Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1179 เมจิกคิวบ์พาวเวอร์สามสูบ
อันนี้เดินวนรอบเครื่องต้นแบบอยู่สองรอบ ก่อนจะพูดความรู้สึกแรกของตัวเองที่ได้เห็นมันออกมา
“เล็ก….จริงๆ”
‘แต่มันก็มีความรู้สึกงดงามที่บอกไม่ถูก’ เซลีนพูด ‘โดยเฉพาะท่อจำนวนมากที่อยู่ด้านข้างของมัน ดูแล้วเหมือนกับหนวดเลย’
โรแลนด์อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ มุมมองการสังเกตของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ข้อสรุปของทั้งสองคนกลับสามารถแสดงจุดเด่นของเครื่องจักรตัวใหม่นี้ออกมาได้อย่างชัดเจน
เมื่อเทียบกับเครื่องจักรไอน้ำเหล็กเครื่องแรกที่อันนาสร้างขึ้นมาแล้ว ขนาดของเครื่องต้นแบบตัวนี้มีขนาดที่เล็กลงมากกว่าสิบเท่า นั่นเป็นเพราะว่าเทคโนโลยีที่ใช้ในเครื่องต้นแบบตัวนี้มีความก้าวหน้าไปจากเดิมอย่างมาก แต่เหตุผลที่สำคัญที่สุดนั่นเป็นเพราะว่ามันไม่มีเตาหลอม
เครื่องจักรไอน้ำของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ในปัจจุบันนี้พัฒนามาถึงรุ่นที่ 4 แล้ว แต่ส่วนที่เป็นเตาหลอมกลับไม่มีการเปลี่ยนอะไรมาก ไม่ว่าจะเป็นการเผาถ่านหินหรือว่าเผาถ่านไม้ หรือว่าจะเป็นน้ำมันหนัก ห้องเผาไหม้ขนาดใหญ่และเตาไอน้ำก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่อาจขาดได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่เข้ามาแทนที่มันนั้นเป็นแค่กล่องเหล็กสี่เหลี่ยมขนาดยาว 1 เมตร กว้าง 50 เซนติเมตร และหนาไม่ถึง 20 เซนติเมตร
และกล่องอันนี้ก็คือหัวใจสำคัญของระบบทั้งระบบ
ถ้าพูดง่ายๆ มันก็คือการเอาลูกบาศก์เวทมนตร์มาใส่ไว้ในภาชนะเดียวกัน เพื่อทำให้เกิดการหลอมรวมกันระหว่างการเผาไหม้และการระเหยกลายเป็นไอน้ำ แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปิดผนึกที่ต้องมีความหนาแน่น หรือตัวท่อที่ต้องทนแรงดันสูงก็ล้วนแต่ไม่ใช่สิ่งที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ในอดีตนี้จะผลิตออกมาได้ พูดอีกอย่างก็คือถึงแม้ในตอนนั้นเขาจะได้ลูกบาศก์เวทมนตร์ของเผ่ากัมมันตรังสีมา แต่เขาก็คงจะใช้ประโยชน์จากมันได้ไม่ต่างจากคนอื่นๆ
ด้านหนึ่งของกล่องเหล็กมีการวางลูกบาศก์เวทมนตร์เรียงเอาไว้สามก้อนเพื่อใช้เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานขับเคลื่อนเครื่องจักร ด้านในมีตะกั่วรองเอาไว้อีกชั้นหนึ่งเพื่อใช้ในการป้องกันรังสีที่ปล่อยออกมา ผิวที่เรียบรื่นที่อยู่ด้านบนของมันมีท่อนำความร้อนสิบกว่าท่อวางเรียงเป็นแถวอยู่ โดยท่อน้ำความร้อนจะวิ่งทะลุผ่านกล่องใส่น้ำและกล่องคอนเดนเซอร์แล้วค่อนวิ่งทะลุกลับลงมาด้านล่าง กระบวนการหมุนเวียนของการ ‘ให้ความร้อน – ให้พลังงาน – การระบายความร้อน’ ของมันอยู่ในระบบปิดอย่างสมบูรณ์ ถ้าอุปกรณ์มีความน่าเชื่อถือมากเพียงพอ ตามหลักแล้วต่อให้ใช้งานมันจนพังก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนตัวกลางน้ำความร้อนใหม่เลย
