Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1172 นโยบายประชากรฉบับใหม่
เมืองเนเวอร์วินเทอร์ เกรย์คาสเซิล
ห้องประชุมภายในปราสาท
ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นทุกวันของสำนักบริหาร ห้องประชุมที่มีขนาดเพียงพอสำหรับการใช้งานเริ่มดูเล็กลงไปถนัดตา เจ้าหน้าที่คนสำคัญของหลายๆ กองต้องยกเอาโต๊ะตัวเล็กมานั่งต่ออยู่ด้านหลังหัวหน้าหรือรองหัวหน้าของพวกเขา เจ้าหน้าที่จดบันทึกหลายๆ คนกับผู้ช่วยต้องไปยืนพิงอยู่กับกำแพง เจ้าหน้าที่เกือบสองร้อยชีวิตต้องเบียดเสียดยัดเยียดกันอยู่ในห้องประชุมแห่งนี้
ดูเหมือนต้องสร้างห้องประชุมขนาดใหญ่เอาไว้ในเขตปราสาทซักห้องแล้ว โรแลนด์ครุ่นคิด นี่ขนาดมีแค่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเนเวอร์วินเทอร์เท่านั้นนะ ถ้าหากมีเจ้าหน้าที่บริหารจากเมืองอื่นๆ มาประชุมด้วย เกรงว่าต่อให้ยัดจนเต็มชั้นหนึ่งของปราสาทก็คงยังไม่พอ
หลังจดบันทึกความคิดนี้ลงไปในสมุด เขาก็ปรบมือเบาๆ ภายในห้องประชุมเงียบลงทันที
“ข้าคิดว่าทุกคนคงจะรู้แล้ว ในที่สุดปฏิบัติการณ์คบเพลิงที่ดำเนินมาเกือบสิบเดือนก็ประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม ตอนนี้อาณาเขตของพวกเราได้ขยายออกไปจนถึงที่ราบลุ่มบริบูรณ์ที่อยู่ห่างเมืองเนเวอร์วินเทอร์ออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ภัยอันตรายจากปีศาจก็ถูกกำจัดจนสิ้นซาก นับแต่นี้ทางตะวันตกของเนเวอร์วินเทอร์จะไม่ใช่ดินแดนรกร้างที่เต็มไปด้วยอันตรายอีก หากแต่เป็นที่ดินที่มีทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ให้พวกเราได้ใช้!” โรแลนด์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดเสียงดังขึ้น “ถูกต้อง นี่คือที่ราบที่กว้างใหญ่กว่าสี่อาณาจักรใหญ่รวมกัน แล้วก็จะเป็นทิศทางการพัฒนาไปอีก 100 ปีข้างหน้าของเกรย์คาสเซิล!”
ภายในห้องประชุมมีเสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นมา
เดิมการขยายอาณาเขตออกไปก็คือผลงานที่ราชาให้ความสำคัญมากที่สุดอยู่แล้ว แล้วก็เป็นเส้นทางที่ให้เจ้าหน้าที่ได้ใช้หาประโยชน์ได้ง่ายที่สุด แม้แต่ประชาชนธรรมดาก็ยังได้รับผลประโยชน์จากอาณาเขตที่ขยายออกไปนี้ด้วย ตอนนี้จู่ๆ ก็มีที่ดินที่มีขนาดใหญ่กว่าเกรย์คาสเซิลหลายเท่าเพิ่มขึ้นมา ผลงานอันนี้ไม่บอกก็คงจะรู้ว่ามีความยิ่งใหญ่ขนาดไหน
“กลัวว่าอีกสองสามปีข้างหน้า คำว่า ‘สี่อาณาจักรใหญ่’คงจะต้องกลายเป็นประวัติศาสตร์แล้ว” บารอฟลูบหนวดพร้อมหัวเราะหึหึออกมา “ไม่ว่าจะเป็นขนาดหรือความแข็งแกร่ง พวกเขาล้วนแต่ไม่อาจเทียบเกรย์คาสเซิลได้เลย”
“ถูกต้อง ถ้าบันทึกในประวัติศาสตร์ยังเขียนเหมือนเมื่อก่อนนี้อยู่ เกรงว่าคงต้องถูกคนรุ่นหลังหัวเราะเยาะแน่”
“หนึ่งใหญ่สามเล็กเป็นยังไง?”
