Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1173 ข้าต้องการทั้งหมด
“ข้าจะพูดเพียงแค่กรอบกับความต้องการคร่าวๆ ส่วนเรื่องรายละเอียดจะจัดการอย่างไรนั้น นั่นมันก็แล้วแต่พวกเจ้าจะไปจัดการเอง คนที่จะเป็นคนรับผิดชอบหลักคือ บารอฟ”
“พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าสำนักบริการรีบเอามือขึ้นมาทาบอก
โรแลนด์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ หลังผ่านการฝึกฝนมาหลายปี ตอนนี้ไม่ว่าคำสั่งของเขาจะฟังดูไร้เหตุผลแค่ไหน แต่ขอเพียงเขาตัดสินใจแล้ว บารอฟก็จะรับปากและรีบไปปฏิบัติตามทันที
ส่วนโครงสร้างที่เชื่อมโยงระหว่างกันของสำนักบริหารก็ทำให้เขามีทรัพยากรที่จะทำตามคำสั่งได้
“อย่างนั้นฟังให้ดี” โรแลนด์ส่งสัญญาณให้ไนติงเกลเอาแผ่นผ้าสีขาวที่เตรียมเอาไว้ติดขึ้นไปบนกระดานดำ “อันดับแรกคือการย้ายถิ่นฐานอย่างเท่าเทียมภายในอาณาจักรเกรย์คาสเซิล….”
“โอ้…” เมื่อเห็นเนื้อหาที่อยู่บนผ้า ทุกคนพลันตาเป็นประกายขึ้นมา
บนผ้าสีขาวนั้นมีการใช้รูปภาพและตัวหนังสือมาอธิบายจุดสำคัญๆ ของนโยบายดี มันทั้งกระชับและมีความชัดเจน เรียกได้ว่าแค่มองดูก็เข้าใจ นี่คือการแสดงพาวเวอร์พอยท์ฉบับทำมือรุ่นแรก และคนที่ให้การสนับสนุนเรื่องการจัดทำมันขึ้นมาก็คือโซโรย่า ในฐานะที่เคยคลุกคลีอยู่ในโรงเรียนสอนออกแบบ การทำพาวเวอร์พอยท์นั้นกลายเป็นความสามารถพื้นฐานของเขาแล้ว เมื่อเทียบกับการพูดปากเปล่าที่จะทำให้ข้อมูลสำคัญๆ ตกหล่นไป อีกทั้งยังดูน่าเบื่อ การใช้วิธีนี้มาอธิบายจึงดูมีแรงดึงดูดอย่างเห็นได้ชัด
การกระจายตัวของประชากรของเกรย์คาสเซิลนั้นมีเอกลักษณ์พิเศษของยุคสมัยอย่างชัดเจน หลังขุนนางใหญ่ๆ กลายเป็นผู้ปกครอง พวกเขาก็จะค่อยๆ สร้างกำแพงเมืองขึ้นมา แล้วก็จะมอบที่ดินรอบๆ ให้กับขุนนางที่อยู่ในระดับล่างถัดลงไป แล้วก็จะเป็นแบบนั้นต่อไปเรื่อยๆ เมื่อประชากรและความมั่งคั่งภายในเมืองเพิ่มมากขึ้น การบริโภคของเมืองใหญ่ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย จนทำให้ภายในเมืองไม่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ จึงทำให้ภาระหน้าที่นี้ไปตกอยู่กับหมู่บ้านที่อยู่รอบๆ สุดท้ายก็กลายสภาพเป็นคนส่วนใหญ่ต้องมาเลี้ยงคนส่วนน้อย
สถานการณ์แบบนี้ไม่ได้แค่จำกัดขนาดของเมืองเอาไว้ แต่มันยังทำให้การขยับทางชนชั้นเกิดการหยุดนิ่งด้วย ที่พวกเมืองใหญ่ๆ ดูแล้วมีประชากรค่อนข้างเยอะและมีความคึกคักมากกว่า นั่นก็เป็นเพราะว่ามันถูกเอาไปเปรียบกับเมืองเล็กๆ เมืองเดียวเท่านั้น ความจริงแล้วประชากรของเมืองและหมู่บ้านที่อยู่รอบๆ รวมกันแล้วมีมากกว่าเมืองใหญ่ที่พวกเขาต้องเลี้ยงดูเสียอีก
