Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1199 ความวุ่นวายในวูล์ฟฮาร์ท
“อากาศทำไมมันแย่อย่างนี้เนี่ย” บารอนจีน เบ็ตยืนอยู่ข้างหน้าต่าง สายตามองออกไปยังท้องฟ้าที่มืดครึ้มพร้อมพูดว่า “ฝนจะตกอีกแล้วเนี่ย”
อ่าวดีพพูลที่อยู่ติดทะเลนั้นมีฝนตกอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนกับฤดูใบไม้ร่วงสองฤดูนี้ เหตุการณ์ที่ก่อนหน้านี้ท้องฟ้ายังปลอดโปร่ง แต่ไม่ทันไรก็มีฝนตกลงมาอย่างหนักนั้นมักจะมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ ด้วยเหตุนี้เมืองจึงเมืองท่าแห่งนี้จึงมีการเตรียมพร้อมในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่พื้นถนนไปจนถึงระบบระบายน้ำ อะไรที่ควรมีก็มีทั้งหมด ที่นี่ไม่เหมือนป้อมปราการโบรคเกนหรือเมืองเกรย์สโตนที่แค่ฝนตกก็ทำให้พื้นกลายเป็นแอ่งน้ำได้แล้ว ที่นี่ถึงฝนจะตกหนัก แต่อย่างมากก็แค่ทำให้การขนสินค้าช้าลงเท่านั้น แทบจะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเมืองเลย
แทนที่จะบอกว่าอากาศไม่ดี ควรจะบอกว่าอารมณ์เขาไม่ดีมากกว่า
หลังฝนหยุดตก เมฆครึ้มยังหายไป แต่อารมณ์ของเขากลับไม่เป็นเช่นนั้น
“นายท่าน ท่านคิดหรือยังขอรับว่าจะตอบพวกเขาว่ายังไง?” ซุมที่เป็นเสมียนถามขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
“ตอบ?” บารอนหัวเราะหึหึขึ้นมา “โดนแขวนคอกับโดนเผา ถ้าให้เจ้าเลือก เจ้าจะตอบยังไง?”
“เอ่อ….” เสมียนเป็นใบ้ไปทันที
“ตอบไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? คอยดึงเวลาต่อไปแล้วกัน”
“แต่ว่า…” เขาอ้าปากเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดมันออกมา
ความจริงถึงเขาจะไม่พูด แต่จีน เบ็ตก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ยากที่จะประวิงเวลาต่อไปได้เรื่อยๆ ก็เหมือนเมฆที่ตั้งเค้าอยู่บนท้องฟ้า ไม่ว่าพ่อค้าจะไม่อยากเห็นพวกมันแค่ไหน แต่สุดท้ายพวกมันก็จะตกลงมาอยู่ดี
ต้นสายปลายเหตุทุกอย่างมาจากการทำสงครามกับศาสนจักรครั้งนั้น
หลังเมืองหลวงของวูล์ฟฮาร์ทถูกทำลาย ภายในคืนเดียวก็เหมือนจะมีลูกนอกสมรสของราชาแห่งวูล์ฟฮาร์ทปรากฏตัวขึ้นมาเยอะแยะเต็มไปหมด ผู้ปกครองแต่ละที่ต่างรวบรวมไพร่พลแล้วต่อสู้กัน ทุกคนต่างก็อ้างว่าตัวเองมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะปกครองอาณาจักร จากนั้นกองกำลังฝ่ายต่างๆ ก็ค่อยๆ แบ่งกลายเป็นสามกลุ่มใหญ่ ได้แก่ตระกูลโทคเคนที่ปกครองทางตะวันตกเฉียงเหนือ ตระกูลเรดสโตนเกทที่ปกครองดินแดนทางใต้ และตระกูลทัสก์ที่ปกครองพื้นที่ภูเขาทางตะวันออก
ตระกูลโทคเคนนั้นอยู่ค่อนข้างไกล พวกเขาจึงไม่ได้มาสร้างปัญหาให้กับอ่าวดีพพูล แต่อีกสองตระกูลหลังนั้นไม่เหมือนกัน ดยุคของทั้งสองตระกูลต่างก็อยากได้อ่าวดีพพูลมาเป็นพวกของตน เพื่อขยายฐานอำนาจของตน
