Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1162 สิ้นหวัง
ปีศาจคุ้มคลั่งที่คอยป้องกันอยู่ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างโกรธแค้น มันคว้าหอกกระดูกขึ้นมา แขนของมันขยายตัวอย่างรวดเร็ว
หากเป็นไลต์นิ่งเมื่อก่อนนี้ เธอคงจะทิ้งของที่แบกอยู่ทิ้งทั้งหมด แล้วรีบบินหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ในหัวของเธอเวลานี้กลับใจเย็นอย่างน่าประหลาด ปีศาจแมงมุมยังเหลืออีกตัวหนึ่ง ถ้าไม่มีอาวุธก็จะไม่สามารถหยุดอีกฝ่ายได้ ไม่ว่าจะทำยังไงก็ห้ามปล่อยมันไปเด็ดขาด! อย่างนั้นวิธีเดียวก็คือต้องหลบหอกพวกนั้นให้ได้
เธอจงใจบินไต่ขึ้นไปเป็นเส้นตรง จนกระทั่งบินผ่านยอดไม้และหายไปจากสายตาของศัตรูแล้ว เธอก็รีบเปลี่ยนทิศทางด้วยการเปลี่ยนไปบินในแนวราบแทนที่จะบินขึ้นด้านบน แทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง หอกกระดูกสองเล่มก็พุ่งเข้ามา ก่อนจะเฉียดขาทั้งสองข้างของเธอไป
ไลต์นิ่งถอนหายใจออกมา ก่อนจะบินไปยังเป้าหมายต่อไปที่เมซี่บอกโดยไม่หันหน้ากลับมามองปีศาจคุ้มคลั่งสองตัวนั่น
แต่ในตอนที่เธอมองเห็นปีศาจแมงมุมตัวที่สอง หัวใจเธอก็ต้องหล่นวูบไปทันที
ผลึกหินที่อยู่บนหลังของอีกฝ่ายก่อตัวเป็นรูปร่างสมบูรณ์พร้อมกับถูกยกขึ้นสูง บนผลึกหินมีเส้นเลือดที่ส่องแสงสีน้ำเงินกระจายอยู่เต็มไปหมด เห็นได้ชัดว่ามันพร้อมจะยิงแล้ว!
แต่เธอยังไม่ได้บรรจุกระสุนเข้าไปใหม่เลย
ไม่ทันแล้ว
“เมซี่! เข้าไปกวนมัน อย่าให้มันยิงเสาหินออกไป!”
“อ๊าซซซซ!”
เหนี่ยวเมอร์ลินที่บินวนอยู่ด้านบนพุ่งลงมาทันที ขณะเดียวกันร่างกายของเธอก็ขยายใหญ่ แค่พริบตาก็แปลงร่างกลายเป็นอสูรสยองที่รูปร่างใหญ่โตจนน่าตกใจ
ปีศาจคุ้มคลั่งที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านข้างปีศาจแมงมุมตกตะลึง เหมือนมันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ร่างกายอันใหญ่โตของเมซี่พุ่งชนด้านข้างของเป้าหมายอย่างแรง แรงปะทะของมันไม่ได้ด้อยไปกว่ากระสุนปืนใหญ่เลย! เศษหินเศษดินกระเด็นกระจุยกระจาย ปีศาจแมงมุมที่หมอบอยู่บนพื้นล้มตะแคงข้างจนเกือบหงายท้อง
ขณะเดียวกันนั้นเอง เสาหินที่อยู่บนหลังของมันก็ถูกยิงออกมาจนแทบจะเลียดไปกับพื้น ปีศาจคุ้มคลั่งที่ยังยืนไม่มั่นคงกลายเป็นเหยื่อสังเวยรายแรก เสาหินกวาดผ่านตำแหน่งที่พวกมันยืนอยู่จนแทบจะเหมือนหินโม่แป้ง ก่อนจะพุ่งเข้าไปในป่าเป็นระยะทางหลายสิบเมตรก่อนจะหยุดลง ตัวเสาหินไม่เพียงแต่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่มันยังกวาดต้นไม้ต่างๆ จนราบกลายเป็นรูปพัดด้วย
“สวยมาก!” ไลต์นิ่งลงมายืนบนพื้นพร้อมกับบรรจุกระสุนเข้าไปในปืน ปลดล็อกปืน เล็งเป้าไปยังปีศาจแมงมุม อีกฝ่ายตะกุยขาสั้นๆ ของมัน เหมือนว่ามันพยายามจะยืนขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่เธอไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสได้ยืนขึ้นมาแน่นอน
กระสุนระเบิดพุ่งเข้าไปยังส่วนท้องของมันที่ไม่มีอะไรปกป้อง เปลวไฟกับคลื่นอากาศที่เกิดจากการระเบิดพวยพุ่งออกมาจากอีกด้านหนึ่งของตัวมัน ท้องของมันถูกฉีกทะลุจนกลายเป็นรูขนาดใหญ่
