Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1183 บูชายัญ
“ที่นี่แหละ” คุณชายโหยวหลงพูดเสียงเบาๆ
หลังมุดผ่านตะแกรงครอบท่อระบายอากาศออกมา ทุกคนก็มองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ที่นี่น่าจะเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ทั้งสองด้านยังมีสะพานเครนวางพาดผ่านอยู่ ด้านล่างว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยนอกจากเครื่องจักรพังๆ สองสามเครื่องกับสายพานที่มีฝุ่นและสนิมจับอยู่เต็มไปหมด เห็นได้ชัดว่าก่อนที่นี่จะผิดตัวลง เจ้าของโรงงานได้ขนเอาอุปกรณ์ที่มีค่าทั้งหมดออกไปแล้ว
แต่ในเวลานี้ภายในโรงงานที่ควรจะเงียบสงบไร้ซึ่งซุ่มเสียงกลับมีคบเพลิงที่กำลังลุกไหม้อยู่หลายอัน ภายใต้แสงไฟสลัว เปลวไฟที่กำลังวูบไหวไปมาเหมือนจะเป็นสีขาวเขียว ดูแล้วค่อนข้างสะดุดตาทีเดียว และตำแหน่งตรงหน้าของคบเพลิงเหล่านั้นก็มีเงาคนบิดๆ เบี้ยวๆ อยู่ยี่สิบกว่าเงา
“คนพวกนั้นคือเป้าหมายของพวกเราเหรอ?” ลั่วฮว่าถาม
“คิดว่าไม่ผิดแน่” คนที่ตอบเขาคือผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายยุคเก่าคนหนึ่ง “ฉันสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังของพวกมัน ดูจากระดับพลังแล้วเหมือนจะเป็นขั้นสุดท้ายแล้ว”
ขั้นสุดท้ายที่ว่านั้นหมายถึงการสูญเสียจิตสำนึกของมนุษย์ไปจนหมด แล้วกลายเป็นหุ่นเชิดของพลังการกัดกินอย่างสมบูรณ์แล้ว ในตอนนี้ฟอลเลนอีวิลนั้นไม่ได้ต่างอะไรจากสัตว์ป่าเลย มันไม่สามารถสื่อสารกับคนได้อีก พวกมันจะทำทุกอย่างไปตามสัญชาติญาณเท่านั้น
“พวกมัน….เคยเป็นผู้ฝึกยุทธ์เหรอ?”
“ก็ไม่แน่ ถึงแม้สมาคมจะมีบันทึกเรื่องที่ผู้ฝึกยุทธ์กลายเป็นฟอลเลนอีวิลอยู่ไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่การกัดกินมักจะเกิดขึ้นกับผู้ฝึกยุทธ์สมัครเล่นมากกว่า”
“ถึงแม้ฉันจะเพิ่งเคยเห็นฟอลเลนอีวิลที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นครั้งแรก แต่พวกผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่มีความคิดที่จะพัฒนาตัวเองกับระเบียบวินัย ไม่ว่าจะกลายเป็นอะไรมันก็เป็นพวกไร้ค่าทั้งนั้น” ลั่วฮว่าส่งเสียงแค่นออกมาทางจมูก “ช่วงน่าสงสารจริงๆ…พวกมันไม่คู่ควรกับพลังแห่งธรรมชาติเลย หัวหน้า พวกเราออกไปจัดการสัตว์ประหลาดพวกนี้กันเลยเถอะ”
“รอก่อน” คุณชายโหยวหลงพูดห้าม “ดูสถานการณ์แล้วเหมือนจะยังมีฟอลเลนอีวิลที่จะมารวมตัวที่นี่อีก ยิ่งพวกเราจัดการกับศัตรูได้เยอะ ภาระด้านนอกก็จะยิ่งน้อย ยิ่งไปกว่านั้นพวกนายไม่รู้สึกแปลกๆ บ้างเหรอ? ในเมื่อเป็นฟอลเลนอีวิลขั้นสุดท้ายแล้ว ทำไมพวกมันถึงไม่ไปไล่ฆ่าพวกผู้ตื่นรู้สมัครเล่น แต่กลับวิ่งมาทำอะไรที่นี่? ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้มันมีอะไรแปลกๆ…ถ้าเราหาเหตุผลที่พวกมันมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ได้ ไม่แน่อาจจะมีประโยชน์มากกว่าการกวาดล้างพวกมันก็ได้”
