Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1187 สิ่งที่เรียกว่าการสืบทอด
“เทคโนโลยีเหรอ…” โรแลนด์ขมวดคิ้วขึ้นมา เขาเคยเห็นภาพในความทรงจำของปีศาจว่าเผ่าพันธุ์ของพวกมันทำการยกระดับด้วยการรวมร่างเข้ากับหินเวทมนตร์ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าเพื่อกำหนดพรสวรรค์และความสามารถของตัวเอง ถ้าสำเร็จก็รอด ถ้าไม่สำเร็จก็ตาย นี่ดูแล้วไม่ได้ต่างจากความสามารถของแม่มดเท่าไรเลย ทั้งคู่ต่างต้องอาศัยโชคชะตา เผลอๆ พวกปีศาจอาจจะน่ารันทดกว่าด้วยซ้ำ
แต่เทคโนโลยีนั้นไม่เหมือนกัน…ขอเพียงเข้าใจกฎเกณฑ์ของมันก็จะสามารถขยายขนาดของมันได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็ยังสามารถพัฒนาไปในทิศทางที่ต้องการได้ นี่ถือว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับมนุษย์เลยทีเดียว
“เจ้ามั่นใจเหรอ?” ในฐานะที่เป็นคนที่มีความคิดใกล้เคียงกับโรแลนด์ อันนาเองก็สังเกตได้ถึงจุดนี้เช่นเดียวกัน
“อันนี้ก็ต้องรอให้ขนเอาซากศพมันกลับมาทำการวิจัยเพิ่มเติมก่อนเพคะ เพียงแต่ว่า…” เธอมองไปทางเซลีน
อีกฝ่ายผงกหนวดหลัก ก่อนจะพาทุกคนไปยังหน้าก้อนหินยักษ์สีดำที่เต็มไปด้วยรอยแตก ‘นี่คือส่วนหนึ่งปีศาจโครงกระดูกยักษ์ เมื่อดูจากผลชันสูตรในตอนนี้แล้ว มีความเป็นไปได้สูงว่ามันจะเป็นสิ่งมีชีวิต’
“เอ่อ…ถ้ามีชีวิตมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” โรแลนด์ลูบคางตัวเอง เพราะในรายงานของหลังการรบได้มีการระบุเอาไว้ว่าตอนที่ปีศาจโครงกระดูกถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงใส่ มันได้ส่งเสียงร้องโหยหวนไปทั่วทั้งสนามรบ “เจ้าสิ่งนี้มันเป็นเกราะของปีศาจอัปลักษณ์ใช่หรือเปล่า”
‘ไม่ใช่เพคะ ฝ่าบาท’ น้ำเสียงของเซลีนฟังดูแปลกๆ ‘หม่อมฉันหมายความว่า…เจ้าก้อนหินนี้มันคือสิ่งมีชีวิตเพคะ’
“อะไรนะ?”
ทุกคนตกตะลึง ก่อนจะพากันเดินถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
“เดี๋ยวๆ เจ้าบอกว่ามันมีชีวิต?”
“หรือว่าก้อนหินนี่ก็เป็นปีศาจชนิดหนึ่งเหมือนกัน?”
“ข้าไม่ค่อย…เข้าใจ อธิบายให้ละเอียดหน่อยได้ไหม?”
ภายในโถงมีเสียงสอบดังขึ้นมาไม่ขาดสาย
‘พูดง่ายๆ ก็คือพวกมันมีระบบที่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวง่ายๆ ของตัวเองได้โดยอิสระ’ เซลีนใช้หนวดม้วนเอาค้อนเหล็กขึ้นมา ก่อนจะเคาะลงไปบนรอยแตกของก้อนหิน เมื่อเสียง ‘เป๊ง’ ดังขึ้น ก้อนหินก็สั่นขึ้นมาเล็กน้อย โรแลนด์มองเห็นตรงด้านในของรอยแตกมีอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนเส้นประสาทกำลังเคลื่อนไหวอยู่ ส่วนการสั่นนี้ก็สั่นอยู่ประมาณครึ่งนาทีก่อนจะหยุดลง เห็นได้ชัดว่านั่นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะค้อน
“จากสถานการณ์ในสนามรบเราจะเห็นได้ว่าตรงด้านล่างท้องของปีศาจโครงกระดูกยังมีร่างที่เป็นเนื้อเยื่อขนาดใหญ่ห้อยอยู่ ก่อนหน้านี้พวกเราคิดมาตลอดว่ามันต่างหากที่เป็นร่างที่แท้จริงของปีศาจอัปลักษณ์ แต่ผลจากการชันสูตรได้พิสูจน์ให้เห็นว่าทั้งสองนั้นไม่ได้สิ่งเดียวกัน” อกาธาพูดต่อ “หลังจากค้นพบในจุดนี้ หม่อมฉันกับเซลีนตอนนั้นก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าในเมื่อปีศาจโครงกระดูกสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง แล้วทำไมถึงยังต้องมีปีศาจอัปลักษณ์อยู่ใต้ท้องมันอีก? จนกระทั่งหม่อมฉันได้เห็นวิธีการเปลี่ยนสภาพของผู้พิฆาตเวทมนตร์ หม่อมฉันจึงได้คิดขึ้นมาได้ว่ามันคล้ายอะไรบางอย่างมาก”
อันนาคิดขึ้นมาได้เป็นคนแรก “ร่างเปลือกเหรอ?”
