Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1197 ไฟแห่งอารยธรรม
การทดสอบด้วยเครื่องบินจริงที่ดำเนินไปเกือบหนึ่งสัปดาห์เรียกได้ว่าสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโรงเรียนอัศวินอากาศอย่างมาก ในที่สุดการฝึกสอนนักบินฝึกหัดก็ก้าวเข้าสู่การฝึกสอนอย่างเต็มรูปแบบ แต่ผลกระทบของมันไม่ได้ส่งผลแค่ในโรงเรียนเท่านั้น
ความจริงแล้วในวันที่ทำการทดสอบก็มีคนที่สังเกตเห็น ‘ว่าวยักษ์’ ที่บินวนไปมาบนฟ้าเหนือเมืองทางทิศใต้ ถึงแม้บางครั้งทิลลีจะขับยูนิคอร์นผ่านปราสาทราชาบ้างเป็นบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่เธอจะไปทำการทดสอบการบินอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีคน ทำให้คนส่วนใหญ่เพียงแต่เคยได้ยินว่ามีเครื่องบินอยู่ แต่ยังไม่เคยได้เห็นมันจริงๆ
แต่เมื่อมาอยู่ในโรงเรียนอัศวินแล้วก็ไม่ต้องมีความกังวลในเรื่องนี้เลย ชาวบ้านที่อยากรู้อยากเห็นต่างก็ทยอยเดินทางมายังพื้นที่ทางทิศใต้ของเมือง ก่อนจะมายืนล้อมอยู่สองฝั่งของรันเวย์เพื่อรอดูวินาทีที่เครื่องบินพุ่งผ่านกำแพงออกไป ตอนแรกคนที่มาดูก็เป็นเพียงชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ ท่าเรือน้ำตื้นกับเขตโรงงาน แต่หลังจากข่าวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว พอถึงวันที่สามก็มีชาวบ้านมามุงดูเต็มไปหมด ทุกครั้งที่มีเครื่องบินปรากฏขึ้นตรงหน้า ในกลุ่มชาวบ้านจะมีเสียงโห่ร้องและเสียงอุทานดังสนั่นขึ้นมา เหมือนกับว่าคนที่ขึ้นไปบนฟ้าคือตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
ฮันนี่นั้นฉวยโอกาสนี้ใช้หัวข้อ ‘ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกครั้ง’ เป็นพาดหัวข่าว แล้วก็ใช้หน้าแรกรายงานการทดสอบที่จัดขึ้นในโรงเรียน อีกทั้งยังมีการลงภาพเครื่องบินปีกสองชั้นเอาไว้ชัดๆ ด้วย แค่พริบตา ‘เกรย์คาสเซิลรายสัปดาห์’ ก็สร้างยอดขายสูงสุดขึ้นมาใหม่
ในช่วงจังหวะนี้มีพ่อค้าบางคนที่ได้กลิ่นโอกาสทำเงิน หลังจากที่หนังสือพิมพ์ขายหมดแล้ว มีพ่อค้าต่างถิ่นจำนวนไม่น้อยที่เริ่มซื้อหนังสือพิมพ์มาจากชาวบ้านด้วยราคาสูง คนที่มีเงินทุนไม่พอก็จ้างคนให้มาคัดลอก แม้แต่ภาพเครื่องบินก็ใช้มือวาดขึ้นมา แค่พริบตาก็ทำให้ราคากระดาษในตลาดสูงขึ้น
ภายใต้กระแสลมอันรุนแรงนี้ ชื่อเสียงของอัศวินอากาศก็เป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งเมืองเนเวอร์วินเทอร์
โรแลนด์เองก็ได้รายงานสรุปจากทิลลีหลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์
นักบินฝึกหัด 197 คน ผ่านการทดสอบ 150 คน พูดอีกอย่างก็คือในระหว่างการสอบมีอุบัติเหตุเครื่องบินตกจากการควบคุมผิดพลาดทั้งหมด 47 ครั้ง เครื่องบินล็อตแรกมีทั้งหมด 4 เครื่อง ก็เท่ากับว่าแต่ละลำเกิดอุบัติเหตุประมาณ 11 ครั้งกว่า
ฟังดูแล้วเหมือนจะค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ แต่โรแลนด์รู้ดีว่าโครงสร้างเครื่องบินเหล่านี้นั้นเรียบง่าย มีน้ำหนักเบา ขอเพียงเครื่องยนต์ไม่เสียหาย ไม่นานก็สามารถซ่อมให้กลับมาเหมือนเดิมได้ บวกกับการตกหลายครั้งก็เกิดขึ้นในช่วงที่กำลังร่อนลงจอด ถ้าความเร็วไม่ช้าเกินไปก็เร็วเกินไปจนทำให้ล้อลงจอดพังจนต้องอาศัยท้องของเครื่องบินในการช่วยหยุดเครื่องบิน ความเสียหายแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยในยุคสมัยของเครื่องบินปีกสองชั้น แค่ลากกลับมาซ่อมๆ ก็ใช้บินใหม่ได้แล้ว
