Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1233 ถูกขัง
“อย่างนี้นี่เอง” ไนติงเกลครุ่นคิดอยู่ครู่ “ถ้าเทียบกับรางเหล็กที่ต้องสร้างต่อเป็นแถวยาวแล้ว การทำถนนเฉพาะช่วงที่แม่น้ำสองเส้นไม่เชื่อมต่อกันนั้นประหยัดเวลาได้มากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นการสร้างรางเหล็กก็ต้องพึ่งพาอันนากับคนงานที่เชี่ยวชาญด้วย แต่ถนนธรรมดานั้นใครจะมาสร้างก็ได้ ต่อให้เป็นชาวบ้านที่เพิ่งจะอพยพมาก็ยังทำได้ แบบนี้พวกเราก็จะประหยัดเวลาไปได้มาก!”
“ถูกต้อง ซึ่งนี่ก็คือข้อดีอีกข้อของมัน” โรแลนด์พูดชม “ขอเพียงวางแผนให้ดี อย่างมาก 1 – 2 เดือนก็สามารถแก้ปัญหาเรื่องการขนส่งได้แล้ว สำหรับพวกเราที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาแล้วถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ดูเหมือนบางครั้งเจ้าก็รู้เหมือนกันนะเนี่ยว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน”
“ฮี่ๆ แน่นอน…ไม่สิ” มุมปากที่ยกขึ้นมาของไนติงเกลหุบลงไปอย่างรวดเร็ว “อะไรคือบางครั้งเพคะ! ขอเพียงหม่อมฉันตั้งใจคิด หม่อมฉันก็ทำได้เหมือนกันเพคะ ไม่ว่าจะช่วยพระองค์ทำงาน หรือว่าเรื่องสอบ…”
ถึงแม้เธอจะพูดขึงขัง แต่พอพูดถึงครึ่งหลังเสียงของเธอดูเบาลงอย่างชัดเจน
โรแลนด์อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
บางทีสำหรับไนติงเกลแล้ว สิ่งที่สำคัญก่อนจะไปตั้งใจคิดได้ก็คืออย่าปล่อยให้ตัวเองหลับไปเสียก่อน
เขาเลื่อนสายตากลับมายังแปลนออกแบบที่วางอยู่บนโต๊ะ ถ้าอยากจะเชื่อมเส้นทางการคมนาคมทางน้ำของเกรย์คาสเซิลและดอว์นเข้าด้วยกัน วิธีที่เร็วที่สุดก็คือสร้างถนนที่ตรงไปยังเมืองอีเทอร์นอลไนท์ตรงจุดที่เลี้ยวไปยังดินแดนตะวันออกของแม่น้ำแดง จากนั้นก็ตรงดิ่งไปทางเหนือ แล้วค่อยเชื่อมต่อกับแม่น้ำของอาณาจักรเพื่อนบ้านที่วินด์สวิปริดจ์
และจุดกำเนิดแม่น้ำเส้นนี้ก็มาจากที่ราบสูงเฮอร์มีส โดยแม่น้ำสายหลักได้แบ่งออกเป็นแม่น้ำสายย่อย 3 สายที่เมืองศักดิ์สิทธิ์เก่า แม่น้ำสองเส้นในนั้นไหลผ่านอาณาจักรดอว์นทั้งอาณาจักรจากเหนือลงใต้ สุดท้ายจึงไหลลงสู่ทะเล และเมื่อจะใช้ประโยชน์จากการขนส่งทางน้ำให้มากขึ้น ตระกูลโมยาจึงขุดลอกคลองจากทิศตะวันออกตรงไปยังทิศตะวันตกอีกสามเส้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเส้นทางการค้าภายในอาณาจักรดอว์นอย่างมาก แล้วก็ยังเป็นทางลัดให้กับโรแลนด์ด้วย
โรแลนด์ต้องสร้างถนนข้ามจากแม่น้ำสปาร์คกิ้งไปยังแม่น้ำนอร์ธไซด์ แล้วค่อยสร้างถนนตรงไปยังภูเขาเคจเมาเธ่นอีกเส้น ทั้งสองที่ที่ห่างกันหลายร้อยกิโลเมตรก็จะมี ‘เส้นทางเฉพาะ’ ให้ใช้ ถ้าเทียบกับรางเหล็กที่มีต้นทุนที่สูงลิ่วแล้ว แผนการนี้ขอเพียงสร้างถนนขึ้นมาสองช่วง ระยะรวมกันแล้วไม่ถึง 200 กิโลเมตรกับท่าเรือสำหรับใช้ขนของอีก 3 แห่งเท่านั้น
เมื่อคิดถึงเรื่องที่น้ำหนักของรถบรรทุกอาจจะสร้างความเสียหายให้กับถนน ถ้าหากแค่ให้โลตัสปูถนนให้เรียบแล้วให้คนงานโปรยหินลงไป ใช้ไปไม่นานเท่าไรก็คงต้องส่งคนไปซ่อมแซมแน่นอน ถ้าเจอฝนตกหนักก็จะยิ่งพังเสียหายได้งาย ด้วยเหตุนี้โรแลนด์จึงคิดจะสร้างเป็นถนนคอนกรีตเหมือนกับเนเวอร์วินเทอร์
