Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1169 สภาแห่งหอเจ้าชีวิต
เสียงคลื่นในโลกแห่งความฝันค่อยๆ จางหายไป เฮคซอดลืมตาขึ้นมา
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของมันคือโถงทรงกลมขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ด้านล่างถือทะเลหมอกแดงที่สงบนิ่ง ด้านบนนั้นสูงจนมองไม่เห็นยอด เก้าอี้ขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากันจำนวน 9 ตัวตั้งเรียงเป็นวงกลมไปตามกำแพงหิน ตรงจุดกึ่งกลางของโถงมีหอคอยแห่งการให้กำเนิดขนาดใหญ่หอหนึ่งตั้งตระหง่าน ทว่าบนหอคอยแห่งการให้กำเนิดแห่งกลับกลับมีดวงตาขนาดใหญ่ประมาณร่างระดับต้นปรากฏอยู่เต็มไปหมด ซึ่งแตกต่างจากหอคอยแห่งการให้กำเนิดทั่วๆ ไป
นี่คือดินแดนที่จักรพรรดิสร้างขึ้นมา
‘หอเจ้าชีวิต’
ถึงแม้มันจะเคยเข้ามาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่ร่างกายของมันก็ยังรู้สึกได้ถึงความกดดันและความอึดอัด มันไม่เหมือนกับการสื่อสารผ่านทางจิตแบบง่ายๆ เพราะสิ่งที่ดูเหมือนเป็นภาพมายาที่เกิดขึ้นในกระแสจิตสำนึกแห่งนี้ไม่ใช่ ‘ภาพมายา’ อย่างแท้จริง หากตกลงไปในทะเลหมอกหรือว่าถูกโจมตี ร่างกายของมันก็จะได้รับบาดเจ็บจริงๆ ไม่ใช่แค่สะดุ้งตื่นขึ้นมาเหมือนเวลาที่นอนหลับฝันไป
มันไม่เหมือนกับความวุ่นวายที่อยู่ในโลกภายนอก ที่นี่มีระเบียบที่เคร่งครัดและกฎเกณฑ์ที่ตายตัว
ทุกสิ่งในหอเจ้าชีวิตอยู่ในการควบคุมของจักรพรรดิ
นี่หมายความว่าขอเพียงเข้ามาในหอเจ้าชีวิตแห่งนี้ ชีวิตของมันก็อยู่ในการควบคุมของจักรพรรดิแล้ว
แต่ความจงรักภักดีที่มันมีต่อจักรพรรดินั้นคือสิ่งที่จริงแท้แน่นอน ความขัดแย้งของสัญชาตญาณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจงรักภักดีตรงนี้ได้ มีแต่อสูรชั้นต่ำเท่านั้นถึงจะไม่สามารถควบคุมสัญชาตญาณได้
“สกายลอร์ดพร้อมรับใช้องค์จักรพรรดิ” เฮคซอร์ดก้มหัวให้กับหอสูงที่อยู่ตรงกลาง
ดวงตาดวงหนึ่งลืมขึ้นมามองมัน ก่อนจะหลับตาลงไปใหม่อย่างรวดเร็ว “รอก่อน”
“ขอรับ”
ไม่นานก็มีปีศาจอีกหลายตัวปรากฏขึ้นตรงที่นั่งอื่นๆ
ภาพของพวกมันดูเลือนราง แต่เฮคซอดก็ยังแยกออกว่าอีกฝ่ายเป็นใครจากลักษณะพิเศษของพวกมัน อย่างเช่น ‘บลัดดี้คองเคอเรอร์’ ที่รูปร่างใหญ่เหมือนภูเขาขนาดย่อมๆ บนเกราะมีมีดดาบชนิดต่างๆ ปักอยู่เต็มไปหมด กับ ‘เฮทริต’ ที่สวมใส่ชุดและหน้ากากที่ให้ความรู้สึกบิดๆ เบี้ยวๆ…การจะแสดงภาพตัวเองให้เหมือนจริงได้มากแค่ไหนมันก็ขึ้นอยู่กับระดับความเข้าใจในแหล่งกำเนิดพลังเวทมนตร์ของเจ้าตัว ปีศาจที่สามารถแสดงภาพตัวเองได้อย่างสมบูรณ์เหมือนอย่างมันนั้นมีอยู่แค่ไม่กี่ตัว
