Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1248 วิธีใช้แกนเวทมนตร์
เมืองเนเวอร์วินเทอร์ เกรย์คาสเซิล
ในช่วงหนึ่งสัปดาห์นี้ รายงานที่กองทัพที่หนึ่งทยอยส่งกลับมาไม่เพียงแต่จะยืนยันในเรื่องที่มีหมอกแดงปรากฏขึ้นที่ทางเหนือของอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์ แต่มันยังทำให้โรแลนด์เข้าใจสถานการณ์อพยพอย่างคร่าวๆ ด้วย
ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เอดิธส์คาดการณ์เอาไว้ ปีศาจไม่ได้รอให้หมอกแดงแผ่กระจายตัวจนเสร็จสมบูรณ์ก่อนแล้วค่อยบุกอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์ พวกมันใช้ประโยชน์จากท่อส่งหมอกแดงในการร่นระยะเวลา แล้วบุกโจมตีมนุษย์จากทิศทางต่างๆ แถมยังปะทะกับกองทัพที่หนึ่งที่ทำการอพยพชาวบ้านด้วย เห็นได้ชัดว่าพวกมันรอเวลานี้มานานแล้ว
จากรายงานที่ขวานเหล็กได้รับมา ผลจากการสู้กับปีศาจนั้นไม่ค่อยดีสักเท่าไร ในระหว่างที่พาชาวบ้านถอยหนี ทหารหลายหน่วยถูกการโจมตีอย่างกะทันหันของปีศาจเล่นงานจนแตกพ่าย จากการถอยร่นกลายเป็นหลบหนี เหล่าทหารกระจัดกระจายไปคนละทิศละทางเพราะชาวบ้านที่พากันวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้จำนวนผู้บาดเจ็บและล้มตายที่ได้รับการยืนยันนั้นมีจำนวนมากกว่า 300 คน ซึ่งพอๆ กับจำนวนทหารที่บาดเจ็บและล้มตายในศึกลอบโจมตีตอนกลางคืนที่ทาคิลา ส่วนชาวบ้านที่อพยพนั้นบาดเจ็บและล้มตายไปมากกว่าหมื่นคน เรียกได้ว่าเสียหายอย่างหนัก
การเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของศัตรูทำให้ทุกคนรับมือไม่ถูก
การกระจายกำลังของกองทัพที่หนึ่งออกไปนั้นทำให้การอพยพมีประสิทธิภาพที่สูง แต่มันก็เป็นการลดความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาลงด้วย
แต่โชคดีที่โรแลนด์เคยกล่าวกับเหล่าทหารเอาไว้แล้วว่าพวกเขาจะไม่ถูกลงโทษ หากการที่พวกเขาหลบนี้นั้นทำไปเพื่อเอาชีวิตรอด เหล่าทหารที่แตกกระสานซ่านเซ็นไม่มีใครหลบหนีไปแม้แต่คนเดียว พวกเขาพากันทยอยกลับมาที่วูล์ฟฮาร์ทและติดต่อกับทหารที่ประจำการอยู่ที่นั่นใหม่อีกครั้ง
ไม่อย่างนั้นหากเป็นแบบเมื่อก่อนที่พอระบบบัญชาการถูกทำลายลง เหล่าทหารก็พอกันหนีทัพ เกรงว่าหากเป็นแบบนั้นกองทัพทางด้านเหนือของอีเทอร์นอลวินเทอร์คงจะถูกทำลายจนราบคาบไปแล้ว
ทหารที่หนีกลับมาเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะกลายมาเป็นกำลังรบใหม่ได้อย่างรวดเร็ว แต่พวกเขายังนำเอาข้อมูลที่สำคัญอย่างมากกลับมาแจ้งทางกองบัญชาการด้วย
อย่างเช่นจากที่หลายๆ หน่วยรายงานมาก พวกเขาพบเป็นอสูรยักษ์ที่ไม่ได้มีการบันทึกเอาไว้ในคู่มือระหว่างที่ทำการต่อสู้
ทหารหน่วยหนึ่งที่หลบหนีมาจากท่าเรือนอร์ธเทินโมสต์ของอาณาจักรอีเทอร์นอลวินเทอร์บอกว่าตอนที่ปีศาจบุกโจมตี พวกมันได้ส่งอสูรยักษ์แมงมุมแบบใหม่มา ความสามารถป้องกันของมันเหนือกว่าอสูรยักษ์แมงมุมทั้งสองแบบก่อนหน้านี้มาก ปืนครกและกระสุนระเบิดต่อต้านปีศาจยากที่จะหยุดความเคลื่อนไหวของมันได้ มีเพียงปืนใหญ่ป้อม 152 มม. เท่านั้นถึงจะสร้างความเสียหายให้กับพวกมันได้
นอกจากนี้ยังมีอสูรยักษ์อีกสองสามชนิดที่บรรยายแต่รูปร่างเอาไว้ แต่ไม่ทราบว่าความสามารถคืออะไร
การทำสงครามกำลังเร่งให้พวกมันมีความสมบูรณ์แบบเร็วขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อมีข้อมูลเหล่านี้ การประชุมของเจ้าหน้าที่ระดับสูงจึงถูกจัดขึ้นหลายครั้ง เสนาบดีของแต่ละกองต่างก็เห็นด้วยที่จะส่งกองทัพออกไปหยุดทัพศัตรู เพื่อที่จะซื้อเวลาให้กับการอพยพประชากรของทั้งสองอาณาจักร
เพราะตอนนี้การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากรในเนเวอร์วินเทอร์ แรงงานที่เข้ามาในระบบอุตสาหกรรมมีจำนวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทำให้เหล่าเสนาบดีเหล่านี้ได้ประโยชน์ ยกเว้นก็แต่เพียงกองตำรวจและศูนย์รักษาความปลอดภัย