“สามอาณาจักรเล็กมันก็พูดยากเกินไป ตั้งชื่อขึ้นมาใหม่ดีกว่า”
“เห็นด้วย…ข้าว่าจักรวรรดิก็ไม่เลวนะ”
เหล่าเสนาบดีพูดคุยกันอย่างออกรสชาติ บรรยากาศบนโต๊ะประชุมดูคึกคักขึ้นมาทันที
โรแลนด์ปล่อยให้พวกเขาได้มีเวลาดื่มด่ำกับช่วงเวลาหลังชัยชนะโดยไม่ได้ไปห้ามแต่อย่างใด หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาจึงดึงทุกคนกลับเข้ามาสู่ประเด็นที่จะประชุม “แต่ข้าหวังว่าทุกคนต้องจะรู้ว่าชัยชนะครั้งนี้นั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น! การที่พวกเราขับไล่ปีศาจออกไปจากที่ราบลุ่มบริบูรณ์ได้นั้นเป็นแค่การซื้อเวลาให้พวกเราได้แค่ช่วงหนึ่ง แต่มันไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะยอมเลิกลาไม่บุกมาโจมตีมนุษย์ ภัยอันตรายที่แท้จริงนั้นคือสงครามแห่งโชคชะตาในตำนาน ขอเพียงพระจันทร์สีแดงปรากฏขึ้นบนโลกมนุษย์ ศัตรูก็จะเผยเขี้ยวเล็บทั้งหมดของมันออกมา! ดังนั้นพวกเราจึงจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับมือเมื่อวันนั้นมาถึง!”
“พูดอีกอย่างก็คือ พวกเจ้าไม่เพียงแต่จะห้ามประมาท แต่พวกเจ้ายังต้องทำงานให้หนักขึ้นอีก เข้าใจไหม?”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
ทุกคนส่งเสียงตอบออกมา
โรแลนด์กวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ไนติงเกล
อีกฝ่ายหมุนตัวเดินไปดึงผ้าคลุมบนผนังลงมา
ตรงตำแหน่งที่เคยแขวนแผนที่ของดินแดนตะวันตกเอาไว้กลายเป็นกระดานดำขนาดใหญ่ บนกระดานดำเขียนคำเอาไว้แค่คำเดียว นั่นคือคำว่า ‘คน’
“นี่…คือสิ่งที่ข้าต้องการ” โรแลนด์พูดช้าๆ ชัดๆ
ดินแดนตะวันตกเงียบสงบ การปกครองเป็นหนึ่งเดียว กองทัพกลับมา ประชาชนรวมใจเป็นหนึ่ง เขามีนโยบายอีกมากมายที่รอใช้งาน แต่ไม่มีนโยบายไหนที่สำคัญกว่าการเพิ่มประชากรแล้ว
เพื่อจะผลักดันนโยบายนี้ให้เร็วที่สุด เขาถึงขนาดมองข้ามเรื่องผลการรบไปก่อน
เรียนได้ว่า จำนวนประชากรได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จำกัดการพัฒนาของเนเวอร์วินเทอร์เอาไว้
ถ้าในปฏิบัติการคบเพลิงกองทัพที่หนึ่งมีหน่วยรถหุ้มเกราะให้ใช้ ต่อให้เป็นรถถังแบบง่ายๆ ก็ยังสามารถป้องกันการซุ่มโจมตีกลับของปีศาจได้
ถึงแม้เครื่องยนต์ลูกสูบรุ่นแรกจะพบปัญหาอยู่หลายอย่าง แต่สำหรับสงครามแล้ว ปัญหาเหล่านี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย ยังไงซะมันก็ยังดีกว่าไม่มีเครื่องยนต์ให้ใช้
โรแลนด์ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ถึงปัญหาข้อนี้ เพียงแต่ว่าความสามารถในการผลิตของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นปริมาณเหล็กกล้าที่ผลิตออกมาได้ หรือความสามารถในการผลิตของแต่ละโรงงาน
สงครามครั้งนี้แทบจะใช้กระสุนปืนใหญ่ที่เก็บเอาไว้ไปจนหมด
รางเหล็กที่ปูไปบนที่ราบลุ่มใช้เหล็กกล้าไป 70 – 80%
วิธีการแยกสารด้วยการลดอุณหภูมิของอกาธาไม่สามารถตอบสนองความต้องการในการผลิตกรดของโรงงานเคมีได้ทัน
สายการผลิตปืน RPG ใช้ดินปืนเดิมก็แทบจะไม่พอให้ใช้ไปส่วนหนึ่ง
เรียนได้ว่าการผลิตหลายๆ อย่างของเนเวอร์วินเทอร์ได้มาถึงเพดานแล้ว