ในขณะที่ทุกคนกำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอยู่นั้น สายตาของโรแลนด์เหลือบมองไปที่เฟยอวี่หาน
เสียงเรียก ‘ฝ่าบาท’ ของเฟยอวี่หานยังคงดังก้องอยู่ในหูเขา
เรียกได้ว่าในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วินาที อารมณ์ของเขาเปลี่ยนแปลงขึ้นลงไปอย่างรวดเร็ว เขาเป็นราชาอยู่ในเกรย์คาสเซิลมาหลายปี น้อยมากที่จะมีคำพูดอะไรที่ทำให้ใจเขารู้สึกไม่สงบได้ขนาดนี้
ตอนแรกที่ได้ยินคำเรียกที่ดูคุ้นเคยนี้ เขาเกือบจะนึกว่าวิญญาณของเอเลน่ามาสิงอยู่ในร่างนี้จนเกือบจะเรียกชื่อเธอออกไป แต่สุดท้ายสมองของเขาก็สั่งให้เขากลืนคำพูดนั้นลงไป เพราะถ้าเฟยอวี่หานคือร่างใหม่ของเอเลน่าในโลกแห่งความฝันจริงๆ อย่างนั้นเธอก็ไม่มีทางจะมาพูดแนะนำตัวอย่างนั้นแต่แรกแน่ แล้วก็ยิ่งไม่มีทางเดินตรงดิ่งมานั่งข้างเขาโดยไม่สนใจสายตาคนอื่นแบบนั้นแน่
ความรู้สึกที่จู่ๆ ก็เปลี่ยนจากดีใจเป็นผิดหวังนั้นไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีซักเท่าไร ส่วนเรื่องที่ทำไมอีกฝ่ายถึงพูดคำว่าฝ่าบาทออกมานั้น ถ้าหยุดคิดเพียงเล็กน้อยก็จะได้คำตอบออกมาไม่ยาก การ์เซียเคยบอกเอาไว้ว่าผู้ฝึกยุทธ์จะมีประสาทสัมผัสที่ดีกว่าคนปกติ ส่วนพวกที่มีพรสวรรค์บางคนนั้นจะยิ่งมีประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยมขึ้นไปอีก บวกกับอีกฝ่ายเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงของกลุ่มทุนโคลฟเวอร์ ดังนั้นเธอต้องเคยได้ยินคำพูดที่เขาพูดคุยกับเหล่าแม่มดแน่นอน
คำถามต่อจากนั้นก็คือเฟยอวี่หานรู้เรื่องของเขามากน้อยแค่ไหนกันแน่?
เมื่อดูจากการกระทำที่พยายามจะหยั่งเชิงของอีกฝ่ายแล้ว โรแลนด์คิดว่าเธอรู้เรื่องไม่มากเท่าไร อย่างน้อยก็ไม่รู้เรื่องอีกโลกหนึ่งที่อยู่นอกโลกแห่งความฝัน แต่นี่ก็ยังทำให้เขาแอบรู้สึกกลัวอยู่ เพราะไม่ว่าจะเป็นจิตสำนึกอิสระไหนก็ตามก็ล้วนแต่ไม่อยากให้ตัวเองนั้นเป็นแค่เพียงภาพมายาอย่างแน่นอน ทันทีที่ความลับของโลกแห่งความฝันถูกเปิดเผยออกไป ผลที่ตามมามันจะต้องรุนแรงอย่างที่คาดไม่ถึงแน่ เผลอๆ อาจจะรุนแรงจนถึงระดับหายนะก็ได้
การ์เซียพูดเอาไว้ไม่ผิดจริงๆ เฟยอวี่หานต่างหากคือคนที่เขาต้องระวังให้มากที่สุด
“หืม? พวกนายดูนั่น ฟอลเลนอีวิลที่มาใหม่ตัวนั้น…เหมือนมันจะแปลกๆ อยู่นะ” ขณะนั้นเอง ในหูฟังก็มีเสียงกระซิบเบาๆ ดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดโรแลนด์ “มันเหมือนกำลังสั่งการฟอลเลนอีวิลตัวอื่นๆ อยู่”
เขาดึงแว่นไนท์วิชั่นลงมาใส่แล้วมองไปยังตรงกลางโรงงาน ก่อนจะเห็นฟอลเลนอีวิลกลุ่มหนึ่งกำลังแบกตู้คอนเทนเนอร์สามตู้ค่อยเดินเข้ามาภายใต้การสั่งการของผู้ชายที่แต่งตัวดูดีคนหนึ่ง
“คนทรยศที่ยังไม่ได้กลายเป็นหุ่นเชิดอย่างสมบูรณ์เหรอ…” คุณชายโหยวหลงพูดอย่างสงสัย “พวกมันอะไรจะทำอะไรกันแน่?”
ผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายยุคเก่าหลายๆ คนพากันขมวดคิ้วขึ้นมา เมื่อเทียบกับฟอลเลนอีวิลขั้นสุดท้ายที่กลายเป็นเหมือนสัตว์ป่าโดยสมบูรณ์แล้ว พวกฟอลเลนอีวิลที่ยังเป็นครึ่งคนครึ่งฟอลเลนอีวิลนั้นมักจะรับมือได้ยากกว่า พวกมันสูญเสียความเห็นอกเห็นใจของมนุษย์ไป แต่กลับยังมีความอันตรายและความเจ้าเล่ห์อยู่ และฟอลเลนอีวิลที่จะทำแบบนี้ได้ส่วนมากมักจะเป็นอดีตผู้ตื่นรู้ที่มีชื่อเสียงเล็กน้อย
“ชู่วว” จู่ๆ เฟยอวี่หานที่ก่อนหน้านี้เงียบมาตลอดก็พูดขึ้นมา “เงียบก่อน ในคอนเทนเนอร์มีความเคลื่อนไหว”
ทุกคนกลั้นหายใจ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอจึงพูดเสียงคร่ำเคร่งขึ้นมาว่า “ในคอนเทนเนอร์…คือคน”
“อะไรนะ?”
“ฉันได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือกับเสียงร้องไห้เบาๆ เหมือนกับพวกเขาถูกอะไรอุดปากเอาไว้อยู่”
“ก็หมายความว่าในคอนเทนเนอร์อาจจะเป็นคนธรรมดาที่เป็นผู้บริสุทธิ์เหรอ?” คุณชายโหยวหลงถามอย่างประหลาดใจ “ฉันไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้ในบันทึกของสมาคมมาก่อนเลย ถึงแม้ฟอลเลนอีวิลจะชื่นชอบในการฆ่า แต่มันก็ไม่น่าจะพุ่งเป้าไปที่คนธรรมดานี่นา”
ในขณะที่ทุกคนกำลังสบตากัน จู่ๆ ฟอลเลนอีวิลที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าตัวนั้นพลันตะโกนเสียงดังขึ้นมา “ถึงเวลาแล้วเด็กๆ! เจตจำนงของพระเจ้าได้ใกล้เข้ามาแล้ว พระเจ้ากำลังปรารถนาการบูชายัญอยู่!”
“โฮกกกก!” ฟอลเลนอีวิลตัวอื่นๆ พากันส่งเสียงคำรามออกมา
“มาเถอะ ให้พลังได้กลับไปสู่แหล่งกำเนิด ให้พระเจ้าได้กลับมาบนโลกอีกครั้ง!”
“โฮกกกก!”
“การดับสลายของโลกใบนี้คือการเกิดใหม่ของพวกเรา! มอบทุกอย่างให้กับพระเจ้า การบุชายัญเริ่มได้!”
เหล่าฟอลเลนอีวิลพากันส่งเสียงคำรามดังสนั่นออกมาทันที!
“บ้าเอ้ย พวกเราต้องลงมือแล้วล่ะ” หัวหน้าทีมกัดฟัน ถึงแม้จะไม่เคยได้ยินเรื่องที่พวกฟอลเลนอีวิลจะมีการจับคนธรรมดามาบูชายัญ แล้วก็มีการพูดถึงพระเจ้าเหมือนลัทธิต่างๆ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่มีทางที่จะนั่งมองผู้บริสุทธิ์ถูกทำร้ายแน่นอน ในอีกแง่ก็เท่ากับว่าการช่วยเหลือคนนั้นสำคัญกว่าภารกิจกวาดล้างเสียอีก จิตวิญญาณหลักของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ก็คือการปกป้อง “ทุกคนพยายามเข้าใกล้คอนเทนเทอร์แล้วกันพวกสัตว์ประหลาดนั่นออกไป ถึงจะหนีไปได้ซักสองสามตัวก็ไม่เป็นไร พวกเราที่อยู่ข้างนอกนั้นจะต้องจัดการได้แน่!”
