Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1226 ใจที่ถูกคุมขัง
“โลกหลังจากปลดปล่อยแล้วจะกลายสภาพเป็นยังไง?” โรแลนด์ถามหยั่งเชิง “พวกเจ้าจะได้ประโยชน์อะไร? หลุดพ้นจากโลกแห่งความฝัน กลายเป็นสิ่งที่มีตัวตนอยู่จริงๆ เหรอ?”
“บอกตามตรง ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” มิสต์หัวเราะขึ้นมา “แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ดีกว่าถูกขังอยู่ที่นี่และค่อยๆ เสื่อมสลายลงไปทุกวัน อย่างน้อย…อนาคตมันก็เต็มไปด้วยความเป็นไปได้ใช่ไหมล่ะ”
โรแลนด์จ้องมองดูอยู่ครู่ สีหน้าอีกฝ่ายดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก เหมือนกับนี่เป็นการตัดสินใจธรรมดาๆ อย่างไรอย่างนั้น
ดูเหมือนจะไม่มีหวังที่จะหาช่องโหว่ของมิสต์จากการพูดคุยแล้วล่ะ โรแลนด์ครุ่นคิด นอกเสียจากตัวเองจะสามารถพาไนติงเกลเข้ามาในโลกแห่งความฝันได้ ส่วนการหยั่งเชิงหลังจากนั้นก็ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มไม่มากนัก เธอจะเงียบเมื่อถามคำถามที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้า อีกทั้งเธอยังไม่สามารถยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในสงครามแห่งโชคชะตาได้ด้วย
และด้วยข้อจำกัดทางด้านกฎเกณฑ์ของโลกแห่งความฝัน เธอจึงได้แต่ต้องจัดการเรื่องต่างๆ ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ ซึ่งการแอบส่งข้อความอย่างลับๆ นั้นเป็นขีดจำกัดของเธอแล้ว จากที่มิสต์เล่ามา ในพื้นที่ที่แตกต่างกันของโลกแห่งจิตสำนึกก็จะมีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไป ในจุดนี้แม้แต่พระเจ้าก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ และเป็นเพราะความพิเศษตรงนี้เธอถึงได้มีโอกาสแอบมาหาผู้กอบกู้ที่จะช่วยหยุดสงครามแห่งโชคชะตา
แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง เธอยังไม่อาจถือได้ว่ามีอิสระอย่างแท้จริง โซ่ที่คอยพันธนาการเธอยังคงมีอยู่ แถมยังอาจจะทำให้ความพยายามของเธอสูญเปล่าลงได้ทุกเมื่อ
ในตอนที่ส่งมิสต์ที่ประตู โรแลนด์พลันถามคำถามสุดท้ายขึ้นมา
“เออใช่ ตอนแรกเจ้าบอกคิดไม่ถึงว่าข้าจะเปิดร้านกาแฟของตัวเอง หรือว่าเมืองแห่งนี้มันมีร้านกาแฟโรสคาเฟ่อยู่จริงๆ?”
“มีสิ” มิสต์ยิ้มเล็กน้อย “อยู่ในเมืองปริซึม”
“แต่ข้าถามการ์เซียแล้ว…”
“ร้านกาแฟตั้งอยู่ส่วนกลางของเมือง มีแต่สมาชิกระดับสูงของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้นถึงจะเข้าไปที่นั่นได้ ตอนนั้นข้ารู้แล้วว่าทางสมาคมคิดจะมอบใบอนุญาตไล่ล่าให้กับเจ้า หลังจากได้มันแล้ว เจ้าก็จะสามารถเข้าไปยังพื้นที่ส่วนกลางได้ แต่สิ่งที่ข้าคิดไม่ถึงก็คือเจ้าไม่ได้สนใจสมาคมเลยแม้แต่นิดเดียว ขนาดได้รับใบอนุญาตไล่ล่ามาตั้งนานแล้วก็ยังไม่เคยไปเมืองปริซึมเลย” มิสต์ชะงักเล็กน้อย “อีกอย่าง คลังที่ใช้เก็บแกนพลังแห่งธรรมชาติของฟอลเลนอีวิลนั้นอยู่ที่ชั้นล่างสุดของเมือง ปกติจะมีแต่ผู้คุมและบุคคลระดับสูงเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้”