การขยายขนาดการผลิตต้องใช้คน
การเพิ่มสายการผลิตใหญ่ก็ต้องใช้เงิน
การจะเปลี่ยนความคิดกับภาพบนแปลนให้กลายเป็นความจริงนั้นต้องใช้ความร่วมมือกันของหน่วยงานหลายๆ หน่วยและคนอีกจำนวนมากถึงจะสำเร็จ
ประชากรของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ประชากรในเมืองมีมากกว่า 250,000 คน เมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ แล้ว นี่คือเป็นตัวเลขที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก ถ้าผ่านไปอีกซักสิบปี เนเวอร์วินเทอร์จะต้องกลายเป็นเมืองศูนย์กลางของทั่วทั้งทวีปและมีประชากรมากกว่าล้านคนแน่นอน
ถ้าไม่มีเหตุการณ์เหนือความคาดหมายตอนทำศึกนอร์ธบาวด์ เขาก็คงพอใจกับการเพิ่มของประชากรแบบนี้ แต่ศึกในครั้งนั้นได้แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของพวกปีศาจนั้นไม่เหมือนกับที่ทุกคนคาดการณ์เอาไว้ ถึงแม้จะยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ หากศัตรูทุ่มกำลังมาที่ทาคิลา แล้วสู้กันจนทหารของเขาบาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่ง ต้องใช้เวลาอยู่ครึ่งปีกว่าจะยึดเอาทาคิลามาได้ หากเป็นแบบนั้นเขากลับจะรู้สึกสบายใจมากกว่า
เพราะเดิมในแผนการที่กำหนดเอาไว้ก็มีเรื่องการทำศึกในระยะยาวเขียนเอาไว้อยู่แล้ว
แต่ปีศาจกลับไม่ได้ทำแบบนั้น
การที่สถานการณ์บนสนามรบไม่เป็นไปได้ที่ได้วางแผนเอาไว้ก็แสดงให้เห็นกว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในสถานที่ที่เขามองไม่เห็น ความรู้สึกไม่สบายใจนี่ทำให้เขาไม่อาจพอใจในอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรในตอนนี้ได้ บวกกับการกลับมาของกองทัพ ทำให้เขาตัดสินใจที่จะใช้วิธีพิเศษเพื่อลดระยะเวลาในการเพิ่มจำนวนประชากร
“ฝ่าบาท นี่เป็นงานที่ทางสำนักบริหารให้ความสำคัญมาโดยตลอด” บารอฟลุกขึ้นยืน “จากตัวเลขสถิติแสดงให้เห็นว่าจำนวนของประชากรที่อพยพมาจากที่อื่นๆ นั้นยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าหลังจากนี้ 5 ปีจะสามารถเพิ่มจำนวน….”
“ข้ารอนานขนาดนั้นไม่ได้” โรแลนด์พูดตัดบทเขา “ถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากจะตัวเลขประชากรถึงเป้าหมายนี้หรือมากกว่าเป้าหมายนี้ภายในปีนี้”
ทุกคนสูดปากด้วยความตกใจ
“สองแสนคนภายในหนึ่งปี? ฝ่าบาท เกรงว่าคงยากจะเป็นไปได้ยะพ่ะย่ะค่ะ…” หัวหน้าสำนักบริหารพูดอย่างลังเล “ถ้าจะทำให้จำนวนประชากรในเข้ามาในเนเวอร์วินเทอร์เพิ่มขึ้นได้ถึงจำนวนที่พระองค์ตรัสมา มันก็มีแต่ต้องเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายหรือความอดอยากถึงจะทำให้เกิดการอพยพของประชากรที่มากขนาดนี้ได้”
“ที่เจ้าพูดมันก็การอพยพในสถานการณ์ปกติ แต่ที่ข้าพูดคือคำสั่งทางการปกครอง หากใช้มาตรการบังคับ เราก็จะบรรลุเป้าหมายนี้ได้ไม่ยาก ถ้าสรุปอย่างคร่าวๆ แผนการระยะยาวนี้จะแบ่งออกได้เป็นสามส่วน”
โรแลนด์ยื่นนิ้วออกมาสามนิ้ว ก่อนจะพูดต่อว่า
“การย้ายถิ่นฐานอย่างเท่าเทียม การเกณฑ์แรงงานข้ามอาณาจักรและเพิ่มอัตราการเกิด นี่คืองานที่พวกเจ้าต้องทำหลังจากนี้”
…………………………………………………………………….