Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1159 ซุ่มยิง
“แอนเดรีย!” คามิล่าตะโกน
“ข้า ข้ารู้แล้ว…” แอนเดรียรีบจับปืน ก่อนจะหลับตาและโยนความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป ยังไม่รู้สึก ยังไม่รู้สึก ยังไม่รู้สึก…เธอท่องคำพูดนี้อยู่ในใจหลายรอบ จากนั้นจู่ๆ เธอก็ลืมตาขึ้นมา!
พริบตานั้นเอง มุมมองของเธอพลันบิดเบี้ยวขึ้นมา ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเหมือนมีภาพซ้อนจำนวนมากปรากฏขึ้นมา พวกมันยืดยาวออก ทับซ้อนกัน แล้วก็ขยายออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ นี่คือความรู้สึกของดวงตาเวทมนตร์ที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอ ทัศนวิสัยของเธอพลันเปิดกว้างขึ้นมา
นอกจากนี้สิ่งที่เชื่อมต่อเข้ามายังมีจิตสำนึกของซิลเวียด้วย
ในตอนที่ภาพซ้อนในดวงตาหยุดนิ่งลง ดวงตาของเธอก็มองทอดยาวออกไปหลายกิโลเมตรตามความคิดของอีกฝ่าย เจ้าปีศาจสวมเกราะสีดำที่หน้าตาดูคุ้นเคยตัวนั้นปรากฏตัวขึ้นในดวงตาของเธอ แต่สิ่งที่ดูสัมผัสได้ชัดเจนมากกว่านั้นก็คือพลังเวทมนตร์ที่ขยายตัวอย่างรุนแรงของผู้พิฆาตเวทมนตร์จนเหมือนจะจับต้องได้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปีศาจโครงกระดูกถอยหนีเร็วเกินไปหรือว่าการสูญเสียทาคิลาทำให้มันปวดใจอย่างมาก ผู้พิฆาตเวทมนตร์ถึงได้บินออกมาคนเดียวโดยไม่มีปีศาจคุ้มกัน
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” แอชเชสถามเสียงเข้ม
“ผู้พิฆาตเวทมนตร์…ยังไม่เห็นพวกเรา!” แอนเดรียตอบอย่างตื่นเต้น “มันกำลังบินไปทางเส้นทางขนส่งหมอกแดง ถึงแม้ตำแหน่งจะค่อนไปทางตกวันออก แต่ก็ยังอยู่ในระยะยิง! บรรจุกระสุนเลย ไม่มีโอกาสที่ดีกว่านี้แล้ว!”
แอชเชสพยักหน้า ก่อนจะเอากระสุนหินอาญาสิทธิ์บรรจุเข้าไปในรังเพลิงแล้วดึงลูกเลื่อน
ระยะทางประมาณ 8 – 9 กิโลเมตร ลมพัดไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ไม่มีปีศาจตัวอื่นรบกวน นี่คือสถานการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับการซุ่มยิง แอนเดรียเพ่งสมาธิไปบนเป้าหมาย ก่อนจะกลั้นหายใจและปล่อยพลังเวทมนตร์ออกมา
เส้นนำทางจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมาและตรงไปรวมกันอยู่ที่ตัวผู้พิฆาตเวทมนตร์ บางเส้นก็หมุนควงไปมา บางเส้นก็พุ่งขึ้นลง ยากจะจินตนาการได้ว่ากระสุนปืนจะสามารถลอยไปด้วยวิถีแปลกๆ แบบนี้ได้ แต่ไม่นานเส้นนำทางส่วนใหญ่ก็จางหายไป เหลือเพียงแค่เส้นนำทางสีเงินที่ส่องประกายเหลืออยู่เพียงเส้นเดียวเท่านั้น
เธอเจอเหรียญที่จะตั้งขึ้นเหรียญนั้นแล้ว
ขณะเดียวกัน พลังเวทมนตร์ในร่างกายก็ลดลงอย่างรวดเร็ว เธอไม่เหลือเวลาให้ลังเลแล้ว โอกาสมีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น!
