Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1176 ‘ช่องโหว่’
โรแลนด์มองดูไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนืออย่างแปลกใจ
หลังจากที่หน่วยซุ่มโจมตีถูกอุรูควางแผนซุ่มโจมตีกลับแล้ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงในสำนักบริหารต่างก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาว่าทางทีมที่ปรึกษาควรจะรับผิดชอบในการอ่านสถานการณ์ที่ผิดพลาดนี้ โดยเฉพาะเอดิธส์ เคนท์ที่เป็นหัวหน้าทีม นอกจากสำนักบริหารแล้ว ในมนตร์แห่งสลีปปิ้งเองก็มีเสียงไม่พอใจและแสดงความสงสัยออกมา ถ้าไม่เป็นเพราะทิลลี เกรงว่าผลกระทบคงจะรุนแรงกว่านี้แน่
แม้แต่ตัวเอดิธส์เองก็ยังมาขอให้เขาลงโทษเธอในตอนที่เธอกลับมาจากแนวหน้าในสนามรบเพื่อรายงานสถานการณ์ แต่เขาไม่เพียงแต่จะไม่เห็นด้วย หากแต่ยังพยายามทำให้เรื่องนี้เงียบลงไปด้วย
เพราะว่านี่ไม่ใช่ความผิดของใคร
เรื่องแพ้ชนะนั้นเป็นเรื่องปกติทางการทหาร ปฏิบัติการคบเพลิงนั้นเรียกได้ว่าพวกเขาคว้าชัยชนะมาได้อย่างท่วมท้น เสียทหารไปเพียง 500 คน แต่สามารถสังหารปีศาจไปได้เกือบ 20,000 ตัว แถมยังทำภารกิจได้สำเร็จอย่างราบรื่นอีกด้วย การที่สามารถชิงเอาเมืองศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากมือปีศาจได้ ถ้านี่ไม่เรียกว่าชัยชนะ แล้วยังจะมีอะไรที่เรียกว่าชัยชนะได้อีก?
ซึ่งนี่ก็คือความดีความชอบของทีมที่ปรึกษา
ความจริงโรแลนด์ยังได้คุยกับคนอื่นๆ อย่างทิลลี อกาธา อาลิเธียเป็นการส่วนตัวถึงปัญหานี้ด้วย พวกนางคิดว่าการที่แผนไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้นั้นเป็นเพราะมีปัจจัยบางอย่างที่ไม่สามารถเข้าใจได้อยู่ หากเป็นยุคสมัยทาคิลา ปีศาจไม่มีทางที่จะทิ้งโอกาสในการกลืนกินทั้งทวีปเพื่อที่จะไล่ฆ่าแม่มดแค่ไม่กี่คนแน่ ต่อให้เป็นสามผู้นำก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เอดิธส์ก็ยังถูกคนอื่นๆ นินทาอยู่ บวกกับการที่เธอแพ้ให้กับอุรูคในศึกครั้งนี้ เดิมโรแลนด์คิดว่าเธอจะนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นที่นินทาของคนอื่น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะไม่มีท่าทีที่จะถอยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นพอเอ่ยปากก็แสดงความคิดที่ไม่เหมือนกับคนอื่นออกมา
“….ปัญหาอะไร?”
“อย่างแรกคือสองประโยคสุดท้าย” เอดิธส์ก้มหน้าเดินไปสองก้าว “ถ้าสำเร็จให้เพิ่มกำลังสิบเท่า ถ้าไม่สำเร็จให้บุกเต็มที่ นี่มันแปลกมากเลยไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อเป้าหมายสุดท้ายของปีศาจคือบดขยี้มนุษย์ อย่างนั้นความสำคัญของทาคิลาก็ควรจะเป็นเหมือนที่พวกเราคิดเอาไว้ ต่อให้อาณาจักรซีสกายสร้างความกดดันให้พวกมันมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่น่าจะทิ้งทาคิลาไปง่ายๆ แบบนี้ เพราะในจดหมายฉบับนี้ ศัตรูยังแนะนำเอาไว้เลยว่าให้บดขยี้พวกเราด้วยกำลังทั้งหมดที่มี”
เวนดี้ตกตะลึง “ใช่…แล้วทำไมพวกมันถึงไม่ทำแบบนี้ตั้งแต่แรก?”