แต่แน่นอนว่าขนาดอันนี้ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเครื่องจักรไอน้ำรุ่นใหม่
น้ำนั้นเป็นแค่ตัวกลางน้ำความร้อนที่หาได้ง่ายและมีราคาถูกที่สุด ถ้าเปลี่ยนเป็นตัวกลางอื่นที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า อย่างเช่นโลหะแอลคาไลในรูปของเหลว เขาก็จะอาจจะสร้างเครื่องจักรไอน้ำที่มีขนาดเล็กลงมาจากเดิมได้
เพียงแต่สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องพิสูจน์ในตอนนี้ก็คือหลักการทำงานของเครื่องต้นแบบอันนี้มันใช้ได้จริงหรือไม่ สุดท้ายโรแลนด์จึงห้ามใจตัวเองเอาไว้ก่อน เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุรั่วไหล แล้วโลหะแอลคาไลในรูปของเหลวไปผสมกับน้ำล่ะก็ เกรงว่าห้องทดลองทั้งห้องคงถูกระเบิดจนเละแน่
ท่อที่ยื่นออกมาจากกล่องเพิ่มความร้อนสามารถถ่ายพลังงานความร้อนที่เกิดจากลูกบาศก์เวทมนตร์ออกมาได้อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งทำให้กล่องใส่น้ำเดือด ส่วนกระบวนการหลังจากนั้นก็เหมือนกับเครื่องจักรไอน้ำทั่วๆ ไป สิ่งที่ใช้ก็ล้วนแต่เป็นเทคโนโลยีที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์มีความเชี่ยวชาญอยู่ก่อนแล้ว
แต่ส่วนที่เซลีนชื่นชมมากที่สุดนั้นคือส่วนที่เป็นท่อคอนเดนเซอร์ที่ติดตั้งอยู่ด้านข้างของตัวเครื่อง เพื่อที่จะทำให้มีพื้นที่ในการระบายความร้อนที่มากพอ ท่อแต่ละท่อจึงบิดไปบิดมาดูแล้วคล้ายๆ กับหนวดทีเดียว
ถ้าบอกว่าเครื่องจักรไอน้ำที่ใช้งานอยู่ในตอนนี้ทั้งใหญ่และเทอะทะล่ะก็ อย่างนั้นเครื่องต้นแบบอันนี้ก็เรียกได้ว่ามีขนาดที่เล็กกะทัดรัดอย่างมาก โดยเฉพาะกล่องที่เป็นหัวใจหลักสีขาวเงินกับท่อทองแดงนำความร้อนที่เงาจนสะท้อนให้เห็นใบหน้าคน เมื่อดูจากสีสันและระดับความเงางามแล้วเรียกได้ว่ามันดูสะดุดตากว่าเครื่องจักรไอน้ำรุนแรกๆ อย่างมาก ต่อให้เป็นคนที่ไม่มีความรู้ก็ยังมองออกถึงระดับความแตกต่างของมัน
แค่ในเรื่องของเทคโนโลยีที่ใช้ก็ทำให้มันกลายเป็นงานศิลปะได้แล้ว
“อย่างนั้นก็…เริ่มกันเถอะ?” โรแลนด์มองไปทางทั้งสองคน
อันนาพยักหน้า ก่อนจะยื่นมือไปวางไว้บนคันบังคับ “มาจับด้วยกันสิ”
เซลีนลังเลเล็กน้อย สุดท้ายจึงเอาหนวดหลักค่อยๆ วางลงไปบนหลังมือของราชาและราชินี
“การทดสอบเครื่องจักรไอน้ำลูกบาศก์เวทมนตร์ตัวต้นแบบ…3 2 1…เริ่มได้”
สิ้นเสียงนับถอยหลังของโรแลนด์ คันบังคับก็ถูกโยกขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งสูงสุด ขณะเดียวกันกลไกที่เชื่อมต่อเอาไว้ก็กดลงไปบนกลไกของลูกบาศก์เวทมนตร์ทั้งสามก้อน
แต่ทุกอย่างก็เงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