‘ถูกต้องเพคะ’ เซลีนพูด ‘ไม่ว่าจะเป็นร่างต้นแบบหรือว่าหนอนกลืนกิน พวกมันก็มีจุดเด่นอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือในตอนที่ไม่มีผู้ควบคุม พวกมันก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตอยู่’ เธอเอี้ยวตัวหันไปมองโรแลนด์ ‘ฝ่าบาทเพคะ พระองค์ยังทรงจำคำพูดของคาบราดาบีได้ไหมเพคะ ที่มันบอกว่า ‘หรือว่าพวกเจ้าชิงเอาชิ้นส่วนสืบทอดมาได้และเผ่าพันธุ์ได้รับการยกระดับ?’
“หลังจากนั้นยังมีอีกประโยค” โรแลนด์พยักหน้า เขาจำเหตุการณ์ในตอนนั้นได้อย่างชัดเจน เพราะพอได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงเรื่องยกระดับ เขาก็เกือบจะหลุดพูดคำว่า ‘ข้านี่แหละคือ Tal’darim’ ออกมา “อาวุธพวกนี้ก็ใช้สิ่งที่อยู่ในเศษชิ้นส่วนสร้างออกมาเหรอ?…มันน่าจะหมายความแบบนี้ล่ะมั้ง”
ทิลลีเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ “ตอนนี้ดูเหมือนที่คาบราดาบีคิดเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะว่าพวกมันก็ได้รับวิธีการสร้างร่างเปลือกมาจากเศษชิ้นส่วนเหรอ? พูดอีกอย่างก็คือไม่ว่าจะไม่เป็นปีศาจแมงมุมหรือว่าปีศาจโครงกระดูกยักษ์ ความจริงแล้วมันก็เป็นร่างรวมของปีศาจสองชนิด หนึ่งคือร่างเปลือก อีกอันหนึ่งคือคนควบคุม?”
‘มีความเป็นไปได้สูง เพราะว่าทั้งสองมีอะไรคล้ายๆ กันหลายอย่าง อย่างเช่นร่างเปลือกมีอายุที่ยาวนานอย่างมาก เมื่ออยู่ในสภาพจำศีลจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็นเวลายาวนาน ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บอย่างมาก แต่มันก็ไม่ตายง่ายๆ’
“แต่พวกอารยธรรมใต้ดินมันใช้เครื่องถ่ายโอนวิญญาณในการควบคุมร่างเปลือกไม่ใช่เหรอ? แต่วิธีของปีศาจเหมือนจะไม่ได้เป็นแบบนั้น…”
“บางที…อาจเป็นเพราะยังไม่ได้รับวิธีการสร้างแกนเวทมนตร์อย่างสมบูรณ์แบบมา พวกมันถึงไม่สามารถเปลี่ยนร่างเปลือกได้เหมือนอย่างอารยธรรมใต้ดิน” อกาธาตอบ “หรือไม่ก็นี่อาจจะเป็นวิธีการใช้ที่เหมาะสมกับเผ่าพันธุ์มันมากกว่า ก็เหมือนกับตอนที่สมาพันธ์ขาดแคลนร่างเปลือก พวกเขาก็เลยคิดค้นวิธีเปลี่ยนร่างทหารอาญาสิทธิ์ขึ้นมา ในอีกแง่หนึ่งทหารอาญาสิทธิ์ก็คือร่างเปลือกอย่างหนึ่ง”
“เดี๋ยวๆ ข้าว่ามันไม่ใช่นะ?” ไนติงเกลทำสีหน้าสับสน “ถึงแม้ข้าจะไม่ค่อยเข้าใจทฤษฎีของพวกเจ้า แต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่ข้ามั่นใจได้ นั่นก็คือมนุษย์ไม่เคยได้รับชิ้นส่วนสืบทอดอะไรนั่น อาวุธที่กองทัพที่หนึ่งใช้ก็มาจากความคิดของฝ่าบาททั้งหมด การเปลี่ยนร่างทหารอาญาสิทธิ์ก็เป็นผลจากการวิจัยของสมาพันธ์ แต่สุดท้ายพวกเราก็ยังรู้วิธีใช้แกนเวทมนตร์ แล้วก็รับเอามรดกต่างๆ ของอารยธรรมใต้ดินมาไม่ใช่เหรอ?”
