Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1190 งานที่ไม่ธรรมดา
ลูเซียไม่เข้าใจว่าฟิสิกส์พลังงานสูงมันหมายความว่าอย่างไร แล้วก็ไม่เข้าใจว่างานที่ตัวเองทำมันเกี่ยวข้องกับฟิสิกส์อย่างไร แต่เธอสังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่ฝ่าบาททรงเห็นแผ่นป้ายนี้ พระองค์จะทรงหยุดมองดูมันอยู่นาน เหมือนกับว่ามันมีพลังพิเศษอะไรบางอย่าง
นี่ทำให้ลูเซียยิ่งอยากจะเข้าไปทำงานใหม่เร็วๆ
ถึงแม้สิ่งที่เธอทำจะไม่ได้ต่างอะไรกับที่เธอทำในเขตเตาหลอมนัก แต่ทุกครั้งที่นึกถึงสีหน้าของฝ่าบาทขึ้นมา เธอมักจะรู้สึกว่าบางทีตัวเองอาจจะกำลังทำเรื่องที่สุดยอดอะไรบางอย่างอยู่จริงๆ ก็ได้
“เฮ้ เจ้ามาแล้วเหรอ” เมื่อเข้ามาในห้อง อาซีม่าที่นั่งหลับตาพิงเก้าอี้อยู่ก็โบกมือทักทายเธอ
“สะ สวัสดี” ลูเซียรีบพูดตอบ
“แดดกำลังอุ่นสบายเลย ไม่รู้หลับไปตอนไหน” อาซีม่าบิดขี้เกียจ “เริ่มงานกันเลยไหม?”
“อื้อ รบกวนเจ้าด้วยนะ”
อาซีม่าโบกมือ “รบกวนอะไรกันเล่า ข้าเป็นผู้ช่วยของเจ้า มีอะไรให้ทำเจ้าก็สั่งมาได้เลย ไม่ใช่เพิ่งจะเจอหน้ากันซักหน่อย ทำเป็นคนอื่นไปได้ อีกอย่าง…”
อาซีม่าพูดงึมงำออกมาเบาๆ แต่คำพูดของเธอก็ยังถูกสายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดมาเข้าหูลูเซีย “แค่นั่งอยู่ตรงนี้ก็ได้เงินเดือนสองเหรียญทอง ยังจะมีอะไรให้บ่นอีกล่ะ”
ลูเซียเอามือขึ้นมาปิดปาก ความจริงตอนแรกเธอค่อนข้างกลัวอีกฝ่าย เพราะว่าเธอเคยได้ยินเวนดี้เล่าเรื่องการทะเลาะกันในมนตร์แห่งสลีปปิ้งให้ฟัง และคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีก็คือแม่มดผมแดงรูปร่างสูงใหญ่คนนี้ การที่เธอได้เป็นหัวหน้ากลุ่ม ก็แสดงว่าเธอต้องมีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่น และเมื่อดูจากบุคลิกท่าทางของเธอแล้ว เธอก็ดูมีความเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มจริงๆ ด้วยเหตุนี้ในตอนที่ฝ่าบาทโรแลนด์ทรงให้อาซีม่ามาเป็นผู้ช่วยเธอ เธอรู้สึกค่อนข้างอึดอัด เธอมักจะรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะเป็นผู้รับผิดชอบศูนย์วิจัยแห่งนี้
แต่ว่าหลังจากได้อยู่กับอาซีม่ามาเป็นเวลาหลายเดือน ลูเซียถึงได้พบว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เธอคิด ถึงแม้บางครั้งเธอจะบ่นทิลลี แล้วก็บ่นไปถึงฝ่าบาท แต่เธอก็ให้ความร่วมมือในการทำงานอย่างเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังไวต่อเรื่องเงินเดือนอย่างมากด้วย ลูเซียมักจะได้ยินคำบ่นประมาณว่า ‘ข้าเลี้ยงตัวเองได้’ ‘ข้าจะพิสูจน์ให้เจ้าเห็นเอง’ ‘เจ้ารอข้าก่อนเถอะไนติงเกล’ ดูแล้วไม่ได้เย็นชาเหมือนอย่างที่เธอแสดงออกมาเลย ลูเซียคิดว่าเธอเป็นที่น่าสนใจอย่างมากคนหนึ่งทีเดียว
“อย่างนั้นก็ ช่วยหน่อยนะ” ลูเซียเปิดดูเสื้อผ้า ก่อนจะเอาชุดป้องกันสีขาวยื่นให้อาซีม่า