เฟยอวี่หานพยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ ก่อนจะพุ่งตัวออกไปจากที่ซ่อนเป็นคนแรก
คนอื่นๆ ตามออกไป ก่อนจะพุ่งเข้าใส่พวกศัตรู
โรงงานที่ถูกทิ้งร้างวุ่นวายขึ้นมาทันที!
พวกฟอลเลนอีวิลถูกเล่นงานจนมือไม้ปั่นป่วน ร่างกายที่แข็งแกร่งของพวกมันถูกพลังแห่งธรรมชาติเล่นงานจนย่อยยับ ทันทีที่แกนพลังแห่งธรรมชาติถูกดึงออกมาจากร่างกาย พวกมันก็จะกลายเป็นอัมพาตไปทันที
ส่วนโรแลนด์นั้นเดินอยู่ด้านหลังสุดของกลุ่ม ด้านหนึ่งก็เพื่อคอยระวังหลังให้เพื่อน อีกด้านหนึ่งก็เพื่อที่จะปิดบังพลังของตัวเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาสู้กับฟอลเลนอีวิล ประสบการณ์ในการต่อสู้ ‘แบบเป็นทีม’ เรียกได้ว่ามีมากกว่าผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ในทีมเสียอีก ขณะเดียวกันเขาก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปสู้กับฟอลเลนอีวิลอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนกับผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้นด้วย ขอเพียงถูกเขาสัมผัสตัว เรี่ยวแรงของฟอลเลนอีวิลก็จะหายไปทันที จากนั้นก็จะถูกเขาเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว ขณะเดียวกันเขาเองก็ไม่กล้าที่จะไปสัมผัสวงพายุพลังแห่งธรรมชาติสีแดงที่ถูกดึงออกมาด้วย ไม่อย่างนั้นภาพที่แกนพลังแห่งธรรมชาติสลายตัวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าคงต้องถูกคนอื่นๆ เห็นแน่
นอกจากนี้แมลงที่อยู่บนไหล่เขาก็กำลังสั่นเล็กน้อย นี่ก็หมายความว่าพวกฟิลลิสนั้นมาถึงที่นี่แล้ว ด้านหน้ามีเพื่อนร่วมทีม ด้านหลังมีแม่มดคอยสนับสนุน โรแลนด์ยิ่งสู้ก็ยิ่งจัดการฟอลเลนได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้เทคนิคการต่อสู้ของเขาจะดูเรียบง่ายมากที่สุด แต่ความจริงแล้วจำนวนฟอลเลนอีวิลที่เขาจัดการได้นั้นเป็นรองแค่เพียงเฟยอวี่หานเท่านั้น
โชคดีที่ตอนนี้ความสนใจของทุกคนต่างก็อยู่ที่ตู้คอนเทนเนอร์ บวกกับการจงใจแกล้งทำเป็นสู้ไม่ค่อยเก่งของเขา จึงทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นภาพเหตุการณ์แปลกๆ นี้
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น หลังต่อสู้จนหลายๆ คนต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันไปบ้างแล้ว ทุกคนก็มายืนอยู่หน้าตู้คอนเทนเนอร์
ส่วนฟอลเลนอีวิลก็ตายไปมากกว่าครึ่ง
“อะไรกันเนี่ย ดูแล้วไม่ได้จัดการยากเหมือนที่คิดไว้เลย” ลั่วฮว่าสะบัดเลือดที่อยู่บนมือ ก่อนจะคว้าโซ่ล็อกที่อยู่ตรงประตูตู้คอนเทนเนอร์เอาไว้แล้วดึงขาดออกไปสองท่อน “บางทีสมาคมน่าจะออกใบอนุญาตไล่ล่าให้ฉันซักเล่มนะเนี่ย เฮ้ พวกคุณไม่ต้องกลัวนะ สมาคมผู้ฝึกยุทธ์มาช่วย…..”
เขายังไม่ทันพูดจบก็ต้องตะลึงไปทันที
สายตาของคนอื่นๆ มองตามเข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์เหมือนกัน!
