Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1186 ศึกตัดสินปรากฏขึ้นอีกครั้ง
หลังจากทุกอย่างจบลง ทีมที่สองก็ค่อยเข้ามาในโรงงาน
โรแลนด์เอาดินขึ้นมาทาหน้าพร้อมกับฉีกเสื้อผ้าของตัวเองให้ขาด จากนั้นแสร้งทำเป็นนอนรอความช่วยเหลือจากสมาคมผู้ฝึกยุทธ์อยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรงเหมือนคนอื่นๆ
ถึงแม้ความอยากรู้อยากเห็นจะทำให้หลิงทำผิดพลาด แต่โชคดีที่เธอเพียงแค่เลียนแบบการกดปุ่มเท่านั้น ไม่ได้เปลี่ยนไปใช้ช่องที่ทั้งทีมใช้สื่อสารกัน ด้วยเหตุนี้คนที่ได้ยินคำพูดของเขากับหลิงจึงมีเพียงเฟยอวี่หานคนเดียว ตอนนี้เธอยังคงสลบอยู่ แต่ต่อให้เธอตื่นขึ้นมา โรแลนด์ก็สามารถยืนกรานปฏิเสธได้ว่านั่นเป็นเรื่องที่เธอคิดไปเองหลังจากโดนโจมตีอย่างรุนแรง
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมสัตว์ประหลาดถึงหายไป เขาซึ่ง ‘สลบไปตั้งนานแล้ว’ ย่อมไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ถึงแม้การทำแบบนี้จะทำให้ความดีความชอบทุกอย่างไปตกอยู่กับเฟยอวี่หาน แต่ในสายของโรแลนด์นี่ถือเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
เรื่องราวหลังจากนั้นก็เป็นเหมือนที่เขาคิดเอาไว้ เมื่อไม่ได้มาเห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง คำอธิบายแบบคลุมเครือของโรแลนด์จึงไม่ได้รับความสนใจเท่าไร ความสนใจของสมาคมตอนนี้พุ่งเป้าไปที่การกัดกินที่เกิดขึ้นมาใหม่ สมาชิกทีม 12 คนเหลือรอดกลับมาแค่ 6 คนเท่านั้น อีกทั้งในผู้เสียชีวิตยังมีผู้ฝึกยุทธ์ชื่อดังอยู่ 2 คนด้วย แต่นี่ก็ยังเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับข้อมูลเรื่อง ‘การใช้มนุษย์ให้การสร้างการกัดกิน’ อันน่าตกใจ
สิ่งเดียวที่ทำให้โรแลนด์รู้สึกแปลกใจก็คือหลังจากทีมที่สองมาถึง การ์เซียก็กระโดดลงมาในหลุมเป็นคนแรกพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อเขาและคุ้ยหาร่างเขาอย่างร้อนใจ อีกทั้งยังแสดงสีหน้าดีใจหลังจากที่เจอเขาด้วย นี่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แต่ความรู้สึกแบบนี้ก็อยู่ไม่นานนัก สีหน้าการ์เซียกลับมาดูเยือกเย็นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพูดพึมพำเบาๆ ว่า “อะไรเนี่ย นายยังไม่ตายหรอกเหรอ” ก่อนจะลากเขาไปขึ้นรถพยาบาบาล
ในเวลานี้ ภารกิจกวาดล้างถือว่าสิ้นสุดลงแล้ว
หลังกลับมาถึงตึกถงจึ พวกฟิลลิสก็ได้แสดงความกังวลที่มีต่อคำเตือนของสัตว์ประหลาดเวทมนตร์ออกมา เพราะคำพูดสุดท้ายของศัตรูนั้นฟังดูน่าตกใจ แล้วก็ดูไม่เหมือนเป็นคำพูดที่ไร้สาระเลย การที่มันสามารถรับรู้ได้ถึงความพิเศษของโรแลนด์ได้ทันทีนั้นก็เป็นหลักฐานยืนยันอย่างหนึ่ง
หากเป็นเมื่อหนึ่งปีก่อน โรแลนด์คงจะพิจารณาคำเตือนของอีกฝ่ายที่บอกว่าห้ามเข้ามาที่นี่ มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่เขาเกิดความรู้สึกระแวดระวังและต่อต้านโลกแห่งความฝันที่นับวันจะยิ่งมีความซับซ้อนและความแปลกหน้าไปทุกที คล้ายกับว่ามันเป็นสิ่งที่ถือกำเนิดมาจากจิตสำนึกของเขา แต่กลับค่อยๆ หนีห่างออกจากการควบคุมของเขาอย่างไรอย่างนั้น
แต่ตอนนี้เขาได้ทำการตัดสินใจแล้ว
