่กระพริบ
ไลต์นิ่งบินฝ่าสายลมไปข้างหน้าพร้อมกับกำหมัดขึ้นมา
ตอนนี้ ก็เหลืออุปสรรคอีกเพียงอย่างเดียวแล้ว ……
อุรูคบินอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับมองดูเสาหินที่พุ่งขึ้นมาต้นแล้วต้นเล่าตรงหน้าแนวทัพของมันด้วยสีหน้าเยือกเย็น นี่คือวิธีการโจมตีที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์ ขอเพียงสิ่งที่ยิงออกมาตรงลงในกองทัพ มันก็จะคร่าชีวิตของร่างระดับต้นไปสิบกว่าตัว อีกทั้งพลังทำลายล้างของมันก็ไม่จำเป็นต้องสัมผัสถูกเป้าหมายด้วย ต่อให้ยืนห่างออกไปหลายสิบเมตร เศษเหล็กที่กระเด็นออกมาจากวัตถุที่ถูกยิงก็สามารถทะลุชุดเกราะและฉีกร่างกายออกเป็นชิ้นๆ ได้
ต่อให้เป็นมัน มันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะรับการโจมตีแบบนี้ได้
ในรายงานที่มันส่งให้สกายลอร์ด มันตั้งชื่ออาวุธชนิดนี้ว่า ‘ฝนเพลิง’
นอกจากนี้ยังมี ‘หน้าไม้เพลิง’ ที่สามารถยิงออกมาได้ต่อเนื่อง แล้วก็มี ‘กระบอกเพลิง’ ที่สามารถพกพาได้…วิวัฒนาการทั้งหมดของมนุษย์ในตอนนี้ล้วนแต่มาจากไฟ เมื่อเทียบกับ ‘การยกระดับจากการสืบทอด‘ อย่างที่ราชาคิดเอาไว้แล้ว มันเหมือนจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญมากกว่า — แม่มดนั้นเหนือกว่าในเรื่องของความหลากหลายทางด้านความสามารถ ถ้าหากในช่วงเวลาหลายร้อยปีมานี้มีผู้ตื่นรู้ที่เหมาะสมปรากฏตัวขึ้นมาซักคน บวกกับการศึกษาเกี่ยวกับไฟมาเป็นระยะเวลานานของมนุษย์ มันก็มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการยกระดับอย่างก้าวกระโดด
แต่ต่อให้มนุษย์เดินไปบนเส้นทางที่แตกต่างกับพวกมัน นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสิ้นไร้หนทางในการตอบโต้ อย่างเช่นการใช้หินอาญาสิทธิ์มาแกะให้เป็นเหมือนเสาหินแบบนี้ก็ทำให้มันมีความแข็งมากพอที่จะต้านฝนเพลิงเอาไว้ได้ อุรูคมองเห็นอย่างชัดเจนว่าในการระเบิดอย่างรุนแรงหลายครั้ง ตัวเสาหินอาญาสิทธิ์ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์
สิ่งที่อันตรายจริงๆ นั้นก็คือฝนเพลิงที่สามารถลอยข้ามเสาหินแล้วไปตกในกลุ่ม ‘ทูมสโตน’ เมื่ออยู่ต่อหน้าฝนเพลิง เกราะที่แข็งแกร่งฟันแทงไม่เข้าของพวกมันก็ยังต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ
ที่น่าขำก็คือตัวจักรพรรดินั้นฝากความหวังไว้กับร่างซิมไบออนท์ที่ไม่มีทั้งความรู้สึกและความหวาดกลัวนี้สูงมาก เขาคิดว่ามันคือผลงานที่มีค่ามากที่สุดที่ได้มาจาก ‘ชิ้นส่วนสืบทอด’ มันไม่เพียงแต่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับการสนับสนุนแนวหน้า แต่มันยังทำให้เผ่าพันธุ์มีเครื่องมือในการทำสงครามที่มากขึ้นด้วย ทูมสโตนเพียงแค่ 100 ตัวก็สามารถกำจัดมนุษย์ หรือก็คือแมลงชั้นต่ำในสายของพวกมันให้สิ้นซากได้แล้ว