โรแลนด์เองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน แต่เสียดายที่ความสามารถในการขนส่งของเกรย์คาสเซิลนั้นได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว เขาอยากจะส่งคนจำนวนหลายหมื่นคนไปที่วูล์ฟฮาร์ทซะทีเดียว แต่ถ้าขนกระสุนและอาวุธปืนไปไม่ทันมันก็ไม่มีประโยชน์
ด้วยเหตุนี้ถึงแม้จะออกคำสั่งออกไป แต่การจะรวมกำลังพลก็ยังไม่เป็นเรื่องที่ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน มันไม่เหมือนกับตอนที่เดินทางออกไปทำศึกที่ทาคิลา เพราะศึกที่ทาคิลาพวกเขาเคลื่อนพลตามเส้นทางรถไฟไป ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ล้วนแต่มีแบล็คริเวอร์และลีฟคอยให้การสนับสนุนด้านการขนส่งอาวุธและเสบียง แต่ตอนนี้เครื่องมือการขนส่งชนิดใหม่ยังไม่ออกไป ทางกองเสนาธิการสถานใหญ่จึงได้แต่ต้องคิดหาวิธีอื่น
ในรายงานยังมีอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกสนใจ
ที่ทหารหน่วยนั้นหนีออกมาได้สำเร็จเป็นเพราะได้กำลังเสริมจากเรือรบปืนใหญ่ และที่เรือรบโรแลนด์สามารถไปช่วยเหลือได้ทันเวลาก็เป็นเพราะว่าโซอี้กับแครอลยอมเอาแกนเวทมนตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับพวกเธอโยนทิ้งไปก่อนเพื่อช่วยเหลือคนธรรมดา การเปลี่ยนแปลงทางความคิดแบบนี้ทำให้โรแลนด์คิดขึ้นมาได้ว่าบางทีแม่มดโบราณอาจจะทำให้วัตถุโบราณที่สืบทอดมาจากอารยธรรมใต้ดินสามารถแสดงประสิทธิภาพของมันออกมาได้มากขึ้นกว่าเดิม
เขารีบเรียกแม่มดระดับสูงทั้งสามของทาคิลาทันที
ร่างกายที่เต็มไปด้วยหนวดของพาซาร์ อาลิเธียและเซลีนปรากฏขึ้นบนกำแพงในห้องทำงานผ่านทางลำแสงภาพ
โรแลนด์พูดความคิดของตัวเองออกมาทันที
‘พระองค์ทรงหมายความว่า…จะใช้ทัณฑ์สวรรค์เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงพลังงานอย่างหนึ่งเหรอเพคะ’ เซลีนเอ่ยปากพูดเป็นคนแรก
“ไม่ใช่แค่ทัณฑ์สวรรค์ หากแต่เป็นแกนเวทมนตร์ทุกเครื่อง” โรแลนด์พยักหน้า
ขอเพียงปรับโครงสร้างการหมุนของพลังเวทมนตร์ในแกนเวทมนตร์ได้ ตามหลักแล้วมันก็จะสามารถเลียนแบบความสามารถของแม่มดซึ่งมีจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาได้ วัตถุโบราณที่ขุดออกมาซากโบราณสถานของอารยธรรมใต้ดินแบบนี้มีทั้งหมด 4 เครื่อง และเครื่องที่ใหญ่ที่สุดในนั้นก็คือเครื่องที่มีความพิเศษที่สุด การหมุนของพลังเวทมนตร์ของมันมีความซับซ้อนมากที่สุด จากบันทึกที่ถูกแปลออกมาทำให้รู้ว่ามันเป็นอาวุธลับที่อารยธรรมใต้ดินฝากความหวังเอาไว้ แม่มดโบราณเรียกมันว่าทัณฑ์สวรรค์
แต่ว่าการจะเปิดใช้งานทัณฑ์สวรรค์จำเป็นต้องใช้ผู้ถูกเลือก โรแลนด์ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่ดูเหมือนจะมีคุณสมบัติตรงนี้กลับไม่มีพลังเวทมนตร์ ด้วยเหตุนี้มันจึงถูกเก็บเอาไว้ในโถงใต้ดินมาโดยตลอด
ถ้าเปลี่ยนแกนเวทมนตร์มาเปลี่ยนเป็นพลังอื่นที่มีประโยชน์มากกว่า เช่นนี้มันก็ดีกว่าปล่อยมันทิ้งเอาไว้เฉยๆ
ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวก็คือแกนไม่สามารถทำการสร้างเลียนแบบขึ้นมาได้ ถ้าเสียแล้วก็คือเสียเลย สำหรับแม่มดโบราณแล้ว พวกมันคือสาเหตุที่ทำให้ทาคิลากับสตาร์ฟอลแตกหักกัน สมาชิกของสมาพันธ์ต้องสละชีวิตเพื่อมัน พวกมันมีความสำคัญต่อแม่มดโบราณแค่ไหนไม่บอกก็คงจะรู้
ตอนที่ร่วมมือเป็นพันธมิตรกันในตอนแรก โรแลนด์เคยสัญญาเอาไว้ว่าจะไม่บีบบังคับให้อีกฝ่ายมอบแกนเวทมนตร์มาให้เขา ถึงแม้ตอนนี้แม่มดทาคิลาจะประกาศสวามิภักดิ์ต่อเขาแล้ว แต่เขาก็ยังคิดจะใช้วิธีการปรึกษาหารือเพื่อถามอีกฝ่ายว่าเห็นด้วยหรือไม่
อาลิเธียลังเลเล็กน้อย ‘ถ้าเกิดอยู่ในเมืองชายแดนที่สาม ฝ่าบาทจะทรงใช้มันยังไงก็ได้เพคะ…แต่ถ้าขนมันออกไปนอกถ้ำ ถ้าเกิดมันเสียหายขึ้นมาจะทำยังไงล่ะเพคะ?’