แต่โรแลนด์เองก็รู้ดีว่าความล้าหลังแบบนี้นั้นไม่ได้เกิดจากใครถูกใครผิด หากแต่เกิดจากขีดความสามารถในการผลิตที่ต่ำเกินไป จนทำให้แรงงานส่วนใหญ่ต้องถูกพันธนาการอยู่บนที่ดิน ชั่วชีวิตนี้ได้แต่เก็บผลผลิตเล็กๆ น้อยๆ ที่ตัวเองผลิตมาได้ ผลผลิตที่เหลือส่วนใหญ่ต้องส่งไปให้พวกขุนนางใช้ปรนเปรอตัวเอง
ในตอนที่เกณฑ์ผู้อพยพเมื่อหลายปีก่อน สำนักบริหารนั้นเคยจับตาดูเรื่องการเปลี่ยนแปลงของจำนวนประชากรในพื้นที่และเคยทำการประเมิณแบบคร่าวๆ เอาไว้ สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าประชากรของเกรย์คาสเซิลน่าจะอยู่ระหว่าง 2 – 4 ล้านคน ในระหว่างนั้นได้เกิดสงครามระหว่างเจ้าชายลำดับที่สองและองค์หญิงลำดับที่สาม และโรคระบาดที่ศาสนจักรเอามาแพร่ทำให้ประชากรล้มตายไป 5 – 6 แสนคน แล้วก็ทำให้เมืองอีเกิลทางทิศใต้และเมืองวาเลนเซียทางทิศตะวันออกพังพินาศ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ก็ยังมีประชากรอีกจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ในเกรย์คาสเซิล ประชากรที่หลั่งไหลเข้ามาในดินแดนตะวันตกนั้นเป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น
และในตอนนี้เขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้สถานการณ์แบบนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
อีกประมาณเดือนหนึ่งผลผลิตของเมล็ดพันธุ์ทองคำหมายเลขสองที่แจกจ่ายไปก็จะออกมาแล้ว พูดอีกอย่างก็คืออีกไม่นานพวกเขาก็จะมีผลผลิตจำนวนมหาศาล ฝ่ายคุณภาพสูงเองก็ทำการปลูกที่ท่าเรือเคลียร์วอเทอร์อย่างเต็มที่ อีกไม่นานก็จะส่งผ้าไปยังที่ต่างๆ ในอาณาจักรได้ เมืองใหญ่ๆ ไม่จำเป็นต้องให้ประชากรที่มากกว่าตัวเองสิบเท่ามาคอยส่งสินค้าอุปโภคบริโภคให้ตัวเองอีก ตอนนี้ผลผลิตของคนหนึ่งคนนั้นเทียบกับได้กับแรงงานสิบคนหรืออาจจะยี่สิบคนในอดีต
นอกจากนี้เกรย์คาสเซิลยังรวบอำนาจการปกครองของแต่ละที่เข้าสู่ศูนย์กลางได้สำเร็จ ที่ดินศักดินานั้นไม่ได้เป็นของผู้ปกครองดินแดนอีก หากแต่เป็นของสำนักบริหารระดับท้องถิ่นที่ขึ้นตรงกับเขา
ตอนนี้เรียกได้ว่าเครื่องไม้เครื่องนี้ที่เอาไว้สำหรับบังคับใช้มาตรการโยกย้ายถิ่นฐานได้ถูกเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว และนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะใช้มัน
การย้ายถิ่นฐานอย่างเท่าเทียมที่ว่าก็คือการที่มอบเงื่อนไขที่เท่าเทียมกับของเดิมให้กับชาวบ้านที่อพยพมา เพื่อที่จะลดความไม่พึงพอใจจากการที่ถูกบังคับให้ย้ายมา
อย่างเช่นเดิมผู้ที่ถูกบังคับให้ย้ายมามีบ้านและมีที่ดิน อย่างนั้นหลังจากที่ย้ายมายังเนเวอร์วินเทอร์ สำนักงานเมืองก็จะแบ่งทรัพยากรบนที่ดินที่บุกเบิกขึ้นมาใหม่ให้กับพวกเขาเท่ากับของเดิมที่มี นี่ไม่เพียงแต่จะทำให้การบุกเบิกที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือดำเนินไปได้รวดเร็วขึ้น แต่มันยังช่วยแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลนของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