ช่วงก่อนความขัดแย้งนี้ บารอนได้วางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาโดยตลอด ทำให้เมืองท่าแห่งนี้ฟื้นฟูสภาพกลับมาได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็ทำให้เขามีรายได้ไม่น้อยด้วย และเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าจะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเสบียงหรือเงินได้ทันเวลา บวกกับสถานการณ์ของทั้งสองฝั่งที่ัยังไม่แน่นอน ดยุคทั้งสองคนจึงไม่ได้บีบบังคับเขามากนัก
แต่เมื่อการกลืนกินและการขยายฐานอำนาจรอบใหม่เกินขึ้น ตระกูลทัสก์กับตระกูลเรดสโตนเกทจึงค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น แล้วก็กลายเป็นตระกูลที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะปกครองวูล์ฟฮาร์ท บวกกับการที่จู่ๆ ตระกูลโทคเคนก็ปิดเส้นทางบนเขาเคจเมาเธ่น ทำให้ทั้งสองตระกูลนี้จึงพุ่งเป้ามาที่อ่าวดีลพูล
บารอนใช้หัวแม่เท้าคิดก็ยังรู้สึกเลยว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร
ยึดอ่าวดีพพูล แล้วก็ตัดเส้นทางการค้าของฝ่ายศัตรู นี่จะต้องทำให้พวกเขาได้เปรียบอย่างมากในสงครามแย่งชิงอำนาจ ดังนั้นครั้งนี้พวกเขาไม่เพียงแต่จะส่งทูตมาเท่านั้น แต่พวกเขายังส่งอัศวินหลายสิบคนกับทหารรับจ้างอีกร้อยกว่าคนมาด้วย พวกเขาคิดจะทำอะไรไม่ต้องบอกก็คงจะรู้
ในอ่าวนั้นมีแค่หน่วยลาดตระเวนที่คอยรักษาระเบียบเอาไว้ แล้วก็องครักษ์ที่คอยรักษาความปลอดภัยให้กับบารอน ถ้าจะรับมือกับพวกโจรสลัดที่ไม่มีเกราะหุ้มตัวนั้นก็ยังพอได้อยู่ แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับอัศวินที่มีอาวุธและเกราะครบมือนั้นแทบจะไม่มีทางที่จะสู้ได้เลย จีน เบ็ตเองก็ไม่ได้คิดที่จะสู้ ถ้าหากทั้งสามตระกูลตัดสินแพ้ชนะได้และกำหนดตัวราชาออกมา เขาก็จะประกาศสวามิภักดิ์อย่างไม่ลังเลเลย ส่วนเรื่องที่ว่าราชาองค์ใหม่จะมีสายเลือดของราชาองค์เก่าหรือไม่นั้น เขาไม่ได้สนใจเลย
แต่เรดสโตนเกทกับทัสก์นั้นมีกำลังที่เท่าเทียมกัน
จะไปสวามิภักดิ์ฝั่งไหนก็ล้วนแต่ต้องตายทั้งสิ้น
ไม่ว่าเขาจะเลือกยืนอยู่ฝั่งไหน อีกฝั่งหนึ่งก็ไม่มีทางที่จะนั่งมองดูตัวเองเสียเส้นทางการค้าไปเฉยๆ แน่ เพราะนั่นจะหมายความว่าทั้งเสบียงอาหารและอาวุธตัวเองต้องผลิตเองทั้งหมด แต่อีกฝ่ายกลับมีเสบียงและอาวุธมาคอยเติมอยู่เรื่อยๆ นี่เท่ากับเป็นการยื่นชัยชนะให้อีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยเหตุนี้ถ้าเขาไปสวามิภักดิ์กับฝ่ายหนึ่ง เขาก็จะถูกอีกฝ่ายหนึ่งบุกโจมตี
อ่าวดีพพูลนั้นไม่ได้มีกำแพงที่แข็งแกร่ง แล้วก็ไม่ได้คูเมืองคอยล้อมรอบ ถ้าอยากจะสู้ ก็มีแต่ต้องพึ่งการสนับสนุนของฝ่ายที่ตัวเองไปสวามิภักดิ์
แต่ทั้งสองตระกูลจะยอมสนับสนุนเขาจริงๆ เหรอ?