หลังแน่ใจว่าเป้าหมายตายแล้ว ไลต์นิ่งก็รีบดึงเมซี่ที่ฟื้นคืนร่างเดิมขึ้นมา “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นอะไร! ข้าใช้ส่วนที่หนาที่สุดบนไหล่กระแทกมันไป!” เธอถลกแขนเสื้อขึ้นมา ก่อนจะแสร้งทำเป็นเหวี่ยงแขนเหมือนไม่เป็นอะไร แต่ผลปรากฏว่าในตอนที่ยกแขนขึ้นมาสูงๆ เธอพลันทำหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความเจ็บปวด
“ดูเหมือนจะยังหนาไม่พอนะ…” ไลต์นิ่งลูบหัวของเธอ ก่อนจะพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เอาไว้ข้าจะย่างของให้เจ้ากินเยอะๆ เลย เวลาชนใครเจ้าจะได้ไม่ต้องกลัว…แต่ว่าตอนนี้เจ้าต้องอดทนก่อนนะ”
“อื้อ!” เมซี่พยักหน้า
“อย่างนั้นไปกันเถอะ” ไลต์นิ่งย่อตัวลงไปพร้อมกับจับเมซี่ที่แปลงร่างเป็นนกพิราบขึ้นมาไว้บนหัว “พวกเราไปช่วยทุกคนก่อน ทีมนักสำรวจแห่งเนเวอร์วินเทอร์ ออกเดินทาง!”
…..
“ปัง!”
แอนเดรียเหนี่ยวไกยิงปีศาจที่โผล่หน้ามาตัวหนึ่งจนล้มลงไปกองกับพื้น
นี่ยิงไปนัดที่เท่าไรแล้ว?
เธอกับคันชักลูกเลื่อนด้วยความรู้สึกชาเพื่อบรรจุกระสุนเข้ารังเพลิง ในปากเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด เธอไม่รู้ว่าเศษเล็กๆ ที่อยู่บนลิ้นของเธอมันคือสนิมของเหล็กหรือว่าเป็นฟันของตัวเองที่แตกออกมากันแน่
น่าจะยิงไปหลายสิบนัดแล้วมั้ง?
ต่อให้ยิงสิบนัดถูกหนึ่งนัด ก็เท่ากับว่าเธอยิงปีศาจตายไปแล้วสิบกว่าตัว แต่การโจมตีของศัตรูดูไม่ได้เบาลงเลย หากแต่ยิ่งดุดันมากขึ้นกว่าเดิม
ปีศาจคุ้มคลั่งที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยมองอยู่ในสายตา ตอนนี้กลับกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากลำบาก — เนื่องจากมีความได้เปรียบในเรื่องจำนวน ศัตรูจึงสามารถขยายแนวรบออกไปเพื่อตีกระหนาบเข้ามาโดยไม่ต้องกังวลอะไร ถ้าไม่เป็นเพราะมีความแตกต่างกันในเรื่องของอาวุธแล้วล่ะก็ พวกเธอคงจะไม่สามารถหยุดการโจมตีของศัตรูได้แน่
อีกทั้งการทำศึกในป่าก็ทำให้ประสิทธิภาพของปืนลดต่ำลง ปีศาจคุ้มคลั่งใช้ต้นไม้ในการหลบกระสุนปืนพร้อมกับคอยปาหอกกระดูกออกมา การโจมตีที่มาจากรอบทิศทางทำให้พวกเธอไม่สามารถป้องกันได้เลย ส่วนแม่มดอาญาสิทธิ์ที่ทั้งตัวมีแต่อาวุธปืนแต่ไม่มีโล่ป้องกันก็ได้แต่ต้องใช้ร่างกายและเทคนิคการต่อสู้ในการหลบหอกของอีกฝ่าย
แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือศัตรูไม่ได้มีปีศาจระดับสูงที่เป็นผู้พิฆาตเวทมนตร์เพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น พวกมันยังมีปีศาจระดับสูงที่ดูเหมือนจะแปลงร่างมาจากเจ้าแห่งนรกอยู่อีกตัวด้วย โดยมันยังคงมีรูปร่างเป็นสัตว์ประหลาดสี่ขาอยู่ ถึงแม้ความสามารถของมันจะไม่สามารถสู้อุรูคได้ แต่ร่างกายของมันกลับแข็งแกร่งอย่างมาก มันสามารถใช้ต้นไม้ใหญ่ๆ ปาออกมาแทนหอก ทุกครั้งที่มันลงมือจำเป็นต้องใช้แม่มดอาญาสิทธิ์ 3 – 4 ในการหยุดหอกต้นไม้พวกนั้นเอาไว้ ขณะเดียวกันมันยังสามารถเรียกกำแพงดินขึ้นมาเป็นเกราะกำบังให้พวกเดียวกันได้ด้วย หลังโจมตีเข้ามาสองสามครั้ง การป้องกันของเหล่าแม่มดก็เริ่มไม่ทั่วถึง ความเร็วในการถอยยิ่งช้าลงเรื่อยๆ