แต่เครื่องบินที่ผ่านการซ่อมแซมย่อมต้องใช้ไม่ดีเหมือนของใหม่ที่เพิ่งออกมาจากโรงงาน ทิลลีเองก็บอกว่าตอนนี้เครื่องบินอีกสองลำที่ยังบินได้มีประสิทธิภาพที่ลดลงอย่างมาก เพื่อจะทำให้การเรียนการสอนมีคุณภาพแล้ว ทางโรงเรียนจำเป็นต้องมีเครื่องบินสองปีกชุดใหม่อีกชุดหนึ่ง นอกจากนี้เนื่องจากเนื้อหาในการฝึกที่เพิ่มขึ้นและการเกณฑ์นักบินที่มากขึ้น ทำให้เครื่องบินแค่ 4 ลำนั้นไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เมื่อดูจากประสิทธิภาพการฝึกซ้อมโดยรวมแล้ว อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีเครื่องบิน 12 – 15 ลำ
โรแลนด์พบว่าไม่ว่าเขาจะพลิกรายงานดูยังไง ตัวหนังสือที่อยู่ในนั้นก็เหมือนจะพูดอยู่แค่ประโยคเดียว นั่นคือ ‘ข้า กองทัพอากาศ ต้องการเงิน’
หลังวางรายงาน เขาก็ส่ายหัวออกมาอย่างเหนื่อยใจ เรียกได้ว่าทิลลีนั้นมีพรสวรรค์ในด้านนี้จริงๆ เพิ่งจะเริ่มต้นก็สามารถเข้าใจเรื่องกองทัพอากาศอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว ความจริงถ้าอยากจะตั้งหน่วยรบทางอากาศที่ดีขึ้นมาก็จำเป็นต้องมีทั้งคนที่มากพอให้คัดเลือก แล้วก็มีเครื่องบินมากพอให้ได้ใช้ ทั้งสองอย่างไม่อาจขาดอย่างใดอย่างหนึ่งได้
ตอนนี้อุตสาหกรรมแต่ละอย่างของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ล้วนแต่ต้องการแรงงานอย่างเร่งด่วน การจะสร้างฝูงบินจำนวนมากขนาดนี้ในระยะเวลาสั้นๆ นั้นยากจะทำให้กลายเป็นจริงได้
ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากทิลลีแล้ว ทางกองบัญชาการเสนาธิการทหารใหญ่ก็ส่งรายงานการสังเกตการณ์มาให้ด้วยฉบับหนึ่ง คนที่เขียนรายงานมาก็คือเอดิธส์ เคนท์
รายงานนั้นสั้นกระชับ แต่เนื้อหากลับน่าสนใจอย่างมาก
ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือ ขอเพียงใช้งานได้เหมาะสม อัศวินอากาศก็อาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ หรืออาจจะกลายเป็นตัวตัดสินแพ้ชนะเลยก็ได้ เธออยากจะคัดคนจากในกองบัญชาการเสนาธิการใหญ่มาตั้งหน่วยวิจัยเล็กๆ แล้วให้มาประจำการอยู่ในโรงเรียนเพื่อทำความเข้าใจความสามารถของอาวุธชนิดใหม่ แล้วก็จะได้ใช้ในแผนการหลังจากนั้น ขณะเดียวกันเธอยังคิดถึงแผนการรบบางอย่างที่มีแต่อัศวินอากาศเท่านั้นที่ทำได้ แล้วก็อยากจะคุยกับโรแลนด์เป็นการส่วนตัว อารมณ์ที่ทนรอไม่ไหวของเธอเรียกได้ว่าแทบจะกระโดดออกมาจากกระดาษ
เอดิธส์น่าจะเป็นคนธรรมดาในบรรดาเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ที่ให้ความสนใจเครื่องบินมากที่สุดแล้วล่ะ ทันทีที่เห็นขีดความสามารถในการผลิตออกมาเป็นจำนวนมากแล้วสามารถคิดโยงไปถึงการทำสงครามได้ ยังไม่ต้องไปพูดถึงว่าแผนการของเธอจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน แต่เพียงแค่ความคิดอันว่องไวตรงนี้ก็ทำให้คนต้องตกตะลึงได้แล้ว
ในขณะที่โรแลนด์กำลังจะเรียกเอดิธส์เข้ามาพูดคุยเรื่องอัศวินอากาศ นอกห้องทำงานพลันมีเสียงองครักษ์ดังขึ้นมา “ฝ่าบาท ท่านคาร์ล ฟอร์เบิร์ตอยากจะขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
เขาดึงมือที่วางอยู่บนโทรศัพท์กลับมา “ให้เขาเข้ามา”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ฝ่าบาท” คาร์ลเดินเข้ามาห้องทำงานพร้อมถวายบังคม “‘ตึกปาฏิหาริย์’ ของพระองค์สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