แอนเดรียกัดฟันแล้วเหนี่ยวไกปืน
เสียงระเบิดดังสนั่นจนแสบแก้วหู เธอรู้สึกว่าหัวไหล่เหมือนถูกอะไรหนักๆ กระแทกอย่างแรง ตัวเธอกระเด็นลอยไปด้านหลัง ส่วนแอชเชสที่อยู่ข้างๆ นั้นเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว เธอใช้มือข้างเดียวดึงข้อศอกของเธอเอาไว้
“ไม่อยากจะถูกเจ้ากอดเอาไว้แบบนี้เลย” มุมปากแอนเดรียกระตุกขึ้นมา แต่ร่างกายเธอกลับผ่อนคลายลง ในเวลานี้หัวไหล่เธอรู้สึกชา เหมือนกับว่ามันไร้ความรู้สึก ถึงแม้จะมองไม่เห็น แต่เธอก็รู้ว่าภายใต้เสื้อผ้านั้นจะต้องบวมแดงแน่ๆ ถ้าไม่มีการรักษาของนาน่า เกรงว่าคงต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะฟื้นคืนกลับมาเป็นเหมือนเดิม
นี่คือผลกระทบจากลำกล้องที่มีขนาดใหญ่ ต่อให้ติดตัวดูดซับแรงกระแทกเข้าไปตั้งหลายอย่างแล้ว แต่แรงกระแทกที่เหลืออยู่ก็ยังรุนแรงอย่างมาก ในตอนที่ทำการทดสอบอาวุธเธอก็รู้แล้วว่าต่อให้ผลิตกระสุนหินอาญาสิทธิ์ออกมาเยอะแค่ไหน เธอก็ไม่มีทางที่จะยิงครั้งที่สองได้ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณพลังเวทมนตร์ ความแข็งแกร่งของร่างกายหรือว่าน้ำหนักที่เรืออาร์คเวทมนตร์สามารถบรรทุกได้ล้วนแต่จำกัดการใช้พลังของเธอเอาไว้
แต่ว่าการสังหารศัตรูในการยิงนัดเดียวคือความสามารถที่เธอภาคภูมิใจมากที่สุด
การสู้กับศัตรูจนเลือดท่วมตัวนั้นมีแต่พวกป่าเถื่อนเท่านั้นแหละที่จะทำกัน
อย่างเช่นเจ้าบื้อที่คอยประคองเธออยู่ในตอนนี้
“ถ้าไม่เห็นว่าซิลเวียกำลังเชื่อมต่อกับเจ้าอยู่ ข้าก็ไม่อยากจะสนใจเจ้าหรอก” แอชเชสกรอกตา “แล้วเป็นไง ผู้พิฆาตเวทมนตร์มัน…”
“รออีกเดี๋ยว” แอนเดรียทำมือเป็นสัญลักษณ์บอกให้เงียบก่อน “กระสุนกำลังเดินทางอยู่”
เส้นสีเงินที่อยู่ตรงหน้ากำลังหดสั้นลง ปลายทางของมันไม่ได้อยู่บนตัวผู้พิฆาตเวทมนตร์ หากแต่ตัดผ่านเส้นทางที่อีกฝ่ายกำลังจะบินผ่าน เมื่อมองดูจากหางตาของเธอจะเหมือนว่ากระสุนกับปีศาจนั้นกำลังแข่งกันวิ่งไปหาเป้าหมายหนึ่ง และสุดท้ายก็จะไปบรรจบกันที่จุดๆ หนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
ทันทีที่เหนี่ยวไกปืนออกไป ผลลัพธ์ก็ได้ถูกกำหนดออกมาแล้ว กระสุนหินอาญาสิทธิ์จะบินไปตามวิถีที่ได้กำหนดเอาไว้ ปัจจัยที่ไม่แน่นอนเพียงหนึ่งเดียวนั้นอยู่ที่ตัวเป้าหมาย ถ้าจู่ๆ ผู้พิฆาตเวทมนตร์เกิดเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน อย่างนั้นผลลัพธ์ทั้งหมดก็จะไม่เกิดขึ้น เวลาประมาณ 25 วินาทีจะว่ายาวก็ไม่ยาว จะว่าสั้นก็ไม่สั้น สิ่งเดียวที่เธอทำได้คือสวดภาวนาขอให้อีกฝ่ายบินไปแบบนี้เรื่อยๆ
กระแสลมที่พัดจากตะวันตกไปยังตะวันออกคอยดันกระสุนให้พุ่งเข้าไปหาปีศาจด้วยความเร็วสูง ในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีสุดท้าย แอนเดรียกลั้นลมหายใจ แล้วก็พูดสิ่งที่ภาวนาอยู่ในใจออกมา
อย่าเปลี่ยนทาง อย่าเปลี่ยนทาง อย่าเปลี่ยนทาง…
ทันใดนั้นเอง ผู้พิฆาตเวทมนตร์จู่ๆ ก็หันหน้ามาสบตาเข้ากับเธอ!