“เพราะหมอกแดงไม่พอเหรอ?” ไนติงเกลเอามือขึ้นมาลูบคาง
“จะบุกเข้ามาเต็มกำลังนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าเพิ่มกำลังเป็นสิบเท่าล่ะก็ ขอเพียงเพิ่มจำนวนหน่วยขนส่งหมอกแดงมันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังมีเครื่องจักรสงครามแบบใหม่อย่างปีศาจโครงกระดูกอีก” อกาธาขมวดคิ้วขึ้นมา “จากสถานีหมายเลขหนึ่งไปถึงสถานีหมายเลขสิบ พวกเราใช้เวลาอยู่เกือบครึ่งปี เวลานี้เพียงพอที่จะให้ปีศาจได้ตัดสินใจแล้ว”
“การวิเคราะห์ของทีมที่ปรึกษาในตอนแรกนั้นมาจากที่คาบราดาบีบอกว่าปีศาจติดพันการรบอยู่กับอาณาจักรซีสกาย และผลการรบก็เกี่ยวกับความเป็นความตายของพวกมันด้วย” เอดิธส์มองไปทางปีศาจระดับสูงที่กำลังมองดูพวกเธอด้วยสายตาโกรธแค้น “แต่เมื่อดูจากจดหมายฉบับนี้ ดูเหมือนต่อให้พวกมันแพ้ให้กับอาณาจักรซีสกาย แต่มันก็ไม่ถึงกับทำให้พวกมันสูญพันธุ์ เผลอๆ พวกมันอาจจะมีโอกาสในการพลิกกลับมาเอาชนะด้วย อย่างนั้นทำไมปีศาจถึงไม่มาช่วยทาคิลาตั้งแต่แรก? นี่มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย เมื่อดูจากเจตนาและพฤติกรรมของพวกมันแล้ว ทั้งสองอย่างมันขัดแย้งกันเอง”
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบทันที
“ยังมีอีกประโยคหนึ่งที่บอกว่า ‘ข้ารู้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้ท่านไม่พอใจ แต่ว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบถึงแผนการทางตะวันตกของท่านแน่นอน’” เธอนิ่งเงียบไปครู่ก่อนจะพูดต่อว่า “ฟังแล้วเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าคิดดูดีๆ จะรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ…ยอมทิ้งทาคิลาเพื่อมาซุ่มโจมตีแม่มด แบบนี้มันจะไม่กระทบต่อแผนการได้ยังไง?”
“บางทีอุรูคอาจจะปั่นหัวหัวหน้าของมันหรือเปล่า?” โรแลนด์พูดพร้อมครุ่นคิด “พวกขุนนางชอบทำแบบนี้บ่อยๆ”
“ฝ่าบาท ได้โปรดมองมันเป็นศัตรูที่รับมือได้ยากที่สุดด้วยเพคะ!” เอดิธส์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “หากพระองค์ทรงจินตนาการไม่ออก ก็ให้มองว่ามันเป็นหม่อมฉันในร่างของปีศาจแล้วกันเพคะ พระองค์ทรงคิดว่าหม่อมฉันจะทำเรื่องแบบนี้หรือเพคะ?”
เมื่อเห็นเธอกำหมัดทั้งสองข้าง ภายในใจโรแลนด์ก็เข้าใจได้ทันที ที่แท้เธอไม่ได้ใจเย็นเหมือนอย่างที่แสดงออกมาให้เห็น แล้วก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ได้รับผลกระทบจากคำพูดนินทาลับหลัง หากแต่เธอพยายามอดกลั้นมันเอาไว้
เธอไม่อยากจะแพ้ให้กับราชาปีศาจ
“เอาล่ะ ในเมื่อไม่ใช่การปั่นหัว อย่างนั้นก็แสดงว่าในแผนการของพวกมัน ทาคิลาจะมีหรือไม่มีก็ได้…แบบนี้ สิ่งที่ข้าพอจะคิดได้ก็คือปีศาจเจอวิธีที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาหมอกแดงแล้ว ต่อให้ไม่มีเสาโอเบลิส พวกมันก็ยังบุกสี่อาณาจักรใหญ่ได้”
“ในจุดนี้เราเคยคุยกันตั้งแต่ช่วงแรกของปฏิบัติการณ์คบเพลิงแล้วเพคะ” อกาธาถอนใจออกมา “หม่อมฉันยังคงคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่อย่างนั้นพวกมันทำไมต้องส่งทหารมาที่ทาคิลา? ถ้าหมอกแดงไม่จำเป็นสำหรับพวกมันจริงๆ พวกมันก็น่าจะอยู่กระจัดกระจายไปทั่วทุกที่นานแล้วเพคะ”
“เอ่อ…ทำไมพวกเจ้าถึงคุยเรื่องผลกระทบกันล่ะ?”
ในขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิด จู่ๆ ไนติงเกลก็ถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ “ ‘แนวตะวันตก’ ที่ว่านั่นมันไม่แปลกกว่าเหรอ? ถ้าปีศาจกับเราหันหน้าเข้าหากัน ทางตะวันตกของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็น่าจะเป็นด้านตะวันออกของพวกมันใช่ไหมล่ะ?”