หลังจากเก้าอี้ตัวสุดท้ายมีภาพปีศาจปรากฏขึ้นมา ราชาปีศาจทั้ง 9 ก็มารวมตัวกันพร้อมหน้าอยู่ในหอเจ้าชีวิตแห่งนี้
ภาพของจักรพรรดิปรากฏขึ้นมา หอคอยแห่งการให้กำเนิดที่ลอยขึ้นมาจากทะเลหมอกก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาครึ่งหนึ่ง
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าน่าจะรู้กันแล้วว่าข้าเรียกพวกเจ้ามาทำไม ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น ทุกคนน่าจะมีข้อสงสัยแบบเดียวกันอยู่ในใจ เมื่อหลายวันก่อนมีผู้ยกระดับตนหนึ่งเข้ามาสัมผัสโลกแห่งจิตสำนึกและทำให้เกิดการกระเพื่อมขึ้นที่นั่น แต่ไม่นานเสียงตอบรับของมันก็หายไป” จักรพรรดิชะงักเล็กน้อย ก่อนจะมองไปทางสกายลอร์ด “และเจ้าของการกระเพื่อมนั้นชื่อว่าอุรูค ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพตะวันตก เฮคซอด ทางตะวันตกเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลย จักรพรรดิเรียกมันมาเพื่อถามเรื่องนี้ เฮคซอดรู้สึกถึงความกดดันบนร่างกายที่เพิ่มขึ้นทันที การที่ในโลกแห่งจิตสำนึกมีระลอกคลื่นกระเพื่อมขึ้นมาก็หมายความว่ามีคนที่ก้าวข้ามประตูมาได้แล้ว ซึ่งการกระเพื่อมนี้จะทำให้ราชาทุกตนสัมผัสถึงมันได้ด้วย ในช่วงเวลานี้ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องต่อสู้กับอาณาจักรซีสกายอย่างดุเดือด การที่เผ่าพันธุ์มีราชาเพิ่มขึ้นมาอีกตนหนึ่งนั้นจะยิ่งทำให้พวกมันมีความได้เปรียบ แต่ผู้ยกระดับเพียงแค่เข้ามาสัมผัสกับโลกแห่งจิตสำนึก จากนั้นก็หายตัวไป ราชาเพิ่งจะยกระดับขึ้นมาแล้วก็หายไป ในช่วงเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน
ความจริงแล้วหลังจากที่เฮคซอดรู้เรื่องที่อีกฝ่ายยกระดับได้ไม่นาน มันก็ได้รับแจ้งข่าวความพ่ายแพ้ของกองทัพตะวันตก แถมยังมีจดหมายจากอุรูคอีกฉบับหนึ่งด้วย เนื้อหาที่บรรยายอยู่ในจดหมายทำให้มันนึกอยากจะผ่าหัวของลูกน้องที่ยอดเยี่ยมตนนี้ออกมาดูว่ามันคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้โอหังอวดดีขนาดนี้!
ในตอนที่จักรพรรดิถามขึ้นมา สัญชาตญาณของมันอยากจะเก็บเรื่องผลการรบทางตะวันตกเอาไว้ แต่สุดท้ายความจงรักภักดีก็ทำให้มันพูดความจริงทุกอย่างออกมา
แล้วก็เป็นเหมือนที่สกายลอร์ดคิดเอาไว้ ภายในโถงมีเสียงสงสัย ตกใจและเสียดสีดังขึ้นมาทันที
“หา ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?” บลัดดี้ลอร์ดหัวเราะเยาะขึ้นมาก่อน “ลูกน้องของเจ้ารู้ทั้งรู้ว่าแพ้ แต่ก็ยังทิ้งทหารทั้งหมดเอาไว้บนที่ราบลุ่มบริบูรณ์ แถมสุดท้ายยังตายด้วยน้ำมือแมลงพวกนั้นเนี่ยนะ? ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าเรียกมันว่าอะไรนะ — แม่ทัพอัจฉริยะใช่ไหม?”