โลกแห่งความฝันนั้นไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือที่ให้เขาเติมความรู้ที่ขาดหายไป แต่มันยังเป็นที่อยู่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับแม่มดอาญาสิทธิ์ด้วย ถึงแม้เขาจะไม่สามารถทำให้โลกนี้มันคงอยู่ไปได้ตลอด แต่ก่อนที่จะถึงเวลานั้น เขาก็อยากจะให้แม่มดผู้รอดชีวิตของทาคิลาที่สูญเสียประสาทสัมผัสส่วนใหญ่ไปได้เก็บความทรงจำแห่งความสุขให้ได้มากที่สุด
ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขาเชื่อในความรู้สึกของตัวเอง
ตอนนี้เมื่อมานึกย้อนดูแล้ว การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในตอนแรกสุดของโลกแห่งความฝันเหมือนจะเริ่มจากตอนที่เขาปลดปล่อยแกนพลังแห่งธรรมชาติอันแรก
ถึงแม้โรแลนด์จะยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งสองสิ่ง แต่ในตอนที่เอาชนะสัตว์ประหลาดเวทมนตร์และแย่งชิงเอาวงแหวนดวงดาวมาได้ ความรู้สึกพึงพอใจที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายที่เขาสัมผัสได้นั้นคือของจริง
เขาแอบสังหรณ์ใจว่าขอเพียงทำแบบนี้ต่อไป สักวันหนึ่งเขาต้องได้คำตอบนั้นแน่
นอกจากนี้การที่ภารกิจจบลงไม่ได้หมายความเรื่องราวมันจะจบลง โรแลนด์รู้ว่าข่าวการใช้มนุษย์ในการสร้างกัดกินนั้นจะต้องสร้างความแตกตื่นให้กับภายในสนามคมอย่างมากแน่นอน หลังจากผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ได้สติขึ้นมา สมาคมจะต้องค่อยๆ หาต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมดจากหลายๆ มุม การตรวจสอบเองก็ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน เขาเองก็คงจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เผลอๆ อาจจะถูกฝ่ายยุคใหม่สงสัยหรือมองเป็นศัตรูก็ได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง นั่นมันก็เป็นเรื่องหลังจากนี้
……
หลังจากนั้นสามวัน ในที่สุดทีมนักสืบก็เดินทางกลับมาถึงเมืองเนเวอร์วินเทอร์
แอคเซียไม่เพียงแต่จะย้อนเวลาดูภาพการต่อสู้ทั้งหมดในศึกทาคิลา แต่เธอยังใช้รูนเวลาบันทึกเหตุการณ์สำคัญๆ กลับมาด้วย โรแลนด์ที่ได้รับแจ้งข่าวรับเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่โถงของเมืองชายแดนที่สามทันที เพื่อให้ทุกคนได้มาดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง
ในตอนที่ฉายภาพไปถึงตอนแอชเชสเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นดาบเพื่อเรียกเอาพลังรูนแห่งโชคชะตาลงมาฆ่าตัวตายไปพร้อมกับอุรูค โรแลนด์พลันสัมผัสได้ถึงมือเล็กๆ ที่สั่นเทาข้างหนึ่งมาคว้าจับตัวเองเอาไว้ โรแลนด์กางมือออกแล้วค่อยๆ กุมมืออีกฝ่ายเบาๆ จนกระทั่งภาพเวทมนตร์ถูกฉายจนจบ เขาจึงสังเกตเห็นดวงตาทั้งสองข้างของทิลลีแดงเล็กน้อย แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีจะหลบหนีแม้แต่น้อย หากแต่ยืนอยู่ที่เดิมดูภาพเหตุการณ์ทั้งหมดโดยไม่ขยับไปไหน
จิ๊กซอว์ที่ขาดหายไปทั้งหมดถูกเติมจนครบแล้ว
‘ปีศาจดวงตารวมร่างกับปีศาจธรรมดา หม่อมฉันเพิ่งจะเคยเห็นเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก’ พาซาร์นิ่งเงียบอยู่ครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “พวกมันทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน?’