‘เอ่อ…ล้มเหลวงั้นเหรอ?’ เซลีนมองดูเครื่องจักรที่ไม่มีการตอบสนองอะไรพร้อมกับถามอย่างสงสัยขึ้นมา
“ไม่ ให้มันทำงานอีกครู่ก่อน” โรแลนด์ตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
หลังจากนั้นประมาณ 2 นาที กล่องแกนหลักก็ค่อยๆ สั่นขึ้นมา ไฟแสดงสถานะที่อยู่บนท่อก็ค่อยๆ ส่องแสงสีเหลืองนวลออกมา นั่นคือเกจวัดแรงดันที่ทำมาจากซากมนุษย์ไม้ขีด มันแสดงให้เห็นว่าแรงดันภายในท่อกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
ส่วนกระบวนการความร้อนนั้นดูจะช้ากว่ากระบวนการเปลี่ยนแปลงของแรงดันอย่างเห็นได้ชัด หลังรอไปอีกประมาณ 5 นาที กล่องที่บรรจุน้ำก็มีไอน้ำพุ่งออกมา แล้วก็ทำให้ลูกสูบค่อยๆ หมุนขึ้นมาช้าๆ
เมื่ออุณหภูมิภายในท่อค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น ความเร็วในการหมุนของล้อตุนกำลังก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกัน ขณะเดียวกันปั๊มของระบบคอนเดนเซอร์ก็ทำงานขึ้นมาด้วย ประโยชน์ของปั๊มของระบบคอนเดนเซอร์คือช่วยเพิ่มความเร็วของการหมุนเวียนของเหลวภายในท่อ แล้วก็นำเอาตัวกลางนำความร้อนที่อุณหภูมิลดลงกลับไปยังกล่องแกนหลักใหม่หมุนเวียนไปแบบนี้เรื่อยๆ
“ดูเหมือนจะได้ผลดีทีเดียวนะเพคะ” อันนาถอนหายใจพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย “แค่ความเร็วในการเริ่มทำงานช้าไปหน่อย”
“นี่คืออาการที่เจอบ่อยๆ ในเครื่องจักรไอน้ำ” โรแลนด์พยักหน้า การส่งผ่านความร้อนนั้นจำเป็นต้องใช้เวลา ต่อให้เปลี่ยนเป็นตัวกลางนำความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าก็เทียบเครื่องยนต์สันดาปภายในที่แค่จุดก็ขยับไม่ได้ นอกจากนี้เนื่องจากตามทฤษฎีแล้ว การจะทำให้เครื่องจักรไอน้ำสามารถทำงานหมุนเวียนไปได้เรื่อยๆ อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีกล่องใส่น้ำถึงสามกล่อง ดังนั้นต่อให้ขนาดมันจะเล็กยังไง มันก็ยังใหญ่กว่าเครื่องยนตร์สันดาปภายในมาก บวกกับลูกบาศก์เวทมนตร์นั้นใช้แผ่นยูเรเนียมไปเร็วมาก ทำให้เครื่องต้นแบบเครื่องนี้แทบจะไม่สามารถแสดงความสามารถของมันออกมันออกมาได้อย่างเต็มที่
แต่ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์จากอุตสาหกรรมอะไรก็ต้องค่อยๆ ก้าวไปแบบนี้เหมือนกัน
ขอเพียงเซลีนสามารถแก้ไขเรื่องปัญหาระยะเวลาการใช้งานได้ ข้อดีของมันก็จะแสดงออกมาให้ทุกคนได้เห็น เทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบทำให้สามารถนำมันไปใช้ในอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ไม่เป็นภาระต่อเรื่องเชื้อเพลิงด้วย ต่อให้ตอนนี้เรื่องระยะเวลาการใช้งานยังไม่สามารถแก้ไขได้ แต่เรือที่สร้างขึ้นมาโดยใช้เครื่องจักรไอน้ำตัวใหม่เป็นแหล่งพลังงานในการขับเคลื่อนก็ยังสามารถช่วยให้เรือมีพื้นที่มากขึ้น ทำให้สามารถบรรทุกสินค้าและอาวุธได้มากขึ้น