การบรรจุกระสุน เล็ง ยิงทุกๆ ครั้งเหมือนกลายเป็นการเคลื่อนไหวของเครื่องจักร ความเจ็บปวดของบาดแผลและความเหนื่อยล้าของร่างกายเล่นงานหัวสมองเธอ สติของแอนเดรียค่อยๆ เลือนลางลง
“แอนเดรีย ระวังทางขวา!” ซิลเวียที่ถูกคุ้มกันอยู่ตรงกลางตะโกนขึ้นมา
ปีศาจที่แห่เข้ามาดึงดูดความสนใจจากแม่มดอาญาสิทธิ์เอาไว้ ผู้พิฆาตเวทมนตร์สลัดดาบของแอชเชสแล้วรีบพุ่งเข้ามาดักข้างหน้าเอเลน่ากับแอนเดรียอย่างรวดเร็วราวกับวิญญาณ
แอนเดรียยกปืนขึ้นมา แต่อุรูคกลับใช้มือของมันฟันปืนจนขาดเป็นสองท่อน
จากนั้นก็เตรียมจะโจมตีเพื่อปลิดชีวิตเธอ
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา เวลาเหมือนจะหยุดนิ่งลง เธอมองเห็นลำแสงสีน้ำเงินที่ปล่อยออกมาจากฝ่ามือของมัน พลังเวทมนตร์ที่รวมตัวกันทำให้นิ้วมือทั้งห้าของมันกลายเป็นเหมือนดาบอันแหลมคม ขอเพียงฟันลงมา เธอก็จะตายอยู่ตรงนี้ทันที
มันจบลงแล้ว
ร่างกายเธอหดเกร็งขึ้นมาเพื่อรอรับความเจ็บปวด
แต่ความตายอย่างที่เธอคิดเอาไว้ก็ไม่ได้เกิดขึ้น
ในเสี้ยววินาทีสุดท้าย เอเลน่าหมุนตัวเข้ามารับการโจมตีอันนี้แทนเธอ
กรงเล็บของปีศาจฟันลงไปตรงหน้าอกของเธอจนเป็นแผลเหวอะ กระดูกซี่โครงและเครื่องในไหลทะลักออกมา ต่อให้เป็นร่างทหารอาญาสิทธิ์ก็ไม่มีทางที่จะสู้ต่อไปในสภาพแบบนี้ได้
เอเลน่าล้มลงไปกับพื้น
“ม่ายยยย!” โซอี้หันปืนมาด้วยความโกรธ เธอยิงปืนใส่อุรูคไปหลายนัด การโจมตีด้วยปืนลูกซองในระยะใกล้ขนาดนี้ ต่อให้เป็นผู้พิฆาตเวทมนตร์ก็ไม่มีทางหลบได้หมด ในที่สุดบาเรียที่อยู่บนร่างกายของมันก็แตกออก ร่างกายครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยรูกระสุน เลือดสดๆ ไหลออกมา
แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือศัตรูที่กระเด็นออกไปไกลหลายสิบเมตรกลับไม่ได้แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาเลย มันแสยะยิ้มออกมา ก่อนจะเอามือแทงเข้าไปในร่างกายที่บาดเจ็บของตัวเอง พลังเวทมนตร์อันรุนแรงไหลทะลักออกมา ร่างกายของมันฟื้นฟูเข้ามาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“สัตว์ประหลาด…” ซิลเวียที่เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความสิ้นหวัง
“ชิงเอาชีวิตคนอื่นมาให้ตัวเอง นี่คือความสามารถที่ข้าได้มาตอนที่ยกระดับ มาเรียกข้าว่าเป็นสัตว์ประหลาดมันจะเสียมารยาทเกินไปหน่อยหรือเปล่า” อุรูคถอยกลับมายืนอยู่ข้างปีศาจระดับสูงอีกตัว พร้อมกับเปลี่ยนถังหมอกแดงถังใหม่ที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ ก่อนจะพูดด้วยท่าทีใจเย็นว่า “บาดแผลทุกๆ แห่งบนร่างกายของพวกเจ้า พลังทุกส่วนที่หลั่งไหลออกมาล้วนแต่กลายเป็นสิ่งที่ล่อเลี้ยงข้า! สู้มาจนถึงตอนนี้ พวกเจ้าน่าจะรู้แล้วว่าผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร ดิ้นรนต่อไปก็มีแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บปวด ถ้าพวกเจ้ายอมแพ้ตอนนี้ล่ะก็ ข้าจะทำให้พวกเจ้าตายอย่างไม่ต้องทรมานเพื่อเป็นรางวัลให้กับความกล้าของพวกเจ้า!”