ดังนั้นราชาจึงส่งทูมสโตนมาให้มัน 100 ตัวพอดิบพอดี
แต่ในศึกที่ผ่านมาครึ่งปี มนุษย์ไม่เพียงแต่จะไม่ถูกทำลาย แต่กลายเป็นทางฝั่งทาคิลาที่กำลังจะพังพินาศแทน และในตอนนี้อุรูคก็เหลือทูมสโตนอยู่ไม่ถึง 40 ตัว
ถ้าตอนนั้นสกายลอร์ดไม่เชื่อจักรพรรดิในเรื่องนี้มากเกินไป ตอนนี้มันก็คงไม่เป็นแบบนี้
ถ้าหากร่างซิมไบออนท์เหล่านี้ถูกทำลายลงจนหมดระหว่างทาง มันก็คงได้แต่ต้องให้ร่างระดับต้นออกไปสู้กับศัตรูเท่านั้น
นั่นมันไม่ได้ต่างอะไรกับการเข้าไปตายเลย แรงปะทะที่เกิดจากการที่ฝนเพลิงยิงใส่เสาหินอาญาสิทธิ์นั้นไม่ใช่สิ่งที่ร่างต้นแบบจะทนรับได้เลย แม้แต่เท้าที่เป็นหินสีดำของทูมสโตนก็ยังอาจจะถูกกระแทกจนหักได้ แล้วนับประสาอะไรกับร่างกายที่เป็นเนื้อล่ะ?
แต่อุรูคไม่ได้สนใจ
เพราะการเสียสละเหล่านี้คือสิ่งที่คุ้มค่า
และมนุษย์….ก็จะต้องชดเชยให้กับการเสียสละของพวกมัน
…..
เวลา 22.00 น. ณ หน่วยบัญชาการใต้ดิน
การต่อสู้ดำเนินมาเป็นเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงแล้ว ทุกๆ 5 นาที ขวานเหล็กจะได้ยินเสียงทึบๆ ของปืนใหญ่ที่ดังลงมาจากด้านบนหัวของเขาพร้อบกับเศษดินที่ร่วงตกลงมาด้วย
นอกจากนี้บนสนามรบก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอื่นอีก เหมือนว่าปีศาจไม่ได้โจมตีอะไรกลับมาเลย ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้มีแต่กองทัพที่หนึ่งที่กระหน่ำยิงเข้าไป
นี่ดูแล้วแตกต่างจากการทำศึกที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง
เพื่อเป็นการประหยัดกระสุนและรักษาลำกล้องปืนเอาไว้ เขาจึงสั่งให้กองพันปืนใหญ่ยิงช้าลง อีกทั้งยังให้เน้นยิงไปที่ด้านหลังของเงาดำ แต่ปัญหาคือต่อให้พวกเขาสร้างความเสียหายให้กับปีศาจได้จริงๆ ทว่าพวกเขากลับไม่สามารถใช้ดวงตาแห่งเวทมนตร์ในการมองดูผลการยิงได้
สิ่งเดียวที่สามารถแน่ใจได้ในตอนนี้คือปืนใหญ่ 152 มม. ไม่สามารถทำลายเสาหินอาญาสิทธิ์ได้ ถึงแม้การกระหน่ำยิงเข้าไปจะทำให้เงาดำเคลื่อนที่ช้าลง แต่สุดท้ายมันก็กลับมาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าเดิม แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าปีศาจแมงมุมมันทำให้แท่งหินอาญาสิทธิ์ันี้กลิ้งผ่านหลุมกระสุนได้อย่างไร
“บ้าเอ้ย” ขวานเหล็กทุบโต๊ะด้วยความโมโห “ถ้าเป็นกลางวันล่ะก็ พวกมันไม่มีทางรอดมาถึงตอนนี้หรอก!”