ตอนนี้คอนกรีตไม่ได้ถือเป็นของที่หายากสำหรับเนเวอร์วินเทอร์อีกแล้ว แต่ว่าการจะขนมันไปที่อาณาจักรดอว์นก็เป็นเรื่องที่เปลืองแรงและเปลืองเวลาเหมือนกัน แทนที่จะเสียเวลาขนมันไป สู้ผลิตคอนกรีตขึ้นมาที่นั่นเลยจะสะดวกกว่า
หลังจัดการแปลนเสร็จเรียบร้อย โรแลนด์ก็ยกปากกาขึ้นมาเขียนจดหมายฉบับหนึ่งให้กับฮอฟอร์ด ควินน์ผู้เป็นพ่อของแอนเดรียและราชาของอาณาจักรดอว์น
เขาตัดสินใจที่จะส่งช่างเทคนิคกลุ่มหนึ่งไปยังเมืองกลอรี แล้วก็ถ่ายทอดเทคนิคการทำคอนกรีตและการประกอบเรือจักรไอน้ำให้กับสามตระกูลใหญ่ เพื่อให้พวกเขาสร้างโรงงาน ซ่อมถนน ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับเมืองเนเวอร์วินเทอร์
เขาเชื่อว่าขุนนางพวกนั้นจะต้องมองเห็นคุณค่าของคอนกรีตอย่างแน่นอน
เมื่อมีเทคโนโลยีทั้งสองอย่างนี้ อาณาจักรดอว์นก็จะสามารถแก้ไขปัญหาการขนส่งภายในอาณาจักรด้วยตัวเองได้
ส่วนตัวเครื่องจักรไอน้ำนั้น ทางเมืองเนเวอร์วินเทอร์ยังคงเป็นคนจัดหาให้ ไม่ใช่ว่าเขาหวงไม่อยากจะถ่ายทอดความรู้ให้ หากแต่เป็นเพราะนอกจากเมืองเนเวอร์วินเทอร์แล้ว เมืองอื่นๆ ล้วนแต่ไม่มีพื้นฐานทางอุตสาหกรรม หากมีเทคโนโลยี แต่วัตถุดิบต่างๆ ยังต้องส่งไปจากเมืองเนเวอร์วินเทอร์มันก็ไม่มีความหมาย อย่างนั้นสู้ส่งเครื่องจักรที่ประกอบสำเร็จแล้วไปดีกว่า
โรแลนด์ไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะแอบแข็งข้อไม่ยอมทำตามคำสั่ง เพราะถ้าหมอกแดงปรากฏขึ้นที่ยอดเขาสิ้นวิถีจริงๆ ฮอฟอร์ดก็น่าจะได้ข่าวอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงตอนนั้น เขาย่อมต้องรู้เองว่าต้องทำอย่างไรถึงจะเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด
….
หลังจากนั้นสองวัน โรแลนด์ก็ได้เห็นภาพผู้อพยพกลุ่มแรกมาถึงเมืองเนเวอร์วินเทอร์จากบนยอดตึกปาฏิหาริย์
กองเรือที่ยาวเหยียดจนแทบจะมองไม่เห็นท้ายแถว ควันสีขาวสลับกับสีดำก่อตัวเป็นเหมือนกำแพงสูง ชาวบ้านจำนวนมากที่ยืนเบียดเสียดอยู่บนสะพานค่อยๆ เดินลงมาที่ท่าเรือภายใต้คำแนะนำของตำรวจ พื้นที่ด้านข้างแม่น้ำแดงมีผู้คนยื่นแออัดอยู่เต็มไปหมดจนไม่มีพื้นที่ว่าง
“ทั้งหมด 50,000 คน…เหมือนกับพระองค์ทรงย้ายเมืองทั้งเมืองเลยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” บารอฟอุทานออกมาด้วยความยินดีปนกังวล “กระหม่อมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เห็นภาพคนของวูล์ฟฮาร์ทหรืออีเทอร์นอลวินเทอร์ในเมืองเนเวอร์วินเทอร์เป็นหมื่นคนอย่างนี้ เห็นอย่างนี้แล้ว ตอนนี้กระหม่อมไม่กังวลเรื่องเรื่องเป้าหมายเพิ่มประชากร 2 แสนคนแล้วพ่ะย่ะค่ะ หากแต่กังวลเรื่องเงินในคลังของพระองค์แทน”
“ยังมีปัญหาเรื่องการรักษาความปลอดภัยและการบริหารจัดการด้วย” คาร์เตอร์ที่เห็นหัวหน้าอัศวินพูดด้วยสีหน้ากังวล “คนต่างถิ่นเหล่านี้คงจะไม่รู้ถึงชื่อเสียงและบารมีของพระองค์เท่าไร เพื่อความปลอดภัยของพื้นที่ภายในเมืองแล้ว กระหม่อมแนะนนำว่าให้แยกพวกเขาออกไปในอยู่พื้นที่เฉพาะดีกว่า แบบนี้จะได้ดูแลได้ง่ายด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ทำแบบนั้นพวกเขาก็จะไม่มีมันรวมเข้าไปเกรย์คาสเซิลได้สิ” โรแลนด์ส่ายหัว “ถ้ากองตำรวจขาดคนก็ไปให้บารอฟจัดการให้ คนที่ทำผิดกฎหมายลงโทษให้หนัก คนที่ทำงานดีก็มอบรางวัลให้ คนที่ไม่ยอมปรับปรุงตัวก็ส่งไปทำงานเหมือง สิ่งที่ข้าต้องการคือคนงาน