แม้แต่อาลิเธียซึ่งปกติจะเป็นคนที่หัวแข็งที่สุดก็ยังไม่พูดปฏิเสธออกมาตรงๆ นี่ทำให้โรแลนด์รู้สึกน่าสนุก เขารีบฉวยโอกาสพูดต่อว่า “การเพิ่มมาตรการป้องกันและการดูแลนั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว ความเสียหายที่เกิดจากปัจจัยภายนอกนั้นเรียกได้ว่าแทบจะไม่มี แต่ถ้าเป็นความเสียหายจากจำนวนครั้งที่ใช้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ถึงยังไงมันก็ดีกว่าปล่อยทิ้งเอาไว้เฉยๆ แบบนี้”
อาลิเธียมองไปทางเซลีน ‘หลังจากเปลี่ยนทัณฑสวรรค์ไปเป็นแกนเวทมนตร์แบบอื่นแล้วต้องใช้เวลานานเท่าไรถึงจะเปลี่ยนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้?’
‘ข้าว่า…น่าจะหลายสิบปี’ เซลีนคำนวณดูคร่าวๆ ‘เพราะว่าการหมุนวนของพลังเวทมนตร์ในแกนของมันซับซ้อนอย่างมาก แล้วยิ่งถ้าเกิดเสียหายล่ะก็ เผลอๆ อาจจะทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ก็ได้ แต่ข้าก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เห็นด้วยกับความคิดของฝ่าบาท…”
‘แต่ว่า….’
‘แบบนั้นอย่างน้อยแกนเวทมนตร์ก็ยังถูกเอาไปใช้ในการกำจัดปีศาจได้’ พาซาร์พูดสำทับ ‘…ตอนนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องตามหาผู้ถูกเลือกแล้ว’
อาลิเธียนิ่งเงียบไปครู่ ‘เอาล่ะ ในเมื่อพวกเจ้าต่างเห็นด้วย อย่างนั้นก็เอาตามนี้แล้วกัน’
มีอยู่ชั่วขณะหนึ่ง โรแลนด์เหมือนจะมองเห็นเซลีนแอบผงกหนวดหลักมาให้เขา ‘เป็นยังไงบ้างเพคะ? วิธีพูดกล่อมของหม่อมฉันใช้ได้ผลใช่ไหมล่ะเพคะ?’
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการ ‘แอบคุยกัน’
เขายังไม่ทันได้คิดว่าจะตอบอะไรกลับไป คำพูดประโยคถัดไปของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นมาในหัวเขาแล้ว ‘ครั้งหน้าให้แม่มดที่เป็นสมาชิกของสถาบันค้นคว้าศาสตร์ลึกลับเข้าไปในโลกแห่งความฝันเยอะหน่อยนะเพคะฝ่าบาท’
รู้สึกเหมือนนี่จะเป็นการติดสินบนนะเนี่ย
โรแลนด์ได้แต่หัวเราะแห้งๆ อยู่ในใจ
‘อย่างนั้น’ เซลีนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมกับปรับน้ำเสียงกลับมาเป็นปกติ ‘อย่างนั้นพระองค์ทรงคิดที่จะเปลี่ยนทัณฑ์สวรรค์ให้กลายเป็นพลังแบบไหนเพคะ?’
เขาเตรียมคำตอบสำหรับคำถามนี้เอาไว้แล้ว “พลังแม่เหล็กของลูน่า คงจะไม่ซับซ้อนเกินไปใช่ไหม?”
เซลีนพูดยิ้มๆ “หม่อมฉันจัดการเองเพคะ ฝ่าบาท”
………………………………………………….