อย่างนี้นี่เอง…ในที่สุดโรแลนด์ก็รู้แล้วว่าทำไมตัวเองถึงหาสถานที่นัดหมายไม่เจอเสียที ที่แท้โรสคาเฟ่นั้นเป็นสวัสดิการที่ให้สมาชิกภายในสมาคมได้ใช้กัน แถมยังต้องเป็นสมาชิกระดับสูงด้วย
“อย่างนั้นถ้าเจอกันครั้งหน้า ข้าหมายถึงถ้าจำเป็นต้องเจอ จะไปเจอกันที่ร้านไหน? เพราะตอนนี้มีโรสคาเฟ่สองร้านแล้ว”
“ที่เดิมดีกว่า” เธอมองดูตึกถงจึแล้วพูดด้วยเสียงนุ่มนวลออกมาว่า “การ์เซียอาศัยอยู่ที่ตึกนี้ใช่ไหม? มาดูบ้างเป็นบางครั้งมันก็ไม่เลวเหมือนกัน บางที…ข้าอาจจะชอบที่นี่อย่างมากก็ได้”
บางที? ตัวเองไม่รู้ตัวหรือว่าชอบการ์เซียหรือเปล่า? โรแลนด์เลิกคิ้ว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลังบอกลากันแล้ว มิสต์ก็ค่อยๆ หายตัวไปในซอย
โรแลนด์ยืนพิงประตู ภายในหัวกำลังย่อยข้อมูลที่ได้คุยมาวันนี้
ไม่ว่าจะเป็นโลกแห่งความฝันหรือว่าความเป็นจริงก็ดูชัดเจนขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พลังเวทมนตร์ เจตจำนงของพระเจ้า โลกแห่งจิตสำนึก ดินแดนรุ่งอรุณ บอทธ่อมเลสแลนด์…คำพูดพวกนี้ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดธรรมดาอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นสิ่งที่เป็นรูปเป็นร่างจากข้อมูลที่ได้รับมาใหม่
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิด จู่ๆ พลันมีแรงสั่นสะเทือนประหลาดกวาดผ่านตัวเขาไป!
โรแลนด์เงยหน้าขึ้นมาทันที ก่อนจะเห็นคลื่นบิดๆ เบี้ยวๆ ปรากฏขึ้นมา มันเหมือนกับกำแพงใสๆ ที่ยาวสุดลูกหูลูกตากำลังกวาดผ่านถนนทั้งเส้น จากนั้นจึงขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เขามองดูคนอื่นๆ ที่อยู่ในเขตชุมชนอย่างแปลกใจ แต่เหล่าคุณตาคุณยายเหมือนจะไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติเลย พวกเขายังคงพูดคุยหัวเราะกันอยู่
ถ้าไม่เป็นเพราะเคยมีประสบการณ์ทำนองนี้มาแล้ว เขาคงจะนึกว่าตัวเองคิดไปเอง
ไม่ผิดแน่ โรแลนด์กำหมัด มีแค่เขาเท่านั้นที่สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นสัมผัสของมันก็ค่อนข้างคล้ายกับสัมผัสที่เกิดขึ้นตอนที่เขาเก็บเอาแกนพลังมาจากตัวสัตว์ประหลาดเวทมนตร์ด้วย แต่ว่าสัมผัสที่เกิดขึ้นจากตอนที่เก็บแกนพลังมานั้นทำให้เขารู้สึกพึงพอใจและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง ทว่าสัมผัสที่เกิดขึ้นครั้งนี้กลับทำให้เขาแอบรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
หรือว่ามีอะไรบางอย่างกำลังปะทะกับโลกแห่งความฝันจนทำให้เกิดปรากฏการณ์แปลกๆ แบบนี้?