ขั้นแรกของการทำงานคือการตัดขาดร่างกายออกจากโลกภายนอก ไม่ใช่แค่การสัมผัสเท่านั้น แม้แต่การหายใจก็ต้องผ่านแผ่นกรองที่ทำขึ้นมาเป็นเฉพาะ นี่คือสิ่งที่ฝ่าบาททรงย้ำอยู่บ่อยๆ วัตถุที่ถูกสกัดออกมาจนมีความบริสุทธ์นั้นมีความเป็นพิษที่สูงมาก ปริมาณเพียงเล็กน้อยอาจจะทำให้ตายได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด ทั้งสองคนจึงต้องผลัดกันตรวจดูชุดของอีกฝ่าย โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ตัวเองมองไม่เห็น
หลังสวมชุดป้องกันเสร็จ อาซีม่าก็ชูนิ้วโป้งให้เธอ
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในสวนที่เปิดโล่ง
ก้อนหินสีเท่าวางเรียงรายอยู่บนพื้นอย่างเป็นระเบียบจนกินพื้นที่เกือบครึ่งของสวน มันดูแล้วไม่ได้ต่างจากอิฐที่ถูกเผาออกมาจากเขตเตาหลอมเท่าไรเลย จะต่างกันก็เพียงแค่สีที่เข้มกว่าเท่านั้น
แต่ในตอนที่ถือมันเอาไว้ในมือ ลูเซียรับรู้ได้ถึงความต่างกันของมันกับก้อนอิฐทันที ก้อนหินทุกก้อนนั้นมีน้ำหนักที่หนักมาก เหมือนว่ามันไม่ใช่หิน หากแต่เป็นโลหะอย่างไรอย่างนั้น
ลูเซียหยิบมันขึ้นมาก้อนหนึ่งก่อนจะทำให้พลังเวทมนตร์ปกคลุมไปบนมัน เนื่องจากมันถูกวางตากแดดเอาไว้นาน ก้อนหินจึงร้อนนิดหน่อย แต่ว่านี่ไม่ได้ส่งผลต่อการใช้พลังเวทมนตร์ของเธอ ด้วยพลังเวทมนตร์ของเธอ ก้อนหินค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีสันต่างๆ ในนั้นมีอยู่สองสามสีที่ส่องประกายอย่างมาก เหมือนว่ามันเปล่งแสงออกมาจากตัวมันอย่างไรอย่างนั้น ส่วน ‘สี’ ที่ฝ่าบาทตรงต้องการนั้นเป็นสีที่ีมีอยู่น้อยที่สุด คล้ายกับหยดหมึกที่เผลอทำหยดลงไปบนภาพวาดโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่เมื่อเทียบกับก้อนหินที่ขนออกจากในเมืองทิศเหนือ นี่ถือว่าเป็นปริมาณที่เยอะอย่างมากแล้ว
ภายใต้การควบคุมของเธอ สีบนก้อนหินค่อยๆ ขยับก่อนจะรวมตัวกันใหม่ จนกระทั่งมันเป็นแบ่งออกเป็นสี่ส่วนหลักๆ ส่วนที่ใหญ่ที่สุดนั้นเป็นส่วนที่มีสีผสมปนเปกัน ส่วนนี้โยนทิ้งถังขยะได้ ทุกวันทางทาคิลาจะส่งคนมาเก็บมันไป เธอไม่จำเป็นต้องจัดการมันด้วยตัวเอง ส่วนอีกสามส่วนที่เหลือนั้นมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ โลหะสีเงินขาวที่เล็กที่สุดนั้นคือวัตถุมีพิษที่ฝ่าบาททรงตรัสเอาไว้ มันมีขนาดเล็กเท่าเม็ดเกลือ
ลูเซียเก็บมันลงไปในโหลแก้วอย่างระมัดระวัง ก่อนจะแยกมันไปวางไว้อีกด้านหนึ่ง
ส่วนโลหะอีกสองส่วนนั้นมีขนาดใหญ่กว่า ก้อนหนึ่งมีขนาดประมาณลูกแอปริคอท อีกก้อนหนึ่งมีขนาดประมาณครึ่งเล็บมือ เมื่อดูจากภายนอกมันก็เป็นสีเทาขาวเหมือนกัน มีเพียงพลังเวทมนตร์เท่านั้นถึงจะแยกมันออกมาได้ ทั้งสองส่วนนี้จัดการค่อนข้างง่าย ก้อนใหญ่โยนใส่ตะกร้าแล้วให้อันนาตัดเป็นแผ่นๆ เพื่อเอาไว้ใช้ในอาวุธชนิดใหม่ที่เธอกำลังทดสอบอยู่ ส่วนก้อนที่เล็กลงมานั้นถูกเก็บเอาไว้ในกล่องตะกั่ว โดยทุกๆ 5 กิโลกรัมจะทำการเปลี่ยนกล่องครั้งหนึ่ง