บารอนไม่กล้าที่จะวัดดวง
ถ้าเขาเป็นดยุคของเรดสโตนเกทหรือไม่ก็ทัสก์ เขาก็ย่อมต้องคิดได้เหมือนกัน โดยเขาจะให้ชาวบ้านในอ่าวดีพพูลไปลดทอนกำลังของฝ่ายที่บุกโจมตีเข้ามาก่อน จากนั้นก็ฉวยโอกาสโจมตีกระหนาบ ทำให้อัศวินบาดเจ็บน้อยลง หรือพวกเขาอาจจะปล่อยให้ศัตรูเข้าไปในเมืองก่อน จากนั้นค่อยปิดทางหนีแล้วค่อยๆ จัดการก็ได้…เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการนั้นคืออ่าวดีพพูล หาใช่คนของที่นี่ไม้
พูดอีกอย่างก็คือถ้าไม่มีเขาจีน เบ็ต อ่าวดีพพูลอาจจะดีกว่านี้ก็ได้
ก็เหมือนกับที่เขาพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ นี่คือการเลือกระหว่างแขวนคอหรือว่าถูกเผา
จีนจัดให้ทูตของทั้งสองฝ่ายอยู่ในค่ายเดียวกัน โดยหวังจะใช้ความเป็นศัตรูของพวกเขามาดึงเวลา ถ้าพวกเขาสู้กันขึ้นมาก็จะยิ่งดีเข้าไปใหญ่ นอกจากนี้เขายังได้จัดเหล้ายาปลาปิ้งกับผู้หญิงไปให้พวกเขาหลายครั้ง แถมยังจงใจให้พวกเขาเลือกพร้อมกัน แต่เสียดายที่ถึงแม้พวกเขาจะแย่งกันจะเป็นจะตาย แต่สุดท้ายก็ไม่มีการชักดาบออกมาฟันกัน
“เปาะแปะ เปาะแปะ….”
ในที่สุดฝนก็ตกลงมา ภาพสวนดอกไม้ในคฤหาสน์ดูเลือนรางขึ้นมาเหมือนมีม่านบางๆ มากั้นเอาไว้อยู่
บารอนจ้องมองดอกไม้ที่สั่นไหวไปมาเบาๆ ท่ามกลางสายฝนโดยไม่พูดอะไร การรอคอยไปแบบนี้เรื่อยๆ นั้นไม่ใช่หนทางในการแก้ปัญหา แต่เขาคิดยังไงก็คิดหาทางรักษาความเป็นกลางแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ออก บรรพบุรุษเขาเคยพูดไว้บ่อยๆ ว่าขุนนางนั้นมักจะหวั่นไหวเมื่ออยู่ต่อหน้าผลประโยชน์และอำนาจ ขอเพียงใช้ประโยชน์จากมัน เขาก็จะหาประโยชน์จากทั้งสองฝ่ายได้ บางทีเขาอาจจะต้องใจเย็นลงและเลิกใช้ลูกไม้พวกนี้ แล้วก็หันมาคิดดีๆ ว่าจะทำอย่างไรถึงจะหลุดจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ได้
ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าที่ดังเร่งรีบพลันดังแทรกความคิดของเขาขึ้นมา
“นะ นายท่าน แย่แล้วขอรับ!”
“จะลนลานอะไร มีอะไรก็ค่อยๆ พูด!” จีน เบ็ตถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หรือว่าอัศวินพวกนั้นจะสู้กันขึ้นมาแล้ว? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นมันเรียกว่าข่าวดีต่างหากล่ะ! เขาจ้องมองดูปากขององครักษ์ โดยหวังจะได้เห็นคำว่า ‘ค่าย’ หรือไม่ก็ ‘อัศวิน’ ออกมาจากปากอีกฝ่าย
“ทัพเรือ ทัพเรือของราชาแห่งเกรย์คาสเซิลยึดน่านน้ำเอาไว้แล้วขอรับ!” แต่คำพูดขององครักษ์กลับเหนือไปจากที่เขาคิดไว้เอา ทำเอาเขาตกตะลคงไปครู่หนึ่ง “ไม่ใช่เท่านี้ พวกเขายังปิดพื้นที่ท่าเรือไม่ให้ใครเขาใกล้ด้วยขอรับ!”