ไม่ใช่ทาสที่ต้องมาคอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการเคลื่อนย้ายประชากรจำนวนมากเข้ามานั้นทำให้ความปลอดภัยของเมืองหลวงลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในผลกระทบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จากการที่ไม่ได้คัดกรองคนเข้ามา หากเขามีเวลามากพอ เขาก็ไม่อยากทำแบบนี้เหมือนกัน แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาขาดแคลนมากที่สุดก็คือเวลา ถึงแม้แผนการนี้จะมีปัญหาแอบแฝงอยู่ แต่เขาก็จำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป
เพราะถ้าเทียบกันแล้ว ประโยชน์ที่ได้จากการที่มีประชากรเพิ่มมากขึ้นนั้นมีมากกว่าผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่อาจเทียบได้
อย่างเช่นขอเพียงในประชากรห้าหมื่นคนนี้มีประชากรหมื่นคนที่สามารถเข้าไปทำงานในโรงงานได้ มันก็จะทำให้ปริมาณการผลิตอาวุธเพิ่มขึ้นเท่านึงจากที่มีอยู่ นี่หมายความว่าแนวหน้าจะมีอาวุธและกระสุน และอุปกรณ์ชนิดใหม่อื่นๆ ให้ใช้เพิ่ม
ในเวลานี้แรงงานและเทคโนโลยีต่างก็มีพร้อมแล้ว เขาสามารถเริ่มโปรเจคใหม่ที่ใช้ลูกบาศก์เวทมนตร์เป็นแหล่งใหม่อย่างเป็นทางการได้แล้ว
…..
ที่นี่…คือที่ไหน?
ตอนที่วัลคีรีย์ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง มันพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องสีขาวเหมือนหิมะ ไม่ว่าจะเป็นเพดานหรือว่ากำแพงก็ล้วนแต่สว่างจนแสบตา ด้านข้างร่างกายมีอุปกรณ์แปลกๆ ที่ส่งเสียงติ๊ดๆ อยู่ตลอดเวลา เหมือนเป็นเครื่องจับเวลาอะไรซักอย่าง บนหัวมีถุงของเหลวใสๆ ห้อยอยู่ถุงหนึ่ง แล้วก็มีหยดน้ำไหลออกมาผ่านท่อเป็นหยดๆ มันสังเกตเห็นว่าของเหลวเหล่านั้นเหมือนจะไหลเข้ามาในร่างกายของตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ข้อมูลแปลกๆ หลั่งไหลเข้ามาในสมอง ทำให้มันยากที่จะตั้งตัวได้ทัน ทุกสิ่งรอบๆ ตัวล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หรือพูดอีกอย่างก็คือต่อให้มันเคยเห็นของเหล่านี้มา มันก็ยากที่จะเชื่อมโยงเข้ากับความทรงจำที่อยู่ในหัวได้
อย่างเช่นเสื้อแขนสั้นสีขาวที่อยู่บนตัวที่เดินด้ายละเอียดเหมือนกับเส้นผมนั้นไม่เหมือนกับเสื้อที่มันเคยเห็นมาก่อน
มันหลับตาลงแล้วเพ่งสมาธิเอาไว้ที่ตัวเอง ไม่ว่าจะแปลกแค่ไหน ทุกสิ่งก็ล้วนแต่เป็นสิ่งของนอกกาย ในเมื่อตอนนี้ตัวมันอยู่ในสถานที่แปลกๆ อย่างนั้นสิ่งเดียวที่มันจะพึ่งพาได้ก็คือความสามารถอันแข็งแกร่งของมัน
แต่หลังจากนั้นวัลคีรีย์ก็ต้องตกใจทันที
มันพบว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของมัน
ถึงแม้จะดูแล้วเหมือนกัน แต่หินเวทมนตร์ที่ฝังอยู่ในร่างกายกลับหายไป ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ อย่างนั้นมันก็น่าจะตายไปแล้วถึงจะถูก
แต่ตอนนี้มันกลับไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดอะไรเลย
พลังเวทมนตร์ยังคงไหลเวียนอยู่ในร่างกายของมัน แต่เป็นในรูปแบบที่มันไม่เคยเห็นมาก่อน
ขณะเดียวกันมันก็สัมผัสถึงเสียงกระซิบของโลกแห่งจิตสำนึกไม่ได้
ไม่ว่าวัลคีรีย์จะรวบรวมสมาธิยังไง หรือว่ายอมเสียหน้าเรียกหาสกายลอร์ดอย่างไร มันก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา
นั่นหมายความว่ามันถูกขังอยู่ที่นี่แล้ว
…………………………………………………………….