‘ตำแหน่งมักจะอยู่ตรงข้ามกันตลอด ยิ่งไปกว่านั้นโลกก็ไม่ใช่พื้นแบนๆ ด้วย’ เซลีนอธิบายอย่างอดทน ‘ปีศาจมาจากที่ทวีปหนึ่ง ถ้าอุรูคมองมันเป็นศูนย์กลาง อย่างนั้นอย่าว่าแต่ทาคิลาเลย แม้แต่สี่อาณาจักรใหญ่ของพวกเรา ไปจนถึงพื้นที่ครึ่งหนึ่งของดินแดนรุ่งอรุณก็ล้วนแต่ถือเป็นแนวตะวันตกทั้งสิ้น’
“อย่างนี้นี่เอง…ก็แสดงว่าตะวันตกของพวกมันไม่เหมือนตะวันตกของพวกเราใช่ไหม?”
“เดี๋ยวๆ เจ้าว่าอะไรนะ?” จู่ๆ เอดิธส์ก็เงยหน้าขึ้นมา
“ตะวันตกของมัน…ไม่เหมือนตะวันตกของเรา?” ไนติงเกลพูดอย่างไม่มั่นใจ
ดวงตาของไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือเป็นประกายขึ้นมาทันที เธอรีบเดินไปยังโต๊ะยาวที่มีแผนที่วางกองอยู่เต็มไปหมด ก่อนจะเอาแผนที่ที่ม้วนๆ กางออกมาทีละแผ่นๆ หลังกวาดตามองดูเสร็จก็โยนมันไปอีกด้านหนึ่ง จนสุดท้ายสายตาเธอก็มาหยุดอยู่ที่แผนที่ที่วาดอย่างหยาบๆ แผ่นหนึ่ง
โรแลนด์มองดูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองออกว่านั้นเป็นแผนที่ของอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์ทั้งอาณาจักรจากลายมือที่เขียนอยู่บนนั้น
เธอชี้ไปยังพื้นที่ว่างๆ ทางด้านเหนือของสันเขาสโนว์ซึ่งเป็นพื้นที่เหนือสุดของอีเทอร์นอลวินเทอร์ ก่อนจะหันหน้ามาถามเซลีนว่า “บนนั้นมีอะไร?”
“ภูเขา เทือกเขาที่ยาวเหยียดเหมือนกับหลังของเม่น ตั้งแต่ทางใต้ไปถึงทางเหนือ แทบจะห้อมล้อมด้านหนึ่งของดินแดนรุ่งอรุณเอาไว้ พวกเราเรียกมันว่าสันหลังของทวีป’
“สมาพันธ์เคยสำรวจพื้นที่ตรงนี้ไหม?”
“เคยแน่นอน สมาพันธ์เคยทำแผนที่ทั้งหมดของดินแดนรุ่นอรุณออกมา นั่นย่อมรวมไปถึงสันหลังของทวีปด้วย’
“แค่เคยวาดแผนที่ออกมาเหรอ?” เอดิธส์ถามอย่างเร่งรีบ “ไม่เคยทำบันทึกที่ละเอียดกว่านั้นเหรอ?”
“เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?” อกาธาถามอย่างสงสัย “แค่ทำแผนที่ออกมามันก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมากแล้ว ภูเขาตรงนั้นไม่เพียงแต่จะเยอะ แต่ยังกว้างใหญ่ด้วย เทือกเขาสิ้นวิถีเป็นแต่ปลายหางของมันเท่านั้น และส่วนที่กว้างที่สุดของมันก็กว้างพอที่จะใส่เกรย์คาสเซิลเข้าไปได้ทั้งอาณาจักรเลย ตัวเทือกเขานั้นมีความชันมาก พื้นที่ส่วนใหญ่แทบจะถูกหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี ต่อให้จดบันทึกยอดเขาทุกยอดมา แล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไร?”
“ข้าคิดว่าพวกเราอาจจะมองข้ามที่ๆ หนึ่งไป บางทีแผนการทางตะวันตกของสกายลอร์ดอาจจะไม่ใช่ทาคิลา หากแต่หมายถึงการโจมตีมนุษย์อย่างเต็มรูปแบบ ซากเมืองทาคิลานั้นเป็นแค่เพียงตัวเลือกหนึ่งเท่านั้น!” นิ้วมือของเอดิธส์ลากไปบนเทือกเขาสิ้นวิถี “เป้าหมายสุดท้ายของปีศาจคือทำให้หมอกแดงข้ามแนวป้องกันธรรมชาตินี้เข้ามา ถ้ามันเข้าใกล้สี่อาณาจักรได้มากพอ อย่างนั้นจะตั้งเมืองได้หรือไม่นั้นก็ไม่สำคัญ ขอเพียงมีโอกาสตั้งเสาโอเบลิสได้ก็พอ!”
“เจ้าหมายความว่า…” อกาธาหน้าเปลี่ยนสีทันที
“พื้นที่ที่ถูกเรียกว่าสันหลังของทวีปนี้น่าจะมีสายแร่หินอาญาสิทธิ์ที่ยังไม่ถูกค้นพบอยู่หรือเปล่า?” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือถามด้วยเสียงคร่ำเคร่ง
…………………………………………………………………………