Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1207 ไอเดียใหม่
เมืองเนเวอร์วินเทอร์ เกรย์คาสเซิล
เนื่องจากปืนใหญ่ป้อมไม่สะดวกต่อการขนย้าย ในตอนที่กองพันปืนต้องเดินทางไปยังวูล์ฟฮาร์ทและอีเทอร์นอลวินเทอร์เพื่อดำเนินแผนการเคลื่อนย้ายประชากรตามคำสั่งของฝ่าบาท กองพันปืนใหญ่จึงมีเวลาว่างอย่างที่ยากจะหาได้ นอกจากฝึกซ้อมและการช่วยเก็บเกี่ยวผลผลิตในเวลากลางวันแล้ว ทหารที่วางงานจึงได้กลับไปใช้เวลาอันมีค่ากับครอบครัว
แวนนาก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน ตัวเขาที่ตอนนี้เป็นถึงหัวหน้ากองพันนั้นยากจะที่ขอลาหยุดได้ เมื่อมีโอกาสเช่นนี้เขาต้องใช้มันให้คุ้มค่ามากที่สุด นอกจากใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและไปเยี่ยมเพื่อนบ้านแล้ว การนัดเจอเพื่อนเก่าก็เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ขาดไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะว่าในกองทัพนั้นไม่อนุญาตให้ดื่มเหล่า ถ้าอยากจะดื่มให้หนำใจซักแก้วก็มีแต่ต้องรอให้ถึงเวลาหยุดพักก่อนถึงจะทำได้
หลังผ่านการพัฒนามาหลายปี ระดับความรุ่งเรืองของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็แซงหน้าเมืองหลวงเก่าไปนานแล้ว บ้านริมถนนที่ถูกสร้างให้กลายเป็นร้านค้าสองชั้น จากตอนแรกที่ไม่มีใครสนใจก็กลายเป็นที่ต้องการของใครหลายๆ คน พ่อค้าต่างถิ่นทยอยกันเข้ามาอยู่อาศัย พ่อค้าบางคนก็ขายสินค้าพิเศษที่ส่งมาจากที่ต่างๆ ในอาณาจักร บางคนก็เปลี่ยนบ้านพักริมถนนเหล่านี้ให้กลายเป็นโรงแรม ร้านอาหารกับร้านเหล่า ถ้าบอกว่าตลาดนัดนั้นเป็นสถานที่ที่จัดจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต อย่างนั้นร้านค้าเหล่านี้ก็เป็นส่วนเติมเต็มให้กับชีวิต
เมื่อเดินอยู่บนถนนที่มีคนเดินไปเดินมา แวนนาก็อดรู้สึกทึ่งในการมองการไกลของฝ่าบาทไม่ได้ ถึงแม้รอบกายเขาจะมีเสียงคนร้องขายของดังสลับกันไปมาอยู่ตลอดเวลา แต่ถนนในเขตเมืองก็ไม่ติดขัดเลยแม้แต่น้อย พวกพ่อค้าตั้งแผงไว้บนพื้นที่ที่จัดให้ ทุกคนต่างเดินไปเดินมาบนถนนที่ปูด้วยแผ่นหิน ส่วนรถม้าก็วิ่งอยู่บนถนนสีดำ ทุกอย่างดูแล้วเป็นระเบียบเรียบร้อย
เขาจำได้ว่าตอนแรกที่คนงานมาปูถนน หลายๆ คนต่างก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสร้างถนนให้ใหญ่ขนาดนี้ โดยเฉพาะการแยกทางสัญจรของคนกับรถม้าที่หลายๆ คนมองว่าไม่จำเป็น แต่ตอนนี้การวางระเบียบแบบนี้กลับลงตัวทุกอย่าง ราวกับว่าฝ่าบาทรงเห็นภาพแบบนี้ล่วงหน้าอย่างไรอย่างนั้น
หลังเดินผ่านถนนเส้นหลักมาสองเส้น ร้านเหล้า ‘ลัคกี้เชล’ ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าแวนนา และนี่ก็เป็นจุดหมายปลายทางของเขา
เมื่อเดินเข้าไปในร้าน ตรงบาร์ก็มีคนเดินโขยกเขยกออกมาหาเขาท่านที “ท่านแวนนา ท่านมาแล้วเหรอ!”