……
เมื่ออยู่ด้านล่างตึกอันสูงใหญ่พร้อมเงยหน้ามองขึ้นไป โรแลนด์นั้นรู้สึกได้ถึงเสน่ห์ของคำว่ามหัศจรรย์
ต้องใช้เวลาในการสร้างเกือบ 2 ปี เงินอีกนับหลายหมื่นเหรียญทอง เหล็กที่พอที่จะสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแดงถึง 3 แห่ง แล้วก็คอนกรีตที่มองพอจะกองเป็นภูเขาเล็กๆ ถึงจะทำให้ตึกแห่งนี้สร้างจนสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างได้ ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากแม่มดอย่างเล่นลีฟหรือฮัมมิ่งเบิร์ด แรงงานคนและทรัพยากรที่ต้องใช้เกรงว่าคงจะมากขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่าแน่
โบราณมีคำกล่าวว่าความมหัศจรรย์นั้นทำลายประเทศ แต่หลังจากที่ตึกหลังนี้สร้างเสร็จ มันก็ได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับชาวเมืองเนเวอร์วินเทอร์อย่างที่ไม่อาจมีอะไรมาเทียบได้ จุดนี้สามารถเห็นได้จากการที่มีประชาชนแห่กันมาชมพิธีสร้างตึกเสร็จเรียบร้อย
เมื่อเทียบกับที่อยู่อาศัยที่สูง 2 – 3 ชั้นที่อยู่รอบๆ แล้ว ตึกปาฏิหาริย์ที่สูง 56 เมตรนั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นโดดเด่นอย่างมาก แม้แต่โรแลนด์ที่เห็นตึกสูงมาจนชินก็ยังรู้สึกหัวใจพองโตเมื่อได้เห็นมัน
ในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์แห่งใหม่ของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ มันจึงไม่ได้เป็นเพียงงานวิศวกรรมอย่างง่ายๆ เพื่อเอาหน้าเท่านั้น หากแต่เป็นการรวบรวมเอาเทคโนโลยีต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน อย่างเช่นปัญหาระบบน้ำประปา คาร์ลก็ได้ติดตั้งถ้ำน้ำเอาไว้หลายถังตามชั้นต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาสูบน้ำไม่ขึ้น
นอกจากนี้ทั้งสี่มุมของตึกหลักยังมีการติดตั้งลิฟท์เอาไว้ด้านนอกด้วย พวกมันใช้เครื่องจักรไอน้ำที่อยู่ในห้องใต้ดินในการขับเคลื่อน สามารถบรรทุกคนขึ้นไปชั้นบนครั้งหนึ่งได้หลายสิบคน ถึงแม้มันจะไม่ได้ฉลาดเหมือนลิฟท์สมัยนี้ เพราะจำเป็นต้องมีคนคอยควบคุม แล้วก็ไม่สามารถทำให้มันหยุดในทุกๆ ชั้นได้ แต่สำหรับยุคสมัยนี้แล้ว มันก็ยังเป็นการออกแบบที่น่าตกตะลึงอยู่ โดยเฉพาะตัวลิฟท์ที่มีการใช้กระจกใสบานใหญ่ เวลาที่โดยสารลิฟท์ก็สามารถมองดูวิวทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองได้ เรียกได้ว่าเป็นการเสพสุขอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
“ฝ่าบาท ตรัสอะไรหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ” หลังขึ้นไปบนตึกแล้ว คาร์ลจึงพูดขึ้นมา “ประชาชนของพระองค์กำลังรอพระองค์อยู่พ่ะย่ะค่ะ”
โรแลนด์พยักหน้า ก่อนจะเดินไปรั้วกั้นพร้อมกับโบกมือให้กับประชาชนที่อยู่ด้านล่าง
ชาวเมืองส่งเสียงเฮขึ้นมาทันที
“สวัสดียามบ่าย ชาวเมืองเนเวอร์วินเทอร์ทุกคน”
“วันนี้เป็นวันที่ตึกปาฏิหาริย์สร้างเสร็จเรียบร้อย มันได้สร้างสถิติของโลกนี้ขึ้นมาจำนวนนับไม่ถ้วน และประวัติศาสตร์ก็จะต้องจารึกวันนี้เอาไว้ แต่สิ่งที่ข้าจะพูดที่นี่นั้นไม่ใช้เรื่องที่ว่ามันมีความยิ่งใหญ่อย่างไร หากแต่เป็นปัญหาที่พวกเจ้าสนใจมากที่สุด นั่นก็คือใครจะมาอยู่ที่นี่? หรือพูดอย่างก็คือ…มันสร้างขึ้นมาเพื่อใคร?”
