Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1220 สาเหตุของอุบัติเหตุ
โรแลนด์เรียกได้ว่าต้องเผชิญกับสัปดาห์ที่ยุ่งยากที่สุดนับตั้งแต่ที่เขาปกครองเนเวอร์วินเทอร์มา
ถึงแม้ปรากฏการณ์ต่างๆ มันจะเผยให้เห็นว่าครั้งนี้พระจันทร์สีแดงจะปรากฏขึ้นเร็วกว่าครั้งก่อน เขาเองก็เตรียมตัวรับมือกับมันมาโดยตลอด แต่การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ก็ยังมาอย่างกะทันหันเกินกว่าที่หลายๆ คนคาดการณ์เอาไว้ ไม่ใช่ 10 ปีอย่างที่ศาสนจักรบอกไว้ แล้วก็ไม่ใช่ 2 – 3 อย่างที่แม่มดทาคิลาคำนวณ หากแต่เป็นช่วงหลังจากเขาดำเนินแผนการเคลื่อนย้ายประชากรได้ไม่นาน มันก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าของดินแดนตะวันตกโดยไม่มีลางบอกเหตุอะไรเลย
แต่จะพูดแบบนี้มันก็ไม่ถูกซะทีเดียว
ในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานด่วนจากที่ต่างๆ ล้วนแต่ถูกทยอยส่งมาอย่างต่อเรื่อง ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่พูดถึงปรากฏการณ์แปลกๆ นี้ ยิ่งไปกว่าทุกที่ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นช่วงเวลาที่พระจันทร์ค่อยๆ เคลื่อนที่เข้ามาใกล้เลย เหมือนกับว่าเดิมมันก็อยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าถูกท้องฟ้าบดบังเอาไว้ และตอนนี้ท้องฟ้าที่บดบังอยู่นั้นก็แค่ถูกเปิดออกเท่านั้น
โรแลนด์พบว่าตัวเองเหมือนจะกลายเป็นโรค ‘พระจันทร์สีแดง’ นิดๆ อาการของมันก็คือไม่ว่าจะทำอะไร เขาก็ต้องคอยมองหาช่องหน้าต่างเพื่อมองออกไปบนท้องฟ้า แล้วเวลาที่มองดูพระจันทร์สีแดงก็จะตกอยู่ในอาการเหม่อลอย รัศมีสีแดงขนาดใหญ่ขนาดนี้ แต่กลับไม่แสบตาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนก็ล้วนแต่มองเห็นโครงร่างของมันได้อย่างชัดเจน เมื่อมองนานๆ เขาเหมือนจะรู้สึกว่าพระจันทร์สีแดงเองก็กำลังจ้องมองเขาเหมือนกัน
จากคำบอกเล่าของสมาพันธ์ การที่พระจันทร์สีแดงปรากฏขึ้นบนโลกนั้นหมายถึงการเริ่มต้นขึ้นของสงครามแห่งโชคชะตา หลายปีมานี้โรแลนด์เองก็เตรียมพร้อมสำหรับรับมือกับเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ในตอนที่มันมาถึงจริงๆ เขากลับเกิดความรู้สึกที่เหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง เพราะที่ราบลุ่มบริบูรณ์ยังคงเงียบสงบ ทีมสอดแนมที่ส่งไปทางเหนือก็ยังไม่มีเสียงตอบรับกลับมา มีเพียงเนเวอร์วินเทอร์ที่เดียวเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ทุกๆ ครึ่งชั่วโมงในสำนักบริหารจะส่งรายงานมาให้เขาฉบับนึง แต่เนื้อหาส่วนใหญ่นั้นไม่ได้เกี่ยวกับปีศาจเลย
“ฝ่าบาท” เสียงของไนติงเกลดังแทรกความคิดเขาขึ้นมา “พระองค์ทรงเหม่ออีกแล้วนะเพคะ”
โรแลนด์กะพริบตา ก่อนจะได้สติกลับคืนมา “เอ่อ…ขอโทษ ข้าแค่รู้สึก…”
ไนติงเกลหายตัวเข้ามา ก่อนจะเอาปลาแห้งแผ่นหนึ่งใส่ปากเขา พร้อมกับพูดตัดบทเขาว่า “ไม่ต้องขอโทษเพคะ ความจริงการเหม่อก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี หลายวันมานี้พระองค์ไม่ได้พักผ่อนเลย ก็คิดซะว่าเป็นการพักผ่อนแล้วกันเพคะ ถ้าไงให้หม่อมฉันดูพระจันทร์เป็นเพื่อนพระองค์ดีไหมเพคะ? ในเมื่อพระจันทร์สีแดงมันมีความเกี่ยวข้องกับสงครามแห่งโชคชะตา ดูมันบ่อยๆ ก็เหมือนกับเป็นการศึกษามันอย่างหนึ่งนะเพคะ”
โรแลนด์หัวเราะออกมาทันที คนที่คิดเรื่องแบบนี้เกรงว่าคงมีแค่ไนติงเกลคนเดียวเท่านั้น เขาคาบปลาแห้งเอาไว้ในปากก่อนจะส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจออกมา “ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกหลายเรื่อง คอยเฝ้าข้าต่อไป ห้ามจงใจปล่อยปละละเลย เข้าใจไหม?”