“ไอชาติชั่ว!” โซอี้ตะโกนด่าออกมา “ข้าไม่มีทางยอมก้มหัวให้กับปีศาจเด็ดขาด ต่อให้ต้องตายเป็นพันครั้งหมื่นครั้ง ข้าก็จะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
แต่แอนเดรียกลับไม่ได้ยินคำพูดเหล่านี้…เสียงปืน เสียงคำราม เสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนเตือน ทุกอย่างดูเหมือนจะห่างไกลเธอออกไปเรื่อยๆ เธอค่อยๆ คลานเข้าไปหาเอเลน่า ก่อนจะพลิกตัวอีกฝ่ายขึ้นมากอดไว้ในอ้อมอกพร้อมกับพูดพึมพำออกมาว่า “ทำไม…ต้องช่วยจ้า?”
“แค่ก…” เอเลน่าสำลักเลือดออกมา ก่อนจะยิ้มแล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า “สู้จนตัวตายมันคือชะตาชีวิตของพวกข้า แต่ความแตกต่างมันอยู่ที่ว่าตายแล้วจะได้อะไรกลับคืนมาไหม ขีดจำกัดของพวกข้านั้นได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว แต่เจ้ายังมีพลังแฝงที่ไม่มีขีดจำกัดอยู่ ข้าควรจะทำยังไงเจ้าก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าเสียใจของแอนเดรีย แม่มดอาญาสิทธิ์จึงยื่นมือไปลูบแก้มของเธอเบาๆ “อย่าเศร้าไปเลย เพราะว่าข้าไม่เจ็บแม้แต่นิดเดียว จริงๆ นะ ไม่เจ็บเลย…ข้าแค่…รู้สึกง่วงนิดหน่อยเท่านั้น…”
เสียงพูดเบาลงเรื่อยๆ ลมหายใจของเอเลน่าหยุดลงเหมือนกับว่าเธอหลับไปจริงๆ
แอนเดรียบีบมือของเธอไว้แน่น ภาพในดวงตาพร่ามัว
ในเวลานี้การเคลื่อนไหวของเอเลน่าหยุดลงแล้ว แม่มดอาญาสิทธิ์อีกสองคนถูกผู้พิฆาตเวทมนตร์เล่นงานจนล้มลง ศัตรูที่ตีกระหนาบเข้ามาค่อยๆ ล้อมพวกเธอเอาไว้
มาได้แค่นี้…เหรอ?
ในที่สุดภาระที่ร่างกายแบกรับเอาไว้ก็มาถึงขีดจำกัด ความมึนงงอย่างรุนแรงทำให้เธอไม่สามารถนั่งอยู่บนพื้นได้อีก เธอโงนเงนก่อนจะนอนหงายลงไปกับพื้น
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร บนท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมอยู่เต็มไปหมด ดูแล้วเหมือนฝนกำลังจะตก
และในชั้นเมฆที่ดูมืดครึ้มนั้น เธอเหมือนจะมองเห็นลำแสงสีสองสว่างวาบขึ้นมา
นั่นคือภาพสุดท้ายที่แอนเดรียเห็นก่อนจะหมดสติไป
………………………………………………………………..