เสียดายที่มิสต์จากไปแล้ว เขาเองก็ไม่ได้หยิบเอาโทรศัพท์ที่ใช้โทรติดต่อสมาคมมาจากเมืองปริซึมด้วย ไม่อย่างนั้นเขาคงจะถามข้อมูลอะไรจากอีกฝ่ายได้บ้าง
โรแลนด์สะกดความคิด ล็อกประตูหน้าร้านกาแฟแล้วรีบกลับไปยังตึกถงจึ
เดิมเขาคิดจะตัดขาดการเชื่อมต่อกับโลกแห่งความฝันแล้วกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง แต่ทันทีที่เขาเปิดประตูห้อง 0825 เข้าไป เขาพลันเห็นรองเท้านักเรียนของซีโร่ยังคงวางอยู่หน้าประตูทางเข้า
เขางุนงงขึ้นมา เขาคุยกับมิสต์มาอย่างน้อยๆ ก็เป็นเวลา 1 ชั่วโมงกว่า ซึ่งมันเลยเวลาที่ซีโร่จะไปโรงเรียนแล้ว แต่ทำไมซีโร่ถึงยังไม่ออกจากบ้าน?
เมืองมองไปทางห้องรับแขก เขาก็ต้องตกตะลึงไปทันที สาวน้อยกำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ข้างกายของเธอมีแก้วสองใบแตกอยู่
“ล้อเล่นน่า…”
เขารีบเดินเข้าไปหา ก่อนจะย่อตัวลงไปกุมข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้
ชีพจรยังเต้นอยู่
เขามองดูใบหน้าอีกฝ่ายอีกครั้ง ดวงตาของซีโร่ยังคงหลับอยู่ คิ้วขมวดขึ้นมาเล็กน้อย เหมือนเธอกำลังอดทนต่อความเจ็บปวด
โรแลนด์ลองเอามือลูบหน้าผากเธอ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ส่งผ่านฝ่ามือขึ้นมา
เป็นไข้….งั้นเหรอ?
เมื่อดูจากท่าทางที่เธอล้มลงไปแล้ว เธอน่าจะสูญเสียสมดุลไปตอนที่กำลังเก็บโต๊ะชาโดยไม่ทันตั้งตัว
ตอนเช้าเธอยังดีๆ อยู่เลยนี่นา
แต่โรแลนด์ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย อย่างน้อยการที่ไม่สบายมันก็ดีกว่าการเจอฟอลเลนอีวิลโจมตี วินาทีที่เห็นสาวน้อยล้มลงไปนั้น เขาเกือบนึกว่าพระเจ้าส่งลูกน้องมาแก้แค้นเขาเสียแล้ว
โรแลนด์อุ้มอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเดินขโยกเขยกลงมาจากบนตึกแล้วตรงไปยังรถตู้
น่าจะเป็นเพราะแรงกระแทกที่ทำให้ซีโร่ได้สติขึ้นมาเล็กน้อย เธอลืมตาขึ้น ก่อนจะพูดงึมงำๆ เสียงเบาๆ ว่า “หนูทำแก้วชา…ที่อยู่บนโต๊ะ…แตก”
“ฉันเห็นแล้ว
“ขอโทษ…เดี๋ยวหนูจะ…ใช้ให้คุณอา…อย่าไล่หนู…กลับบ้านนะ”
เจ้าเด็กนี่…ไข้ขึ้นจนละเมอเหรอ?
โรแลนด์วางเธอลงบนที่นั่งข้างคนขับ ก่อนจะช่วยเธอรัดเข็มขัดนิรภัย “เงียบ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
ในขณะที่เขากำลังเอี้ยวตัวไปสตาร์ทรถ ซีโร่พลันยื่นมือมาจับแขนเสื้อของเขาไว้ “คุณอา…อย่าไป”
สำหรับสาวน้อยที่มักจะทำหน้าบึ้งใส่เขาอยู่ตลอดแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอเป็นแบบนี้ เมื่อมองดูสีหน้าที่เกือบจะเป็นการขอร้องอ้อนวอนของเธอ โรแลนด์พลันอดนึกถึงสิ่งที่เธอเขียนเอาไว้สมุดไดอารี่ไม่ได้ น่าจะเป็นเพราะไข้ขึ้น ถึงทำให้เธอเผยด้านที่อ่อนแอที่สุดออกมา เขาไม่รู้จริงๆ ว่าครอบครัวของเธอนั้นดูแลเธอมายังไง เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาจึงถอนใจออกมา “วางใจได้ ห้องฉันยังไม่ได้เก็บกวาดเลย ฉันไม่ให้เธอไปไหนหรอก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ซีโร่จึงค่อยๆ หลับตา แต่มือข้างนั้นก็ยังไม่ปล่อย
เมื่อมาถึงโรงพบาบาล ซีโร่ก็ถูกพาเข้าไปลงทะเบียน ตรวจอาการ นอนโรงพยาบาล ให้น้ำเกลือ….กว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาบ่าย ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร แต่อาการของสาวน้อยก็ดูจะคงที่แล้ว
กระทั่งตอนเย็น หมอเจ้าของไข้ก็เดินมาหาเขา
“คุณเป็นผู้ฝึกยุทธ์จริงๆ เหรอ?”