แต่ไม่ว่าจะพูดให้มันดูดีแค่ไหน โรแลนด์รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วมันก็คือการบังคับ ไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ พวกเขาก็ต้องย้ายออกมาจากบ้านอันคุ้นเคยของตัวเอง แล้วเดินทางมายังเมืองแปลกหน้า ซึ่งนี่ต้องไม่ใช่เรื่องที่มีความสุขอย่างแน่นอน
การที่ไล่คนออกมาจากที่ดิน ให้พวกเขาเข้ามาในเมืองแล้วไปทำงานอยู่ในโรงงานนั้นไม่ใช่แค่ไปบอกพวกชาวบ้านว่าเป็นการปลดเปลื้องพันธนาการแล้วพวกเขาจะยอมมา ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา บนเส้นทางการบังคับย้ายถิ่นฐานนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด อันดับแรกก็ต้องยึดเอาที่ดินที่ชาวนาใช้เพาะปลูกกลับมาก่อน เพื่อทำให้พวกเขาไม่เหลืออะไรนอกจากตัวเปล่าๆ จากนั้นค่อยใช้แส้หรือไม่ก็กฎหมายในการบังคับพวกเขาให้เดินไปในทิศทางที่ต้องการ อาณาจักรบางอาณาจักรถึงขนาดออกกฎหมายอนุญาตให้สังหารผู้อพยพที่ไม่ทำงานเป็นเวลานานได้ เพื่อที่จะบีบบังคับให้พวกเขาเข้าสู่การผลิตขนาดใหญ่
ถึงแม้โรแลนด์จะไม่ทำถึงขนาดนั้น แถมยังจะชดเชยให้กับผู้อพยพอีก แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังเป็นการบังคับอยู่ดี
เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร
ส่วนการเกณฑ์แรงงานข้ามอาณาจักรนั้นเป็นการบังคับย้ายถิ่นฐานฉบับต่างประเทศ
อาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์กับอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ทนั้นถูกศาสนจักรเข้าเล่นงานจนสูญเสียผู้ปกครองอาณาจักรตามกฎหมายไป จากข่าวสารที่ฮิลล์ ฟอกส์รวบรวมมาได้ จนถึงทุกวันนี้สองอาณาจักรนี้ยังไม่สามารถฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติได้เลย ผู้ปกครองของแต่ละดินแดนต่างตั้งตนเป็นใหญ่ขึ้นมาและอ้างว่าตัวเองเจอสายเลือดนอกสมรสของกษัตริย์องค์ก่อน จนทำให้ภายในอาณาจักรเกิดความแตกแยกอย่างรุนแรง
แบบนี้การจะใช้วิธีการตั้งรักษาการณ์แทนกษัตริย์เหมือนอย่างอาณาจักรดอว์นไม่ได้เสียแล้ว
“พระองค์ทรงหมายความว่า…ให้กองทัพที่หนึ่งเคลื่อนทัพของไปหรือพ่ะย่ะค่ะ?” บารอฟมองดูแผ่นผ้าแผ่นใหม่ด้วยสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย
“เจ้าคิดว่าขุนนางพวกนั้นจะนั่งมองพวกเรา ‘ชิง’ ทรัพย์สมบัติของพวกเขาไปเฉยๆ เหรอ?” โรแลนด์จิบชาก่อนจะพูดต่อว่า “ข้าคิดว่านอกจากอำนาจ ทรัพย์สมบัติและการขยายดินแดนแล้ว พวกเขาเหล่านั้นไม่สนใจอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นปีศาจหรือว่าสงครามแห่งโชคชะตา เรื่องเหตุผลที่ทำไปนั้นเราต้องพูดให้พวกเขาฟังอยู่แล้ว แต่พวกเขาจะฟังหรือไม่มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