“ท่านเทิ่นอะไรกัน นั่นมันคำเรียกที่ใช้ในกองทัพ ตอนนี้เจ้าไม่ได้อยู่ในกองทัพแล้ว เรียกข้าแวนนาก็พอ” เขายิ้มพร้อมกอดคนที่เดินเข้ามา ก่อนจะตบไปบนหลังอีกฝ่าย “ช่วงนี้ร้านเป็นยังไงบ้าง น่าจะพอได้ใช่ไหม?”
เมื่อเทียบกับชื่อของอีกฝ่ายแล้ว ฉายาไอรอนคลัทช์ของอีกฝ่ายนั้นทำให้แวนนาจำได้ขึ้นใจมากกว่า ในศึกลอบโจมตีสถานีหมายเลขหนึ่งเมื่อครึ่งปีก่อน ไอรอนคลัทช์ที่ประจำการอยู่ในกองพันปืนใหญ่ได้พาทีมบุกเข้าไปปะทะกับศัตรูเพื่อชิงเอาแนวยิงปืนใหญ่กลับมา ผลปรากฏว่าเขาถูกหอกกระดูกแทงจากช่วงท้องทะลุไปจนถึงขา พร้อมกับหมดสติไปตรงนั้น ถึงแม้หลังจากนั้นเขาจะถูกนาน่าช่วยชีวิตเอาไว้ แต่เนื่องจากอวัยวะเขาเสียหายมากขึ้นไป สุดท้ายจึงไม่อาจกลับมาเป็นเหมือนเดิม ขาขวาทั้งขาของเขาจึงต้องเอาแท่งเหล็กมาใช้แทนขา ฉายาไอรอนคลัทช์จึงได้มาด้วยเหตุนี้
ไอรอนคลัทช์ใช้เงินบำนาญมาก้อนหนึ่งหลังเกษียณออกจากกองทัพ บวกกับเงินเดือนที่เขาเก็บหอมรอมริบเอาไว้มาเปิดเป็นร้านเหล้า ‘ลัคกี้เชล’ ที่ทางด้านตะวันออกของเมือง แล้วก็ถือว่าเป็นที่พักผ่อนที่กองทัพที่หนึ่งมาใช้บริการกันเป็นประจำด้วย
“ในช่วงที่บาดเจ็บได้ลดค่าเช่า ก็พอจะเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ขอรับ” ไอรอนคลัทช์ถูมือ “แต่ถ้าท่านมาใช้บริการบ่อยๆ มันก็จะยิ่งดีขอรับ”
ภายในใจแวนนารู้สึกเหมือนได้รับการปลอบประโลม “อย่างนั้นก็ต้องรอให้ข้าเลิกเป็นทหารหรือไม่ก็กลายเป็นแบบเจ้าซะก่อน เออใช่ คนอื่นๆ มากันหรือยัง?”