ภายในตู้คอนเทนเนอร์มีคนอัดแน่นอยู่หลายสิบคน พวกเขาถูกมัดเอาไว้บนท่อเหล็กเหมือนกับบาร์บีคิว แล้วก็ทำได้เพียงส่งเสียงอู้ๆ อี้ๆ ออกมาเพราะตากับปากล้วนแต่ถูกผ้าปิดเอาไว้ ส่วนบนศีรษะของพวกเขานั้นมีแกนพลังแห่งธรรมชาติจำนวนเท่ากันห้อยลงมา
โรแลนด์รู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที
พริบตานั้นเขานึกถึงคำพูดของการ์เซียเมื่อหลายเดือนก่อนขึ้นมา
‘เจ้าสิ่งนี้เป็นทั้งแหล่งกำเนิดพลังของฟอลเลนอีวิล แล้วก็เป็นหลักฐานยืนยันว่าพวกมันถูกกัดกิน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อกลายร่างแล้ว พลังแห่งธรรมชาติก็จะไม่สามารถกลับคืนสภาพเดิมได้ ถ้าไม่เก็บเอาให้เหมาะสม ช้าเร็วมันก็จะแพร่ไปยังร่างใหม่ คนธรรมดาแต่สัมผัสมันก็ถูกมันยึดครองจิตใจไปได้แล้ว’
‘เธอหมายความว่า…มันสามารถย้ายไปร่างอื่นได้เหรอ?’
‘ถึงได้มีคนคอยเก็บรวบรวมพวกมันไง เจ้าบ้าพวกนี้คิดอะไรอยู่แค่ดูก็รู้แล้ว พวกเขาไม่กลัวว่าโลกนี้จะพังทลายหรือยังไง!’
ที่แท้….เตรียมตัวมาครึ่งปีก็เพื่อรอเวลานี้เหรอเนี่ย?
โรแลนด์หันกลับไปมองดูฟอลเลนอีวิลที่เป็นหัวหน้าตัวนั้น
มันสวมแว่นตาข้างเดียว ผมหวีเรียบไปด้านหลัง บนตัวสวมชุดสูท สองมือสวมถุงมือสีขาว ดูแล้วเหมือนกับพวกพ่อบ้านเลย เพียงแต่ในเวลานี้สีหน้าของมันกลับเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
“ถึงไม่มีพวกเจ้า การบูชายัญครั้งนี้ก็สามารถเสร็จสมบูรณ์ได้ แต่ของขวัญที่จะถวายให้กับพระเจ้ามันยิ่งเยอะก็ยิ่งดีไม่ใช่เหรอ?” มันยื่นมือขวาออกมาดีดนิ้ว
แกนพลังแห่งธรรมชาติที่อยู่ในคอนเทนเนอร์ร่วงลงมาพร้อมกัน
“ม่ายยย!”
ลั่วฮว่ายื่นมือออกไปเพื่อจะผลักคนที่ถูกมัดอยู่ตู้คอนเทนเนอร์ แต่ด้วยจำนวนคนที่เยอะขนาดนี้ การจะทำให้ทุกคนหลบแกนพลังแห่งธรรมชาติได้หมดนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
“กำจัดพวกเขาซะ ตอนนี้เลย!” ผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายยุคเก่าคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
“แต่ว่า…คนพวกนี้คือคนธรรมดานะ…” ลั่วฮว่าพูดงึมงำ
ในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วินาที การกัดกินก็เสร็จสมบูรณ์ ถึงแม้พวกมันจะเป็นฟอลเลนอีวิลที่เกิดขึ้นมาใหม่ แต่พละกำลังและทักษะการต่อสู้ของพวกมันก็ไม่อาจเทียบพวกผู้ฝึกยุทธ์ที่กลายเป็นฟอลเลนอีวิลได้ แต่ด้วยความได้เปรียบเรื่องจำนวน โดยเฉพาะเมื่อต้องสู้กันแบบซึ่งๆ หน้า เพียงแค่การกัดตามสัญชาตญาณก็เพียงพอที่จะทำให้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิตได้แล้ว
เหล่าฟอลเลนอีวิลดิ้นหลุดออกมาจากพันธนาการได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะแห่ทะลักออกมาจากคอนเทนเนอร์เหมือนดั่งกระแสน้ำหลากแล้วกระโจนเข้าใส่ลั่วฮว่าที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด
…………………………………………………