ไนติงเกลมุ่ยปาก ก่อนจะหายตัวกลับไปนอนบนโซฟา
โรแลนด์สูดหายใจ พร้อมกับดึงสมาธิกลับมาที่กองรายงานที่วางอยู่บนโต๊ะ
ปัญหาที่พระจันทร์สีแดงสร้างให้กับเมืองเนเวอร์วินเทอร์ในหลายวันมานี้เผลอๆ จะมากกว่าปัญหาที่เกิดจากการลอบโจมตีของปีศาจเสียอีก จากข้อมูลที่ทางสำนักบริหารและกองสันติบาลรวบรวมมา ในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์เมืองเนเวอร์วินเทอร์มีเหตุการณ์ไฟไหม้เกิดขึ้น 4 ครั้ง มีการทำผิด 16 คดี เมื่อรวมกับอุบัติเหตุในโรงงานอีก 8 ครั้งที่ได้รับมาจาก ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 21 คน มีผู้บาดเจ็บ 500 กว่าคน การตายและการบาดเจ็บกว่า 90% เกิดขึ้นในเวลา 24 ชั่วโมงหลังจากที่พระจันทร์สีแดงปรากฏขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายที่สุดนับตั้งแต่ที่ก่อตั้งเมืองขึ้นมา
ตอนแรกโรแลนด์นึกว่าอุบัติเหตุเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะว่าหวาดกลัวลนลานของประชาชน แต่เมื่อรวบรวมเอาเหตุการณ์จากแต่ละที่มาวิเคราะห์ดูแล้ว เขาถึงได้พบว่าเรื่องราวมันไม่ได้เป็นอุบัติเหตุธรรมดาๆ เหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงจัดทีมสืบสวนร่วมขึ้นมาเพื่อสืบสวนเหตุการณ์ในครั้งนี้ และผลที่ออกมาก็ทำให้เขารู้สึกตกใจ — เขาพบว่าแท้ที่จริงแล้วความวุ่นวายเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะคลื่นพลังเวทมนตร์ที่มาจากพระจันทร์สีแดงเป็นเหตุ
เอกสารการสืบสวนที่อกาธาส่งมานั้นได้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเอาไว้อย่างละเอียด
ในช่วงเวลาประมาณ 17.35 น. จู่ๆ พระจันทร์สีแดงก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า อุปกรณ์พลังเวทมนตร์ที่กำลังทำงานอยู่ในเมืองเนเวอร์วินเทอร์ล้วนแต่ได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันไป อย่างเช่น จุดจบของเรื่อง ‘ฝุ่นแห่งการทำลายล้าง’ ที่กำลังฉายอยู่ในโรงหนังจู่ๆ ก็เปลี่ยนไป ภาพลวงตาแทบจะกลายเป็นภาพเหตุการณ์จริงๆ หรือจะหลอดไฟในเขตโรงงานที่ได้รับพลังเวทมนตร์มากเกินไปจนหลอดไฟแตก เครื่องจักรที่ใช้พลังงานจากรุ่งอรุณหมายเลขหนึ่งต่างเสียหายไปตามๆ กัน อุบัติเหตุที่รุนแรงที่สุดนั้นเกิดขึ้นที่โรงงานเครื่องจักรหมายเลขหนึ่ง หม้อต้มน้ำรุ่นเก่าตัวหนึ่งเกิดระเบิดขึ้นมา ไอน้ำแรงดันสูงที่กำลังเดือนพล่านระเบิดกระจายขึ้นมาจนคนงานที่อยู่รอบๆ ต่างล้มลงไปกองกับพื้น และการสอบสวนหลังเกิดเหตุก็แสดงให้เห็นว่าเนื่องจากหม้อต้มน้ำใบน้ำมีข้อจำกัดในเรื่องวิศวกรรมการผลิต ชิ้นส่วนสำคัญๆ อย่างเช่นวาล์วไอน้ำล้วนแต่ถูกแคนเดิลทำให้แข็งตัว ก่อนหน้านี้ตัวหม้อมีรอยแตกเล็กๆ อยู่ เพียงแต่ไม่มีใครสังเกตเห็น
จากคำให้การที่รวบรวมมาจากที่ต่างๆ ได้แสดงให้เห็นว่าปรากฏการณ์แปลกๆ เหล่านี้เกิดขึ้นอยู่ประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นเหตุการณ์จึงค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพปกติ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้นทำให้สถานการณ์ยิ่งทวีความวุ่นวายขึ้นมา ในตอนนั้นหลายๆ คนถึงขนาดคิดว่าปีศาจกำลังโจมตีเมืองเนเวอร์วินเทอร์ ถึงแม้ในโรงงานจะเคยซ้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินมาแล้ว แต่ในตอนที่ต้องปฏิบัติจริงๆ ก็ยังไม่เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ ถ้าไม่เป็นเพราะระบบการรักษาพยาบาลของเนเวอร์วินเทอร์ดีเกินระดับในยุคสมัยนี้กับมีนาน่าให้การรักษาล่ะก็ จำนวนคนที่บาดเจ็บและเสียชีวิตคงจะมากขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่าแน่