“อยู่ข้างบนหมดแล้ว เดี๋ยวข้าพาท่านไปเอง”
“ไม่ๆๆ ไม่ต้อง เจ้าทำงานของเจ้าไปเถอะ รอคนน้อยแล้วค่อยขึ้นมาดื่มกับเพื่อนๆ ซักแก้วสองแก้วแล้วกัน”
“ได้ อย่างนั้นก็เอาตามนี้ขอรับ” ไอรอนคลัทช์ตอบเสียงดังฟังชัด
แวนนาเดินขึ้นไปชั้นบน ก่อนจะมองเป็นเพื่อนๆ นั่งล้อมวงอยู่ตรงโต๊ะวงกลมทันที ทั้งโพเมโล่ แคทคลอว์ ร็อดนีย์ เนลสัน…ในตอนที่กองพันปืนใหญ่เพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมาใหม่ๆ พวกเขาที่อยู่ในหน่วยเดียวกันยังเป็นแค่เด็กหนุ่มที่ไม่ประสีประสา ในตอนที่เห็นอัศวินพุ่งเข้ามาต่างพากันรู้สึกหวาดกลัว แต่ตอนนี้พวกเขาส่วนใหญ่กลายเป็นเจ้าหน้าที่คนสำคัญของกองพันปืนใหญ่ ต่างคนต่างมีลูกน้องของตัวเอง ถ้าไม่เป็นเพราะมีวันหยุดพิเศษแบบนี้ เกรงว่าพวกเขาคงยากที่จะรวมตัวเมื่ออย่างเมื่อก่อนได้
หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ทุกคนยกแก้วขึ้นดื่มและพูดคุยกันในทุกๆ เรื่องราว แต่ประเด็นที่พูดคุยกันมากที่สุดยังคงเป็นเรื่องในกองทัพกับสงครามแห่งโชคชะตาที่กำลังจะมาถึง
เพราะเมื่อฟังจากที่ฝ่าบาทตรัสมาแล้ว สงครามครั้งนี้จะเป็นมหาสงครามอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ทั่วทั้วทวีปจะถูกดึงมาพัวพันกับสงครามครั้งนี้ หลังสงครามจบลงไม่รู้ว่าจะเหลือคนที่คนที่มานั่งดื่มเหล้าอยู่ด้วยกันได้
“ความจริงพวกเราก็ถือว่าโชคดีแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปสู้กับพวกสัตว์ประหลาดนั่นตรงๆ” ร็อดนีย์ดื่มเหล้ารวดเดียวจนหมดแก้วก่อนจะถอนหายใจยาวๆ ออกมา “ถ้าสูญเสียแนวยิงปืนใหญ่ไปเมื่อไรก็เรียกได้ว่าแนวรบก็พังทลายลงเมื่อนั้นล่ะ”
“ปัญหาอยู่ที่ไม่มีใครรู้ว่าปีศาจมันยังมีลูกไม้อะไรอยู่อีก….ตอนอยู่ที่สถานีหมายเลขหนึ่งเราก็ถูกเล่นงานจนทำอะไรไม่ถูกไม่ใช่เหรอ?” แคทคลอว์ยักไหล่ “ข้าแค่หวังว่าถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ อย่างน้อยเหล่าทหารที่เป็นลูกน้องของข้าจะยังมีความสามารถที่จะทำอะไรได้บ้าง ไม่ใช่เอาแต่นั่งรอให้กองพันปืนกับหน่วยจู่โจมพิเศษมาช่วย”
ทุกคนพากันเห็นด้วยกับคำพูดนี้ “ถูกต้อง ถ้าพวกเรามีปืนใหญ่ที่ยิงได้ต่อเนื่องบ้างก็คงจะดี ปืนยาวลูกโม่ใช้รับมือกับพวกอัศวินนั้นยังพอได้อยู่ แต่ถ้าอยากจัดการกับปีศาจมันยังไม่พอจริงๆ”
“แต่ข้าได้ยินมาว่ากองทัพมีแผนจะเปลี่ยนไปใช้ปืนยาวลูกเลื่อนหมดแล้ว อีกไม่นานเจ้าก็จะไม่ได้เห็นปืนยาวลูกโม่แล้วล่ะ”
“ใช่เหรอ…หัวหน้า นี่เรื่องจริงเหรอ?”
ทุกคนมองมาที่ตน แวนนาพยักหน้าพูดว่า “ความจริงหน่วยที่หนึ่งกับหน่วยที่หกได้เปลี่ยนเป็นอาวุธใหม่แล้ว เพียงแต่เป็นเพราะปัญหาเรื่องปริมาณการผลิต หน่วยอื่นๆ จึงต้องรอไปก่อน”
โพลเมโลขมวดคิ้ว “ปืนใหม่ข้าเคยลองใช้มาแล้ว ความแม่นยำกับอานุภาพของมันใช้ได้ทีเดียว แต่พอต้องมายิงนัดนึงดึงลูกเลื่อนทีนึง ความเร็วในการยิงของมันไม่เหมาะที่จะใช้เป็นอาวุธในการสู้ระยะใกล้จริงๆ เราให้กองพันปืนใช้อาวุธเดิมไม่ได้เหรอ?”