ถ้าไม่มีงานอื่น เธอใช้เวลาสองสามวันก็สามารถแยกเอาโลหะออกมาได้ 5 กิโลกรัมแล้ว แต่ฝ่าบาทเคยตรัสเอาไว้ว่าก้อนหินเหล่านี้ล้วนแต่เป็นก้อนหินที่ขุดออกมาจากโบราณสถานของเผ่ากัมมันตรังสีและผ่านการสลัดมาก่อน แต่การจะเปลี่ยนพวกมันเป็นแร่หลังจากนี้นั้นจะไม่สะดวกแบบนี้แล้ว
หลังแยกส่วนประกอบของก้อนหินเสร็จแล้วก้อนหนึ่ง ลูเซียก็ลุกขึ้นมากางแขนแล้วหันไปหาอาซีม่า
นี่คือกฎที่ฝ่าบาททรงตั้งขึ้นมาเหมือนกัน ทุกๆ ครั้งหลังแยกส่วนประกอบเสร็จ เธอต้องทำการตรวจสอบดูว่าบนชุดไม่มีรอยรั่วกับสารตกค้าง อาซีม่าสามารถใช้พลังในการค้นหาสารตกค้างจุดเล็กๆ ที่คนปกติมองไม่เห็นได้อย่างง่ายดาย กระทั่งทำการยืนยันแล้วว่าบนตัวเธอไม่มีสารตกค้าง พวกเธอจึงทำการแยกสารประกอบของก้อนหินก้อนต่อไป
หลังผ่านไปประมาณสองชั่วโมง ลูเซียรู้สึกว่าพลังเวทมนตร์ของตัวเองใกล้จะหมดแล้ว
“วันนี้พอเท่านี้ก่อนแล้วกัน” อาซีม่าน่าจะมองเห็นอาการเหนื่อยล้าของอีกฝ่าย เธอจึงเดินเข้ามาประคองลูเซียเอาไว้ “คืนนี้ยังต้องเรียนอีก ถ้าใช้พลังจนหมด เจ้าคงต้องถูกหามกลับไปแน่”
“อื้อ” ลูเซียพยักหน้า “เจ้า..พูดถูก”
นอกจากเรื่องพลังเวทมนตร์ที่ถูกใช้ไปจนเกือบหมดแล้ว ชุดป้องกันที่ไม่มีที่ระบายลมก็ทำให้เธอเหงื่อแตกไปทั้งตัว ถ้าไม่สามารถรวบรวมสมาธิไป ถึงจะทำงานต่อไปมันก็ไม่มีประโยชน์
หลังชะล้างอย่างง่ายๆ แล้ว ทั้งสองคนก็กลับเข้ามาในห้อง จากนั้นจึงถอดชุดพร้อมถอนหายใจออกมา ตอนนี้เป็นเวลาใกล้ค่ำแล้ว ลมที่พัดเข้ามาจากทางหน้าต่างแฝงเอาไว้ด้วยไอเย็นนิดหน่อย ไม้เลื้อยที่อยู่ด้านนอกส่งเสียงซ่าๆ ตามแรงลมที่พัดมา ลูเซียรู้สึกเหมือนตัวเองกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง ด้านหลังเธอพลันมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา “เหนื่อยหน่อยนะ”
เธอหันหน้ามองไปทางประตูทางเข้า ก่อนจะเห็นฝ่าบาทโรแลนด์กับไนติงเกลเดินเข้ามาในสวน นอกจากนี้ในมือของไนติงเกลยังมีเครื่องดื่มยุ่งเหยิงสีน้ำเงินอีกสองขวดด้วย
“นี่มัน…” อาซีม่างุนงง
“ของขวัญจากข้า อย่าไปบอกใครล่ะ” โรแลนด์ผายมือ
“ขะ…ขอบพระทัยเพคะ” เธอรับเอาขวดเครื่องดื่มมาจากไนติงเกลด้วยสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย
ส่วนลูเซียนั้นรีบเปิดขวดเครื่องดื่มออกทันที
ในตอนที่เครื่องดื่มที่รสชาติสดชื่นไหลลงไปในลำคอ เธอก็ลืม ‘เรื่องที่สุดยอด’ ที่เธอเพิ่งจะทำมาทิ้งไปทันที
กระทั่งทั้งสองคนดื่มเครื่องดื่มจนหมด โรแลนด์จึงถามเข้าประเด็นว่า “การแยกสารเป็นยังไงบ้าง?”
“หม่อมฉันเก็บมันไว้ที่นี่ตามที่พระองค์ทรงบอกเพคะ” ลูเซียเดินไปด้านในห้อง ก่อนจะเปิดประตูตู้ตะกั่วออก กล่องตะกั่วหลายสิบกล่องที่วางอย่างเป็นระเบียบปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน”
………………………………………………………………….