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ความเร็วในการหมุนของเครื่องจักรไอน้ำก็เพิ่มขึ้นไปถึงจุดสูงสุด เครื่องจักรทั้งเครื่องกำลังสั่นสะเทือน เสียงฝุบๆ ตรงต่อระบายไอน้ำก็เปลี่ยนกลายเป็นเสียงหวีดเล็กแหลม เห็นได้ชัดว่ากล่องแกนหลักที่ประกอบขึ้นมาจากลูกบาศก์เวทมนตร์สามลูกนั้นแสดงประสิทธิภาพออกมาได้เกินกว่าที่จำเป็น โรแลนด์โยกคันบังคับลงมาอยู่ที่ระดับหนึ่ง หลังจากที่ปิดการทำงานของลูกบาศก์เวทมนตร์ไปสองลูก เครื่องจักรจึงหยุดสั่นลง
หลังจากนี้ก็จะเป็นการทดสอบความน่าเชื่อถือในการทำงานระยะยาว
ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วก็เป็นช่วงที่ปัญหาจะปรากฏออกมาให้เห็นได้ง่ายมากที่สุด เพราะว่าหลักการทำงานของเครื่องจักรตัวใหม่นั้นง่ายอย่างมาก การจะทำให้มันทำงานขึ้นมานั้นไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ยากก็คือการทำให้มันสามารถทำงานได้ในระยะยาวและมีความเสถียร
เดิมการยืนเฝ้าอยู่หน้าเครื่องจักรไอน้ำที่ส่งเสียงตึงตังๆ นั้นเป็นเรื่องที่น่าเบื่ออย่างมาก แต่สำหรับโรแลนด์แล้วมันกลับเป็นวิธีคลายเครียดอย่างหนึ่ง การได้นั่งอยู่กับอันนาสวน พูดคุยไปพลางดูการเคลื่อนไหวของเครื่องจักรไปพลาง มันเหมือนกับช่วงเวลาในตอนแรกที่ทั้งสองคนรู้จักกัน
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่เซลีนค่อยๆ ออกไปจากห้องทดลอง ภายในสวนเหลือเพียงแค่เขากับอันนาสองคนเท่านั้น
อีกฝ่ายเอาหัวซบลงไปบนไหล่ของเขา เสียงเครื่องจักรเหมือนอยู่ไกลออกไป
“ถ้ามันสำเร็จ พวกเราก็จะเข้าใกล้โลกในอดีตของพระองค์เข้าไปอีกก้าวใช่ไหมเพคะ?”
“อื้อ ใกล้ขึ้นเยอะเลย เพราะว่าที่โลกนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีแบบนี้เลยนะ”
“รถยนต์สี่ล้อที่คนแค่คนเดียวก็สามารถขับได้ที่พระองค์เคยบอกหม่อมฉันก็จะกลายเป็นจริงด้วยหรือเปล่าเพคะ?”
“ได้สิ ถ้าเจ้าชอบ เดี๋ยวข้าจะออกแบบรถอย่างง่ายๆ มาให้เจ้าลองขับซักคัน”
“เอาสิเพคะ!” เสียงของอันนาฟังดูดีขึ้นมาทันที “เออใช่ แล้วพระองค์จะตั้งชื่อให้เจ้าเครื่องจักรนี้ว่าอะไรหรือเพคะ?”
“ต้องมีชื่อด้วยเหรอ?” โรแลนด์ถามยิ้มๆ
“ต้องมีสีเพคะ” สีหน้าของเธอจริงจังอย่างมาก
“ก็ได้ อย่างนั้นแบล็คเทคโนโลยีหมายเลขหนึ่งกับเมจิกคิวบ์พาวเวอร์ เจ้าเลือกอันไหน?”
“มันไม่เห็นจะเป็นสีดำเลยเพคะ….พระองค์นี่ หม่อมฉันเลือกอันหลังเพคะ แต่ว่าชื่อนี้มันจะแยกความแตกต่างในแต่ละรุ่นยังไงล่ะเพคะ?”
“ง่ายมาก ลูกบาศก์เวทมนตร์หนึ่งลูกก็หมายถึงหนึ่งสูบ ดังนั้นเครื่องต้นแบบอันนี้ก็เรียกว่าเมจิกคิวบ์พาวเวอร์สามสูบเป็นไง?”
“รู้สึกแปลกๆ”
“ไม่ต้องไปสนใจรายละเอียดพวกนั้นหรอกน่า…”
เสียงหัวเราะของทั้งสองคนและเสียงร้องของเครื่องจักรดังผสมปนเปเข้าด้วยกันกลายเป็นท่วงทำนองที่ลอยล่องอยู่ในสวน
…………………………………………………………………..