“เกรงว่าคงจะไม่ได้ นี่เป็นการตัดสินใจจากเบื้องบน” แวนนาชี้ไปบนหัว “ปืนยาวลูกโม่ใช้ดินปืนดำแบบเก่า หน้าตากระสุนก็คล้ายกับกระสุนใหม่ ถ้าให้คนงานไปผลิตแต่กระสุนใหม่อย่างเดียวกันก็ย่อมต้องคุ้มค่ามากกว่า”
“อย่างนั้น…ให้ท่านขวานเหล็กไปกราบทูลฝ่าบาทให้ออกแบบอาวุธใหม่ให้พวกเราดีไหม?”
“อย่าแม้แต่จะคิดเลย” เนลสันส่งเสียงเหอะออกมาทางจมูก “ถ้ามีของดีๆ แบบนั้นจริงๆ คิดหรือว่าพวกเนลสันจะไม่เข้ามายุ่ง?”
“ใช่ กองพันปืนใหญ่มีปืนใหญ่ก็พอแล้ว” แคทคลอว์เลียนแบบน้ำเสียงของไบรอัน “พวกเจ้าพูดอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอว่าลำกล้องปืนยิ่งใหญ่ยิ่งดี? ลำกล้องเล็กๆ เป็นท่อน้ำแบบนี้ให้กองพันปืนใช้จะดีกว่า — เอ้า ทุกคน ดื่มต่อ!”
ทุกคนส่งเสียงหัวเราะพร้อมยกแก้วขึ้นมา แต่พวกเขากลับพบว่าแวนนาไม่ขยับ อีกฝ่ายนั่งมองแก้วเหล้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“หัวหน้า?”
แวนนาลูบคาง ก่อนจะค่อยๆ พูดออกมาว่า “แล้วถ้าพวกเราสร้างมันเองล่ะ?”
“สร้างอะไร? ปืนใหม่เหรอ?” แคทคลอว์เลิกคิ้ว “หัวหน้า ท่านเมาแล้วหรือเปล่า?”
“เงียบเลย! ไม่รู้ว่าพวกเจ้าสังเกตเห็นบ้างไหม ไม่ว่าจะเป็นปืนลูกซองที่หน่วยจู่โจมพิเศษใช้ หรือว่าปืนกลหนักแม็กซิมที่กองพันปืนใช้ล้วนแต่ใช้ท่อแก๊สท่อหนึ่งมาช่วยในการยิงซ้ำ” แวนนาพูดพร้อมกับนึกย้อน “ข้าเคยเห็นอาวุธที่พังแล้วจำนวนไม่น้อยถูกถอดประกอบกลับไปซ่อมใหม่ ถึงแม้โครงสร้างจะไม่เหมือนกัน แต่หลักการการทำงานของพวกมันกลับคล้ายๆ กัน”
“เอ่อ…จริงเหรอ? ทำไมข้าไม่เห็นรู้เลย?”
“ตำแหน่งหัวหน้าถึงได้เป็นของเขาไง ไม่ใช่เจ้า” ร็อดนีย์พูดพร้อมเบะปาก “แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น มันก็ต้องใช้คนงานและทรัพยากรเป็นจำนวนมาก อีกทั้งโรงงานผลิตอาวุธก็ไม่ได้อยู่ใรการดูแลของท่านขวานเหล็กด้วย”
“ไม่ ที่ข้าบอกว่าสร้าง หมายถึงการปรับปรุงอาวุธปืนที่เรามีอยู่ตอนนี้ต่างหาก” แวนนายิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดของตัวเองชัดเจนยิ่งขึ้น “มันไม่จำเป็นต้องใช้โรงงานผลิตอาวุธ แล้วก็ไม่เป็นการเพิ่มภาระให้กับสำนักบริหารด้วย ขอแค่นี้นายช่างที่ชำนาญซักคนก็พอ”
คนอื่นๆ ที่เหลือต่างมองไปทางโพเมโลพร้อมกัน
อีกฝ่ายถอนหายใจออกมา ก่อนจะยกมือขึ้นมาอย่างจนปัญญา “พี่ชายข้าทำงานอยู่ในเขตอุตสาหกรรม แต่เขารับผิดชอบเรื่องการประกอบและการทำงานของเครื่องจักรไอน้ำ พรุ่งนี้ข้าจะพาพวกเจ้าไปหาเขาแล้วกัน”
…………………………………………………………