ตามหลักแล้วเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดแบบนี้ควรจะถูกสมาพันธ์บันทึกเอาไว้ แต่กลายเป็นว่าแม่มดทาคิลานั้นไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้เมื่อมาคิดดูแล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะคลื่นพลังเวทมนตร์จากพระจันทร์สีแดงในสงครามแห่งโชคชะตาเมื่อสองครั้งแรกน้อยเกินไป ก็อาจจะเป็นเพราะในตอนนี้อุปกรณ์พลังเวทมนตร์มีไม่ค่อยเยอะเท่าไร จึงทำให้ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ นี้
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุยังคงไม่จบสิ้น เนื่องจากไม่มีใครกล้ารับประกันว่าคลื่นพลังเวทมนตร์จะไม่ปรากฏขึ้นมาอีก ในโรงงานจึงทำการตรวจสอบเครื่องจักรในโรงงานใหม่ทั้งหมด แล้วก็จัดการโละเอาเครื่องจักรรุ่นเก่าออกไป นอกจากนี้ทางสำนักบริหารยังมีการจัดทำแผนการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินใหม่ โดยรวมไปถึงการทำให้ชาวบ้านตื่นตัวและไม่ลนลานในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ผิดปกติแบบนั้นขึ้นอีก อีกทั้งคำว่า ‘อุบัติเหตุทางเวทมนตร์’ ยังถูกจดบันทึกลงในเอกสารเป็นครั้งแรกด้วย
กลับกลายเป็นการฉายหนังเวทมนตร์ครั้งที่สองในอีกสามวันหลังจากนั้นที่ทำให้กลายเป็นกระแสร้อนแรงขึ้นมาใหม่ในเมืองเนเวอร์วินเทอร์ ผู้คนที่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในการฉายรอบแรกต่างก็มาล้อมโรงหนังเอาไว้จนเต็มไปหมด ทุกคนต่างมาก็เพราะเรื่องที่บอกว่าสามารถเปลี่ยนแปลงตอนจบของหนังด้วยตัวเองได้ ถึงแม้ในเวลานี้หนังเวทมนตร์จะกลับเป็นปกติแล้ว แต่ความสนใจของผู้ชมก็ยังไม่ลดลงเลยไม่ได้นิดเดียว
นี่เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่น่าสนใจที่สุดในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเลย
แต่จะยังไงก็ตาม อุบัติเหตุลูกโซ่ครั้งนี้ก็ได้ทำให้โรแลนด์เกิดความกังวลเรื่องที่จะใช้ลูกบาศก์เวทมนตร์เป็นแหล่งให้กำเนิดพลังงาน ตอนนี้เขาอยากจะรู้ว่าคลื่นพลังเวทมนตร์แบบนี้จะเกิดขึ้นแค่ตอนที่พระจันทร์สีแดงปรากฏขึ้นมาหรือว่าจะเกิดขึ้นตลอดช่วงที่มีสงครามแห่งโชคชะตา
ถ้าหากเป็นอย่างแรก การที่มันเกิด 400 ปีครั้งหนึ่งเขาก็ยังพอยอมรับได้ เพราะการกำจัดปีศาจคือเป้าหมายที่สำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นรุ่งอรุณหมายเลขหนึ่งหรือว่าลูกบาศก์เวทมนตร์ก็ล้วนแต่มีข้อได้เปรียบมากกว่าอุปกรณ์ปกติธรรมด ซึ่งทำให้ขีดความสามารถของอุตสาหกรรมของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ยกระดับขึ้นอย่างมาก แต่ถ้าหากเป็นอย่างหลัง อย่างนั้นเขาก็คงต้องคิดถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากการสูญเสียการควบคุมแล้วล่ะ
ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์จากสำนักบริหารก็ดังขึ้นมา
ปกติแล้ว คนที่สามารถต่อสายตรงเข้ามาได้นั้นมีแต่บารอฟเพียงคนเดียวเท่านั้น
โรแลนด์ถอนหายใจ ก่อนจะยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา “อย่าบอกนะว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีก?”
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท…” น้ำเสียงของบารอฟฟังดูลังเลเล็กน้อย “เมื่อครู่จู่ๆ ท่านโหราจารย์สแคทเทอร์สตาร์ก็วิ่งเข้ามาในห้องทำงานของกระหม่อม แล้วก็บอกว่าเขามีความคืบหน้าที่สำคัญอย่างมากเกี่ยวกับพระจันทร์สีแดงแล้วพ่ะย่ะค่ะ เขาเลยหวังว่าพระองค์จะ…ไม่ เขาบอกว่าพระองค์จำเป็นต้องเสด็จไปที่หอดูดาวด้วยตัวพระองค์เองพ่ะย่ะค่ะ!”
………………………………………………………….