“กระหม่อมจะทำให้พวกเขาฟังพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ขวานเหล็กพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
การเกณฑ์แรงงานข้ามอาณาจักรนั้นต้องมีความรุนแรงมากกว่าการบังคับย้ายถิ่นฐานในอาณาจักรอย่างแน่นอน เมื่อไม่มีทองคำหมายเลขสองมารับประกันปริมาณผลผลิตของเสบียง หลังจากชาวบ้านจำนวนมากที่อยู่รอบนอกเมืองถูกไล่ต้อนออกไปหมดแล้ว เมืองใหญ่ที่ไม่มีใครคอยส่งเสบียงเลี้ยงดูก็จะพังทลายลง การทำแบบนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากสงครามเลย สิ่งเดียวที่ต่างกันคือมันเสียหายน้อยกว่าสงคราม
กองทัพที่หนึ่งคือหัวใจสำคัญที่จะรับประกันว่าแผนการนี้จะดำเนินต่อไปได้
ประชากรของอีเทอร์นอลวินเทอร์กับวูล์ฟฮาร์ทรวมกันมีประมาณ 3 ล้านคน เมื่อตัดผู้โชคร้ายที่ตายไปในสงครามศาสนจักร อย่างน้อยก็ยังเหลือประชากรที่จะเข้ามาเป็นแรงงานใหม่ให้เนเวอร์วินเทอร์ 1.5 ล้านคน การย้ายถิ่นฐานขนาดใหญ่แบบนี้อาจจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะสำเร็จ แต่มันก็เป็นวิธีที่ทำให้แรงงานเพิ่มขึ้นได้เร็วที่สุด และก็เป็นเพราะเขามีกำลังและเวลาเหลือมากพอที่จะยื่นมือเข้าไปในอาณาจักรอื่น เขาถึงได้ตั้งเป้าหมายให้บารอฟเพิ่มจำนวนแรงงานอีกเท่านึงในเวลาแค่หนึ่งปีหรืออาจจะครึ่งปี
“ฝ่าบาท พระองค์ทรงมีความต้องการอะไรเป็นพิเศษสำหรับแรงงานที่จะเกณฑ์มาเหล่านี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หัวหน้าสำนักบริหารถาม “อย่างเช่นช่างฝีมือ ชาวนา หรือว่าคนรู้หนังสือ…”
จริงอยู่ที่เมื่อก่อนเขาเคยมีการคัดกรองแรงงานแบบนี้ แต่ว่าตอนนั้นเป็นเพราะว่าเขายังมีทรัพยากรไม่พอ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว
“ไม่” โรแลนด์กำมือขึ้นมา “ข้าต้องการทั้งหมด”
“กระหม่อม…เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” บารอฟเช็ดเหงื่อบนหน้าผากตัวเอง
“ต่อไปก็เป็นเรื่องสุดท้าย” เขาให้ไนติงเกลเปลี่ยนพาวเวอร์พอยท์ผ้าขาวแผ่นสุดท้ายขึ้นมา “สำนักบริหารต้องใช้วิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ ลดภาษีหรือว่าให้รางวัลเพื่อกระตุ้นอันตราการเกิดให้เพิ่มขึ้น ถึงแม้มันจะเห็นผลได้ช้ากว่าสองวิธีแรก แต่มันกลับเป็นส่วนสำคัญที่สุดในแผนการนี้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมมองดูทุกคน “ในเรื่องนี้ ข้าอยากจะให้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้เริ่มจากตัวเองก่อน”
……………………………………………………………………………….