ปัญหาที่สำคัญที่สุดที่กองทัพที่หนึ่งกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ก็คือไม่มีใครรู้ว่ากระสุนปืนใหญ่ไปตกอยู่ตรงไหน ถ้าอยากจะยิงปืนใหญ่ให้โดนเป้าหมาย ก็ต้องทดลองยิงออกไปเพื่อปรับจุดตกของกระสุน แต่เมื่อต้องเจอกับจุดบอดที่กว้างถึง 150 เมตร การยิงแต่ละครั้งจึงเหมือนเป็นการทดลองยิงที่ไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมาเลย
จากการตรวจสอบของซิลเวีย ผู้พิฆาตเวทมนตร์ยังไม่ได้บุกเข้ามาในค่าย หากแต่คอยบินวนอยู่ด้านบนเงาดำ เห็นได้ชัดว่ากำลังเฝ้าระวังไลต์นิ่ง ถึงแม้ความเร็วของไลต์นิ่งจะเร็วกว่าศัตรู แต่การบินด้วยความเร็วสูงจะทำให้สิ้นเปลืองพลังเวทมนตร์อย่างมาก ถ้าให้บินโฉบเข้าไปครั้งสองครั้งนั้นยังพอได้อยู่ แต่ถ้าให้คอยบินวนอยู่เหนือเงาดำเพื่อคอยดูจุดตกของกระสุนไปแล้วแล้วก็คอยหลบผู้พิฆาตเวทมนตร์ไปด้วย แบบนั้นความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นสูงอย่างมาก
แต่ถ้าไม่มีข้อมูลอะไรกลับมา นั่นก็หมายความว่าจะไม่สามารถยิงเพื่อปรับระยะได้
แบบนี้แผนที่จะให้การกระหน่ำยิงเพื่อกำจัดศัตรูอย่างรวดเร็วก็จะไม่สามารถเป็นจริงได้
สถานการณ์ในตอนนี้เหมือนกับกำลังวัดดวงอยู่ เขาสามารถเอากระสุนปืนใหญ่ทั้งหมดกระหน่ำยิงใส่เงาดำเพื่อทำให้มันหยุดเคลื่อนที่มาข้างหน้าได้ แต่ขอเพียงศัตรูเอาปีศาจแมงมุมถอยหนีไป กองทัพที่หนึ่งก็จะเหมือนเสียกระสุนไปฟรีๆ
นอกจากนี้พื้นที่ทั้งสองด้านของเงาดำก็มีปีศาจคุ้มคลั่งที่พร้อมจะพุ่งโจมตีเข้ามา เหมือนว่าพวกมันอยากจะใช้รูปแบบการโจมตีกระหนาบทั้งสองด้าน ถ้าเล็งปืนใหญ่ไปทางพวกมันก็จะสามารถกำจัดพวกมันได้ทันที แต่ปีศาจพวกนี้มีจำนวนน้อยนิดเดียว การจะเล็งยิงไปที่พวกมันโดยเฉพาะทำให้ขวานเหล็กรู้สึกค่อนข้างเสียดายกระสุน
“พวกศัตรูมันถึงได้เลือกที่จะบุกในตอนกลางคืนไง” เอดิธส์พูดอย่างใจเย็น “แค่นี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ถ้าไม่มีซิลเวียล่ะก็ อย่าว่าเป็นเงาดำที่เป็นจุดบอดนั้นเลย แม้แต่ศัตรูอยู่ที่ไหนพวกเราก็คงจะไม่รู้ด้วยซ้ำ อีกอย่างปีศาจมันโดนยิงอยู่ฝ่ายเดียว มันยังไม่ร้อนใจอะไรเลย แล้วท่านจะไปร้อนใจทำไม”
“ข้าแค่ไม่อยากจะเปลืองกระสุนที่ได้มาอย่างยากลำบากเท่านั้น” ขวานเหล็กขมวดคิ้วพูด
“วางใจได้ พวกมันไม่มีทางดันไอแท่งหินนั่นไปได้ตลอดหรอก ข้าคิดว่าอีกฝ่ายก็น่าจะรู้ถึงจุดนี้ดี พวกมันน่าจะเริ่มโจมตีตอนที่เข้ามาถึงระยะยิงปืนครกแล้วนั่นแหละ” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือยิ้มมุมปาก “เสียดายที่ปีศาจไม่รู้ว่ากลางคืนไม่ได้มืดมิดแบบนี้ไปตลอด เอาไว้พวกมันเข้ามาถึงพื้นที่ยิงพลุไฟเมื่อไร นั่นแหละคือช่วงเวลาตัดสินแพ้ชนะ”
…………………………………………………..
Comments for chapter "ตอนที่ 1156 ศึกทาคิลา (2)"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
Crystal
สัญลักษณ์แห่งชัยชนะ55555