แอนเดรียรู้สึกเหมือนเลือดที่อยู่ในร่างกายจับตัวแข็งขึ้นมาทันที
แต่วินาทีต่อว่า กระสุนที่ร่วงลงมาจากบนฟ้าก็ตกกระแทกลงไปบนหลังของมัน
แรงปะทะอันรุนแรงทำให้หินอาญาสิทธิ์แตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากเงาดำๆ ก้อนหนึ่งก็กลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่สิ่งที่แหลกละเอียดยิ่งกว่าหินอาญาสิทธิ์ก็คือร่างกายของผู้พิฆาตเวทมนตร์
ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง เธอก็ไม่มีทางจินตนาการออกได้ว่าก้อนหินที่มีขนาดกว้างสองนิ้วมือจะมีอานุภาพทำลายล้างที่รุนแรงถึงเพียงนี้ เกราะหนาๆ แตกกระจุยเหมือนผ้าขาดๆ กระสุนพุ่งทะลุเข้าไปในร่างกายของมันก่อนจะระเบิดหน้าอกมันจนกลายเป็นรูขนาดใหญ่ เลือดเนื้อและเครื่องในไหลทะลักออกมา
น่าจะเป็นเพราะรูที่หน้าอกนั้นมีขนาดใหญ่มากเกินไป หลังผู้พิฆาตเวทมนตร์ตีลังกาไปสองรอบ ร่างกายมันก็ขาดออกเป็นสองส่วน ก่อนจะร่วงไปบนพื้น
ในเวลานี้แอนเดรียถึงได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึงเมื่อครู่ เธอกลืนน้ำลาย “เป้าหมาย…ตายแล้ว”
“พวกเราทำสำเร็จแล้วเหรอ?” แม็กกี้ถามอย่างดีใจ
“ใช่” ซิลเวียถอนหายใจออกมา “ถูกยิงขาดออกเป็นสองท่อน ต่อให้เป็นนาน่าก็ไม่มีทางช่วยมันได้”
“ทำดีมาก” แอชเชสตบไหล่แอนเดรีย จากนั้นก็หยิบเอารูนสดับออกมา “ไลต์นิ่ง เรียกซีกัลให้มาเจอกันได้แล้ว ภารกิจสำเร็จเรียบร้อย พวกเรากลับได้แล้ว”
“เข้าใจแล้ว” อีกด้านมีเสียงไลต์นิ่งดังตอบกลับมา
ปืนไรเฟิลถูกถอดออกมาเป็นชิ้นๆ อย่างรวดเร็ว ตอนนี้ก็แค่รอให้อีกทีมกลับมาจากทางตะวันตก พวกเธอก็สามารถออกเดินทางได้แล้ว เมื่อคิดถึงว่าอีกเดี๋ยวจะได้ถอนกำลังกลับค่ายแล้ว สีหน้าทุกคนพลันดูผ่อนคลายขึ้นมาทันที
ยกเว้นแอนเดรียคนเดียวเท่านั้น
ทุกขั้นตอนเหมือนจะดำเนินไปอย่างที่ได้วางแผนเอาไว้ ยกเว้นก็แต่ที่ผู้พิฆาตเวทมนตร์มาหน้ามามองในตอนสุดท้าย
จนถึงตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นจนแผ่นหลังอยู่
หรือมันจะรู้ว่าเธอกำลังจ้องมองมันอยู่?
แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง? เธออยู่ห่างจากมันตั้ง 8 – 9 กิโลเมตร แถมยังมีป่าคั่นกลางอยู่อีก การที่มันจะหาพวกเธอให้เธอในสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากการงมเข็มในมหาสมุทรเลย ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีท่าทีว่า ‘กำลังมองหา’ พวกเธอ หากแต่จู่ๆ ก็หันมาสบตากับพวกเธอ เหมือนว่ามันรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเธออยู่ตรงนี้
นอกจากนี้ซิลเวียก็น่าจะมองเห็นภาพเหตุการณ์นี้เหมือนแต่ แต่ทำไมเธอกลับดูเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรเลย? หรือเธอจะคิดว่านั่นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ และไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไร
น่าจะเป็นแบบนั้นล่ะมั้ง เพราะว่าตอนนี้ผู้พิฆาตเวทมนตร์ได้ตายไปแล้ว…ปีศาจที่ตายไปแล้ว ต่อให้ตอนนั้นมันทำอะไรไว้ มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะไปคิดถึงมันอีก
แอนเดรียนวดขมับตัวเอง แต่จู่ๆ นิ้วมือของเธอก็หยุดลง
เธอจำได้ว่าบนใบหน้าแอชเชสเคยได้รับบาดเจ็บจากตอนที่สู้กับผู้พิฆาตเวทมนตร์เพื่อปกป้องลีฟ
“เออใช่ พวกบาดแผลภายนอกอย่างนี้ เจ้าต้องใช้เวลานานเท่าไรถึงจะรักษาตัวเองให้หายเป็นปกติได้?” แอนเดรียมองไปทางแอชเชส
แอชเชสยักไหล่ “ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมงมั้ง เจ้าถามทำไม?”
“พูดอีกอย่างก็คือถ้าแค่ 10 นาที เจ้าก็จะรู้สึกได้ใช่ไหมว่าบาดแผลมันดีขึ้น?” เธอจ้องมองดูใบหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะถามต่อว่า “อย่างนั้นตอนนี้เจ้ารู้สึกว่ามันดีขึ้นบ้างไหม?”
อีกฝ่ายงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะเอามือไปลูบแก้มของตัวเองดู “แปลก…มันยังรู้สึกเจ็บๆ อยู่”
ซิลเวียเหมือนจะรู้ตัวเป็นคนแรก สีหน้าเธอเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะพยายามฝืนใช้พลังดวงตาเวทมนตร์ออกมาอีกครั้งทั้งๆ ที่ร่างกายก็เหนื่อยล้าจากการที่ใช้พลังเวทมนตร์ไปเป็นจำนวนมาก จากนั้นเธอก็มองไปทางด้านหลังทุกคนด้วยสีหน้าหวาดกลัว “ระ…ระวัง!”
แอชเชสรีบชักดาบแล้วหมุนตัวกลับไปด้วยความเร็วปานสายฟ้า ก่อนจะกระโดดขึ้นไปอย่างสุดแรงพร้อมกับดาบยักษ์ที่อยู่ในมือ!
ทุกคนได้ยินเสียง ‘ชิ้ง’ เบาๆ จากนั้นเงาดำสายหนึ่งก็เฉียดผ่านคมดาบไป ก่อนจะแทงทะลุร่างกายของแม็กกี้ แรงกระแทกนี้รุนแรงจนตัวแม็กกี้กระเด็นลอยออกไป
ยังไม่ทันที่แม่มดคนอื่นๆ จะได้วิ่งเข้าไปดูว่าแม็กกี้เป็นอย่างไรบ้าง ปีศาจร่างคนที่ทั้งตัวเป็นสีน้ำเงินคล้ำและมีรูปร่างสูงใหญ่ตัวหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏกายขึ้นต่อหน้าทุกคน
“เจอ…พวกเจ้าแล้ว”
ความรู้สึกหนาวเย็นที่เสียดแทงเข้าไปในกระดูกห่อหุ้มร่างกายแอนเดรียเอาไว้อีกครั้ง
เธอมองดูด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ ปีศาจที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ดูเยือกเย็นเหมือนกับน้ำในทะเลสาบ ตั้งแต่ตอนที่มันลงมือจนถึงตอนที่มันปรากฏตัว เธอสัมผัสถึงการกระเพื่อมของพลังเวทมนตร์ไม่ได้เลย
หัวใจเธอตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
……………………………………………………………….