“ใช่ครับ ทำไมเหรอครับ?” โรแลนด์ถาม
“ครั้งหน้าอย่ามาล้อพวกเราเล่นแบบนี้เลยครับ” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย “เด็กคนนั้นไม่ได้เป็นอะไร เธอแค่ตื่นรู้พลังแห่งธรรมชาติ — ถึงแม้อาการแบบนี้จะมีให้เห็นไม่บ่อยนัก แต่ในร้อยคนก็มักจะมีคนหรือสองคนที่เกิดอาการไม่สบายแบบนี้ หรือว่าสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ไม่เคยบอกเรื่องพวกนี้กับคุณ?”
“อะไรนะครับ?”
“ตื่นรู้ไงครับ จริงๆ เลยเชียว นี่ถ้าไม่เป็นเพราะในโรงพยาบาลมีผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นสังเกตเห็นเหตุการณ์พอดี ผมคงนึกว่าเธอเป็นโรคหายากอะไรซะอีก” น้ำเสียงของหมอเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “คุณไปทำเรื่องออกจากโรงพยาลแล้วพาเธอกลับบ้านได้แล้วครับ”
…..
โรแลนด์ที่เหนื่อยมาทั้งวันอุ้มซีโร่ที่ยังนอนหลับกลับมายังถึงถงจึ
เมื่อมองดูสาวน้อยผมขาวที่นอนขดอยู่ เขาพลันถอนใจออกมา…ตื่นรู้อย่างนั้นเหรอ? คิดไม่ถึงเลยว่าเธอซึ่งเป็นอดีตผู้บริสุทธิ์ ถึงแม้จะมาอยู่ในโลกนี้แล้วก็ยังหนีไม่พ้นพลังเวทมนตร์ นี่เรียกได้ว่าเป็นชะตาชีวิตล่ะมั้ง แต่ว่ายังดีที่ในโลกแห่งความฝันมีเขาเคยดูอยู่ เธอน่าจะไม่ทำผิดเหมือนอย่างก่อนหน้านี้แล้วล่ะ
ตอนนี้ฟ้ามืดลงแล้ว ระเบียงทางเดินบนตึกเหลือเพียงแค่แสงไฟสีเหลืองสลัวจากหลอดไฟเก่าๆ บางครั้งจะมีแมลงที่บินเข้ามาเล่นไฟ ในตอนที่เขาเดินเข้าไปใกล้ห้อง 0825 เขากลับต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นคนที่คุ้นเคยคนหนึ่งกำลังนั่งพิงประตูห้องเขาอยู่ คนๆ นั้นคือการ์เซีย
วันนี้มันอะไรกันเนี่ย? มีเรื่องมาตลอดเลย บอกกับไนติงเกลว่าจะนอนแปบเดียว ตอนนี้ที่ฝั่งโน้นน่าจะใกล้กินข้าวเย็นแล้วมั้งเนี่ย
“เฮ้” โรแลนด์คุกเข่าลงตรงหน้าเธอ “วันนี้มีอะไรถึงมารอฉันที่นี่ได้? หรือว่าทำกุญแจหาย อยากจะมาค้างบ้านฉัน?”
การ์เซียไม่ได้ยิ้มออกมา นี่ืทำให้เขารู้สึกได้ถึงอะไรแปลกๆ
ในตอนที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา โรแลนด์พลันพูดอะไรไม่ออก
เขาเห็นเธอร้องไห้น้ำตานองหน้า
“เมืองปริซึม…ถูกฟอลเลนอีวิลฝูงใหญ่โจมตี…ได้ยินคนที่หนีออกมาบอกว่า อาจารย์ของฉัน…อาจารย์ของฉันคอยสู้กับศัตรูและปกป้องให้ทุกคนออกมา ก็เลยถูกฟอลเลนอีวิลฆ่าตายแล้ว…”
……………………………………………………….