“เจ้าว่าอะไรนะ? เกรย์…คาสเซิล?” บารานพูดทวนขึ้นมา “พวกเขาอยากจะมาซื้อขายอะไร? เดี๋ยวๆ ….เมื่อกี้เจ้าบอกว่าปิด?”
“ใช่ขอรับ!” องครักษ์พูดอย่างเร่งรีบ “พวกเขาไล่เรือที่จอดอยู่แต่แรกออกไปจากท่า แล้วก็อนุญาตให้แต่เรือของตัวเองเทียบท่าได้ แถมยังบอกอีกว่านี่เป็นการ ‘ยึดชั่วคราว’ อีกไม่นานทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ หน่วยลาดตระเวนอยากจะไปหยุดพวกเขา แต่ก็ถูกพวกเขาปลดอาวุธในพริบตา! จากที่ได้รับรายงานมา เรือของเกรย์คาสเซิลที่อยู่นอกอ่าวมีหลายร้อยลำเลยขอรับ!”
จีน เบ็ตรู้สึกเหลือเชื่อ “เจ้าแน่ใจนะว่าเป็นทัพเรือของราชาเกรย์คาสเซิล? ไม่ใช่สัญลักษณ์ของผู้ปกครองคนอื่นแน่นะ?”
“ขอรับ ข้าใช้กล้องส่องทางไกลดูแล้ว” องครักษ์ผงกหัวอย่างยากลำบาก “เป็นธงรูปหอคอยกับทวนของราชวงศ์เกรย์คาสเซิลจริงๆ ครับ”
พระเจ้า หรือว่าเกรย์คาสเซิลคิดจะบุกวูล์ฟฮาร์ท?
ทำไมวิมเบิลดันถึงไม่ไปบุกดินแดนอื่นที่ร่ำรวยกว่า แต่กลับอ้อมมาหาเขา?
ต่อให้ราชาแห่งเกรย์คาสเซิลอยากจะขยายดินแดน เขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องเริ่มโจมตีจากทางทะเลนี่นา? ตระกูลโทคเคนป้องกันการโจมตีของกองทัพเกรย์คาสเซิลที่เอาชนะศาสนจักรได้เหรอ?
ไม่ มันไม่สมเหตุสมผลเลย…
บารอนรู้สึกภายในหัววุ่นวาย เขาคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ
ซุมที่เป็นเสมียนเดินเข้ามาหาเขาก่อนจะกระซิบข้างหูเขาสองสามประโยค
บารอนตาสว่างขึ้นมาทันที!
ใช่แล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่เขารอคอยมาตลอดก็ได้!
ความแข็งแกร่งของเกรย์คาสเซิลนั้นเป็นที่ประจักษ์ พวกเขาสามารถทำลายสถานการณ์แก่งแย่งชิงดีระหว่างสองตระกูลที่แข็งแกร่งนี่ได้ สมมติว่ากองทัพเรือนี้มาเพื่อขยายดินแดนให้กับราชาแห่งเกรย์คาสเซิลจริงๆ แต่เมื่อมาถึงดินแดนแปลกหน้า ต่อให้แข็งแกร่งอย่างไรก็จำเป็นต้องมีความช่วยเหลือของขุนนางในพื้นที่ ขอเพียงเขาพูดชี้นำนิดหน่อย ไม่แน่อาจจะทำให้ทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นกันเองก็ได้ เพราะเขาไม่ได้สนใจว่าจะจงรักภักดีต่อใคร ถ้าหากเขาทำดีต่อราชาแห่งเกรย์คาสเซิล บางทีตัวเองอาจจะได้อำนาจที่มากขึ้นและได้รับการสนับสนุนจากเกรย์คาสเซิลก็ได้!
ต่อให้วิมเบิลดันแพ้ ตัวเองก็ไม่เสียอะไร
ในเวลานี้มีองครักษ์อีกคนหนึ่งวิ่งเข้ามา “นายท่าน ทัพเรือของเกรย์คาสเซิลส่งทูตมาขอรับ เขาบอกว่ามีพระราชโองการจากฝ่าบาทโรแลนด์ วิมเบิลดัน แล้วก็อยากจะคุยกับท่านขอรับ”
จีน เบ็ตกับเสมียนสบตากัน จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “เขาเป็นแขกของเรา ไปบอกทูตว่าข้าพร้อมจะเจอพวกเขาทุกเมื่อ”
……………………………………………………………………….