จุดที่น่าสงสัยมากที่สุดของภารกิจซุ่มโจมตีก็คือทำไมปีศาจถึงจุดซุ่มโจมตีได้ทันทีหลังจากรู้ตำแหน่งของหน่วยจู่โจมพิเศษ ถึงแม้แอนเดรียจะเคยบอกว่าอาจจะเป็นเพราะปีศาจดวงตา แต่รูปร่างของอีกฝ่ายก็ดูไม่เหมือนกับปีศาจดวงตาที่ตัวใหญ่เทอะทะเลย แต่ในที่สุดตอนนี้ก็มีหลักฐานที่ช่วยยืนยันแล้ว — ในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ก่อนศึกตัดสิน อุรูคได้กรีดแก้มของปีศาจคุ้มคลั่งที่เป็นองครักษ์ของมันตัวหนึ่ง แล้วเอาดวงตาที่ถูกแช่แข็งอยู่ในกล่องยัดใส่เข้าไปในบาดแผล ดวงตาที่สัมผัสได้ถึงเลือดสดๆ เหมือนตื่นขึ้นมา หนวดเล็กๆ จำนวนมากงอกออกมาจากดวงตาแล้วชอนไชเข้าไปในร่างกายของปีศาจคุ้มคลั่ง ทำให้มันส่งเสียงร้องโหยหวนอยู่เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ จนกระทั่งส่วนหัวของปีศาจคุ้มคลั่งถูกดวงตายึดครองทั้งหมด เสียงร้องถึงได้หยุดลง
ส่วนหินเวทมนตร์ที่ฝังอยู่ในตัวปีศาจคุ้มคลั่งตัวนี้ก็ไม่ใช่หินเวทมนตร์สำหรับขว้าง หากแต่เป็นหินโบยบินที่หาได้ยาก ตามหลักแล้วหินเวทมนตร์ชนิดนี้จะไม่มีทางมอบให้ปีศาจระดับล่างเด็ดขาด
นี่หมายความว่าอย่างน้อยๆ อุรูคก็เริ่มเตรียมกำลังพลและสิ่งของต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการวางกับดักครั้งนี้มาเป็นเวลาครึ่งปีแล้ว
ในตอนที่ปีศาจคุ้มคลั่งที่ถูกเปลี่ยนสภาพบินออกมาจากทาคิลา ตำแหน่งของซิลเวียก็ถูกเปิดเผยเป็นที่เรียบร้อย เพื่อที่จะซื้อเวลาให้กองทัพองครักษ์ของปีศาจเข้าล้อมศัตรู มันจึงจงใจบินไปทางแนวรบของกองทัพที่หนึ่ง จากนั้นจึงบินกลับมา โดยทำเหมือนว่ามันพ่ายแพ้และกำลังทิ้งเมืองทาคิลาไป ซึ่งมันสามารถควบคุมเวลาตรงนี้ได้ตามใจ ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าหน่วยจู่โจมพิเศษจะอยู่ตรงไหน พวกปีศาจก็จะมาล้อมโจมตีได้ทันทีหลังจากที่พวกเธอยิงปืน นอกเสียจากพวกเธอจะหยุดการจับตามอง ‘ปีศาจคุ้มคลั่งที่ถูกเปลี่ยนร่าง’ ตัวนั้นแล้วรีบหนีไปทางตะวันตก ถึงจะสามารถหนีจากการล้อมโจมตีของศัตรูได้
“แทนที่จะบอกว่ารวมร่าง หม่อมฉันคิดว่ามันเหมือนเป็นการควบคุมอย่างหนึ่งมากกว่า คล้ายกับ…ร่างเปลือก” อกาธาพูดเสียงคร่ำเคร่ง “สิ่งที่มาเป็นตัวแทนอุรูคนั้นไม่ใช่ปีศาจคุ้มคลั่งตัวนั้น หากแต่เป็นดวงตาขนาดเล็กที่อยู่บนหัวมัน”
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น?” โรแลนด์ถาม
“เพราะถ้าศัตรูมีความสามารถแบบนี้ตั้งแต่แรก พวกมันก็ต้องเอาออกมาใช้ตอนสงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่สองแล้วเพคะ เพราะขอเพียงมีปีศาจแบบนี้อยู่ในกองทัพซักสามสี่ตัว มันก็จะสามารถสอดแนมและก่อกวนแนวรับทั้งหมดได้ อสูรสยองที่ปล่อยออกมาก็จะสามารถบุกเข้ามาโจมตีได้ง่าย ส่วนสมาพันธ์เองก็คงจะรับมือได้ไม่ถึง 5 ปีด้วยซ้ำ” อกาธาค่อยๆ พูดต่อว่า “หม่อมฉันคิดว่านี่ไม่น่าจะใช่ความสามารถ หากแต่เป็นเทคโนโลยีอย่างหนึ่ง เหมือนกับปีศาจแมงมุมที่ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่เหล่านั้นเพคะ”
………………………………………………………………..