เฮคซอดไม่รู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้ ในฐานะที่เป็นแม่ทัพที่นำทัพออกไปสู้กับทางอาณาจักรซีสกาย อีกฝ่ายจึงดูถูกคำยกย่องชมเชยที่อุรูคได้รับมาโดยตลอด ถ้าอีกฝ่ายยกระดับกลายเป็นราชา เกรงว่าคนที่จะได้รับผลกระทบเป็นคนแรกก็คือมันนั่นแหละ ตอนนี้เมื่อมีโอกาสโจมตีอุรูค มันย่อมไม่มีทางปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปแน่
“เรื่องที่เสียร่างระดับต้นกับทูมสโตนไปนั้นช่างมันเถอะ แต่ข้าคิดว่าท่านสกายลอร์ดคงจะรู้ถึงความสำคัญของฮอร์นนะ” ‘เดอะแมสก์’ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการสร้างร่างซิมไบออนท์พูดด้วยน้ำเสียงต่อว่า “เอายึดเอาทาคิลา สตาร์ฟอล อาเรียตามาได้ก็ว่าไปอย่าง เพราะอย่างน้อยสายแร่หินอาญาสิทธิ์ที่นั่นก็ยังมีมากพอให้พวกเราได้ใช้ได้ แต่ถ้าไม่มีแหล่งแร่ที่มากพอ ฮอร์นของพวกเราก็จะมีแต่น้อยลงไปเรื่อยๆ”
“เดิมการแพ้ให้กับแมลงพวกมันมันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากพอยู่แล้ว ข้าคิดว่ายังไงท่านก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้นะ”
“แม่ทัพอัจฉริยะอะไรกัน ข้าว่าก็ไม่เห็นเท่าไรเลย”
“ผู้ยกระดับธรรมดานั้นไม่สามารถเปิดประตูระหว่างสองโลกได้ ไม่อย่างนั้นที่นี่คงไม่ได้มีราชาอยู่แค่ 9 ตน ยิ่งไปกว่านั้นทางฝั่งศัตรูยังมีสุดยอดอมนุษย์ปรากฏตัวขึ้นมาอีกหนึ่งคน…”
“ทำไม ตอนนี้มันไม่ใช่เมื่อ 400 ปีก่อนแล้ว เจ้าคิดว่าการที่ได้ตายไปพร้อมกับสุดยอดอมนุษย์มันเป็นเรื่องที่มีเกียรติมากอย่างนั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของคนอื่นๆ สีหน้าของเฮคซอดดูคร่ำเครียดไปทันที ถึงมันจะไม่เข้าใจว่าทำไมอุรูคถึงทำแบบนั้น แต่อย่างน้อยมันก็เป็นอดีตลูกน้องของเขา การที่มาต่อว่าแม่ทัพคนโปรดที่ได้รับความไว้วางใจจากตนนั้นมันก็เหมือนเป็นการต่อว่าตนอยู่กลายๆ ด้วย นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาซึ่งเป็นราชาจะยอมรับได้
ทันใดนั้นเอง จักรพรรดิก็ตัดการพูดคุยของทุกคน เขาไม่ได้ทำให้พวกมันหุบปาก หากแต่ทำให้เสียงของพวกมันหายไป “พอได้แล้ว ข้าแค่อยากรู้ว่านี่มันจะส่งผลกระทบต่อแผนการของเจ้าไหม!”