“ขุนนางงั้นเหรอ? ไม่ เกรย์คาสเซิลได้ยกเลิกอำนาจของขุนนางศักดินาไปแล้ว ราชวงศ์เหรอ? ย่อมไม่ใช่แน่นอน ข้าไม่ได้ต้องการที่อยู่ที่ใหญ่ขนาดนี้มาวางเตียงนอนของข้า ความจริงแล้วคำตอบนั้นง่ายมาก คนที่จะมาอยู่ที่นี่ก็คือประชาชนของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ หรือก็คือพวกเจ้าทุกคน”
“พวกเจ้าเป็นคนสร้างตึกปาฏิหาริย์แห่งนี้ ดังนั้นพวกเจ้าย่อมต้องมีสิทธิ์ที่จะได้สัมผัสกับปาฏิหาริย์อันนี้!”
“ทุกห้องในอาคารแห่งนี้จะขายในราคาพิเศษ ไม่จำเป็นต้องมีสิทธิพิเศษ ไม่จำเป็นต้องมีชาติตระกูล มีแค่บัตรประชาชนใบเดียวก็สามารถมาทำเรื่องของซื้อและเข้ามาอยู่ในสิ่งก่อสร้างที่ถูกบันทึกลงในประวัติศาสตร์แห่งนี้ได้!”
พอพูดจบก็มีเสียงตะโกนดังกระหึ่มขึ้นมาทันที
“ฝ่าบาททรงพระเจริญ!”
“เมืองเนเวอร์วินเทอร์จงเจริญ!”
กระทั่งเสียงตะโกนเบาลงแล้ว โรแลนด์จึงค่อยๆ พูดว่า “ตอนนี้ ข้าจะจุดคบเพลิงขึ้นที่ดาดฟ้าของตึก หลังจากนี้ทุกครั้งที่ความมืดมาเยือน มันก็จะลุกโชนขึ้นมาและกลายเป็นแสงดาวที่สุดสกาวที่สุดบนท้องฟ้าของเมืองเนเวอร์วินเทอร์!”
ท่ามกลางเสียงตะโกนของชาวเมือง เขาพาคณะเจ้าหน้าที่ของสำนักบริหารขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นดาดฟ้าของตึก
ตรงกลางชั้นดาดาฟ้ามีกระถางหินใบใหญ่เอาไว้ใบหนึ่ง ตรงกลางมีน้ำมันสีดำเติมเอาไว้จนเต็ม น้ำมันหนักที่ผ่านกรรมวิธีพิเศษนี้ไม่เพียงแต่จะลุกไหม้ได้เป็นเวลานาน แต่มันยังไม่มีกลิ่นเหม็นและควันด้วย ถือเป็นเชื้อเพลิงที่เหมาะที่สุดสำหรับการจุดคบเพลิงเป็นเวลานาน
“ฝ่าบาท” ไนติงเกลส่งคบเพลิงอันหนึ่งให้เขา
โรแลนด์พยักหน้า ก่อนจะรับเอาคบเพลิงมาแล้วเดินไปยังกระถางหิน
ภายในหัวเขาเหมือนมีท่วงทำนองอันอ่อนโยนและบทพูดอันคุ้นเคยดังขึ้นมา
‘นับจากที่ต้นอ่อนแห่งชีวิตถือกำเนิดขึ้นมาที่ใต้น้ำ…ท่านได้ผ่านอะไรมามากมาย…’
เขายิ้มุมปากขึ้นมาพร้อมกับจ่อคบไฟลงไป
ถ้านี้เป็นเปลวไฟแห่งการขยายอารยธรรมของมนุษย์ อย่างนั้นก็หวังว่ามันจะลุกไหม้อยู่อย่างนี้ตลอด
…………………………………………………………..