“ความจริงแล้วนี่คือส่วนสำคัญของปัญหา” อกาธาพูดอย่างจริงจัง “ข้าเดาว่าวิธีการได้รับการสืบทอดนั้นอาจจะไม่ได้มีแค่มรดกของพระเจ้าแค่ทางเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงได้เรียกมันว่าเทคโนโลยี แทนที่จะเป็นความสามารถ”
โรแลนด์พลันรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที ความรู้สึกที่ยากจะบรรยายได้มันไหลทะลักเข้ามาในหัว “เจ้าหมายถึง…การเรียนรู้?”
“ใช่เพคะ” แม่มดน้ำแข็งถอนหายใจออกมา “ผ่านการถ่ายทอดกับการเรียนรู้ ถึงแม้จะไม่ได้กลืนกินมรดกของพระเจ้า หรือก็คือชิ้นส่วนสืบทอด แต่พวกเราก็ยังได้รับทุกสิ่งที่อย่างที่อารยธรรมสะสมมา หม่อมฉันคิดว่านี่ต่างหากถึงจะเป็นการสืบทอดที่แท้จริง”
ภายในโถงตกอยู่ในความเงียบ
ผ่านไปครู่หนึ่ง คำพูดของเซลีนได้ดังขึ้นมาในหัวของทุกคนอีกครั้ง ‘การที่ปีศาจมันสามารถสร้างอาวุธใหม่ขึ้นมาได้เยอะมากมายขนาดนี้ในช่วงเวลา 400 ปีที่ผ่านมา บางทีประโยชน์ของมรดกของพระเจ้าอาจจะเป็นในเรื่องของการช่วยร่นระยะเวลาในการเรียนรู้ลง เผลอๆ อาจจะทำให้เรียนรู้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ และการวิวัฒนาการที่อารยธรรมได้รับจากตรงนี้ก็คือ ‘การยกระดับ’ ที่พวกมันพูดถึง’
ในที่สุดโรแลนด์ก็รู้แล้วว่าความรู้สึกที่มันรบกวนจิตใจเขามันก็อะไร บางทีคาบราดาบีอาจจะพูดไม่ผิด มนุษย์นั้นได้รับการถ่ายทอดจริงๆ แต่ไม่ใช่จากมรดกของอารยธรรมใดอารยธรรมหนึ่ง หากแต่เป็นการสอนผ่านการพูดปากเปล่าที่โบราณที่สุด เขาซึ่งเป็นคนที่ข้ามยุคสมัยมาได้เชื่อมต่อสองโลกนี้เข้าด้วยกันไปด้วยไม่รู้ตัว
“ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ อย่างนั้นไม่เท่ากับว่ามรดกของพระเจ้ากำลังบันทึกเรื่องราวทุกอย่างของพวกเราอยู่ตลอดเวลาหรอกเหรอ?” เวนดี้พูดพร้อมมองไปทางห้องลับที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโถง ที่นั่นคือสถานที่ที่ใช้เก็บมรดกของพระเจ้า
“ไม่มีใครรู้คำตอบในเรื่องนี้หรอก นอกเสียจากพวกเราจะได้รับชิ้นส่วนสืบทอดมา” อกาธาส่ายหัว “แต่ถ้าปีศาจมันรู้เทคโนโลยีร่างเปลือกจริงๆ หลังจากนี้พวกเราก็อาจจะต้องเจอกับความท้าทายที่ไม่เคยเจอมาก่อน” เธอหันไปมองโรแลนด์ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ขอประทานอภัยด้วยเพคะ ฝ่าบาท….เกรงว่าประสบการณ์การสู้รบมาเป็นเวลาหลายร้อยปีของสมาพันธ์จะไม่สามารถช่วยเหลือพระองค์ได้แล้วเพคะ”
“ไม่เป็นไร สำหรับปีศาจแล้ว สงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่สามก็เป็นประสบการณ์ใหม่หมดเหมือนกัน” โรแลนด์พูดปลอบ ถึงแม้เบื้องหน้าจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่เขาก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกคน ไม่ว่ายังไงก็ห้ามถอยเด็ดขาด “นอกจากนี้ถ้าการยกระดับมันจำกัดอยู่แค่เรื่องเทคโนโลยีล่ะก็ อย่างนั้นก็หมายความว่าพวกเราก็สามารถเรียนรู้สิ่งที่ต้องการจากอีกฝ่ายหรืออารยธรรมที่สูญเสียชิ้นส่วนสืบทอดเหล่านั้นได้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
‘พระองค์ตรัสถูกต้องแล้วเพคะ’ เซลีนเองก็คิดเหมือนกัน ‘ซึ่งนี่ก็คือหนึ่งในหน้าที่ของสมาชิกสถาบันค้นคว้าศาสตร์ลึกลับเพคะ’
………………………………………………………………………….