เฮคซอดรีบเก็บสีหน้า “ไม่แน่นอนขอรับ ข้าได้เตรียมแผนเอาไว้หลายแผน ถ้ายึดเอาทาคิลามาได้ก็จะดีที่สุด แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ถึงกับเป็นอุปสรรคต่อแผนการขอรับ ขอจักรพรรดิได้โปรดวางใจ พวกเราจะได้เหยียบบนแผ่นดินของมนุษย์ตามกำหนดการแน่นอนขอรับ”
“แต่เป็นอย่างที่เจ้าว่าก็จะดีที่สุด” ในที่สุดน้ำเสียงของราชาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“เพียงแต่ว่า…” สกายลอร์ดลังเลเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเล่าสิ่งที่อุรูคเขียนอยู่ในจดหมายออกมา — บางทีอาจจะเป็นเพราะความเชื่อมั่นที่มันสะสมมาเป็นเวลาหลายร้อยปี หรือไม่ก็เป็นเพราะมันรู้สึกกลัวเกินไปจนทำให้พูดไม่ออก แต่ไม่ว่าเหตุผลจะคืออะไร เฮคซอดก็รู้สึกว่าภายในใจมักจะมีเสียงอยู่เสียงหนึ่งกำลังเตือนให้มันพูดออกไป “เพียงแต่ว่าแผนการนี้จำเป็นต้องทำการปรับกำลังพลใหม่ จากที่แม่ทัพทางตะวันตกรายงานมา อย่างน้อยเราจำเป็นต้องเพิ่มกำลังพลให้มากขึ้นอีกสิบเท่า เราถึงจะเอาชนะศึกนี้ได้ขอรับ”
“สิบเท่า?” บลัดดี้ลอร์ดคำรามออกมา “เจ้าล้อเล่นอะไรของเจ้า! อาณาจักรซีสกายเล่นงานแนวหน้าของพวกเราจนแทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว นี่เจ้ายังจะมาเอาทหารของข้าไปอีกเหรอ? แม้แต่ตัวเดียวข้าก็ไม่ให้เจ้า!”
“อุรูค…มันบอกเจ้าว่าอะไร?” จักรพรรดิถามเสียงคร่ำเคร่ง
“ตอนที่มันเขียนจดหมายฉบับนี้ สงครามระหว่างทัพของเรากับมนุษย์ยังไม่เริ่มต้นขึ้น มันบอกว่าที่ตัวมันยังคงดึงดันอยู่ที่ทาคิลาต่อ เป็นเพราะว่ามันเห็นจุดอ่อนที่สำคัญบางอย่างของศัตรู ถ้าแผนของมันสำเร็จ มันก็จะทำให้ความแข็งแกร่งของศัตรูลดลงอย่างมาก เมื่อถึงตอนนั้นถ้าเพิ่มกำลังพลอีกสิบเท่าแล้วให้มันเป็นคนนำทัพล่ะก็ พวกเราต้องทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ได้อย่างแน่นอน”
“นี่เป็นคำสั่งเสียเหรอ?” มีคนพูดเหน็บขึ้นมา “แล้วมันรู้ล่วงหน้าหรือเปล่าว่าตัวเองจะตาย?”
“….” เฮคซอดนิ่งเงียบไปครู่ก่อนจะพยักหน้าออกมา “ในจดหมายมีบอกเอาไว้”
เสียงพูดคุยภายในโถงเงียบลงทันที
เหล่าราชาสบตากัน บรรยากาศดูแปลกไป
จักรพรรดิพูดทำลายความเงียบขึ้นมา “มันบอกเจ้าว่าอะไร?”
สกายลอร์ดพูดออกมา “ถ้ามันไม่รอดกลับมา ให้พวกเรามองมนุษย์เป็นศัตรูที่อยู่ในระดับเดียวกับพวกเรา แล้วก็ทุ่มกำลังกำจัดพวกมันอย่างเต็มที่!”
………………………………………………………………….