Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1253 ของที่ไม่ได้อยู่ในยุคนี้
“เอ่อ…คุณโรแลนด์” อาจารย์เซี่ยถูมืออยู่ครู่ก่อนจะถามขึ้นมา “ไม่ทราบว่าศูนย์ออกแบบที่ว่ามันเอาไว้ทำอะไรเหรอครับ?”
“ทำทุกอย่างที่ผมต้องการ” โรแลนด์พูดยิ้มๆ “อย่างเช่นตอนนี้ผมอยากจะสร้างรถแทรกเตอร์ขึ้นมาคันหนึ่ง มันต้องใช้งานได้ง่ายและมีความเสถียร แล้วก็ง่ายต่อการสร้าง ขณะเดียวกันก็มีศักยภาพที่ปรับปรุงต่อไปในอนาคตได้”
“รถแทรกเตอร์แบบนี้ ในตลาดน่าจะมีอยู่ไม่น้อยนะครับ…”
“สิ่งที่ผมต้องการมันไม่ใช่แค่นี้ ที่ผมพูดมามันเป็นแค่กรอบแบบคร่าวๆ เท่านั้น” เขาส่ายหัว “อันดับแรกนอกจากเครื่องยนต์แล้ว ชิ้นส่วนทุกอย่างของมันเราต้องผลิตขึ้นมาเอง”
“แบบนั้นต้นทุนมันจะสูงมากนะครับ” อาจารย์เซี่ยพูดอย่างตกใจ
“มันไม่จำเป็นต้องผลิตในปริมาณเยอะ ราคามันพอๆ กับของแฮนด์เมดบางอย่าง ผมมีเพื่อนที่เป็นนักสะสมอยู่สองสามคนที่จะยอมซื้อพวกมันในราคาสูง”
“อย่างนี้นี่เอง…”
“นอกจากนี้ ห้ามใช้เครื่องจักรอัตโนมัติในการผลิต อืม…” โรแลนด์มองไปรอบๆ “พวกเครื่องมือที่วางในอยู่โรงงานตอนนี้เหมาะอย่างมาก พวกอยากจะทราบข้อมูลจำเพาะและกระบวนการผลิตชิ้นส่วนทุกๆ ชิ้น พูดอีกอย่างก็คือศูนย์ออกแบบไม่เพียงแต่จะสร้างมันออกมา แต่ยังต้องวาดแผนผังสายการผลิตทั้งหมดของมันออกมาด้วย”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูลำบากใจของอีกฝ่าย เขาจึงพูดเสริมขึ้นมาอีกประโยคว่า “แน่นอน ผมจะรับสมัครพนักงานใหม่มาช่วยคุณทำงาน คุณแค่สั่งงานให้พวกเขาทำก็พอ”
“อย่างนั้นก็ได้ครับ…ถ้าใช้แค่กระดาษกับปากกาล่ะก็ เกรงว่าคงต้องใช้เวลาครึ่งปีกว่าจะออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้”
“เรื่องสุดท้าย แล้วก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุด” โรแลนด์พูดต่อ “การจะสร้างมันจำเป็นต้องมีความคิดสร้างสรรค์”
อาจารย์เซี่ยงุนงง “คุณหมายความว่ายังไงครับ?”
“ผมจะยกตัวอย่างให้ฟังแล้วกัน อย่างเช่นรถแทรกเตอร์คันนี้ พลังงานที่มันใช้คือพลังงานไอน้ำ — ด้วยเหตุนี้ตามหลักแล้วมันจำเป็นต้องมีเตาเผาขนาดใหญ่ กับช่องสำหรับใส่เชื้อเพลิงและน้ำ แต่ในความเป็นจริงมันกลับไม่มีชิ้นส่วนนี้ คุณจะมองว่าแหล่งกำเนิดพลังงานของมันเป็นเครื่องยนต์นิวเคลียร์ก็ได้ เหมือนกับในหนังอย่างนั้น”
“…..” สีหน้าอีกฝ่ายดูเหม่อลอยเล็กน้อย
“ด้วยเหตุนี้ในตอนที่สร้างรถตัวอย่างขึ้นมา คุณจะต้องทำให้ผลกระทบของชิ้นส่วนที่ ‘ตามทฤษฎีแล้วมีอยู่ แต่ในความเป็นจริงกลับไม่มีอยู่’ ลดลงต่ำที่สุด เช่นนี้เวลาที่ทดลองรถถึงจะทำให้ได้ตัวเลขที่ใกล้เคียงมากที่สุด ผมพูดแบบนี้คุณพอจะเข้าใจไหมครับ?”
“เอ่อ…” อาจารย์ทำหน้าครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ครู่ก่อนจะตอบกลับอย่างระมัดระวังว่า “ความหมายของคุณคือ ผมควรจะออกแบบมันโดยคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในยุคสมัยนี้ใช่ไหมครับ?”
“คำนิยามนี้ได้คะแนนเต็มเลยครับ” โรแลนด์ยิ้ม “ไม่ทราบว่ามีความยากในเรื่องเทคโนโลยีหรือเปล่าครับ?”
“ตามหลักแล้วไม่มีครับ แต่ว่า…” เขาลังเล็กน้อย “บอกตามตรง ถึงแม้จะสร้างมันขึ้นมาได้ แต่เกรงว่ามันคงไม่มีคุณค่าในทางปฏิบัติอะไร”
“ไม่มีนั่นแหละถูกแล้วครับ เพื่อนนักสะสมของผมเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้”
อาจารย์โล่งใจ จากนั้นจึงคำถามขึ้นมาอีกคำถาม “อย่างนั้น…คุณโรแลนด์ ไม่ทราบว่าเงินเดือนของหัวหน้าวิศวกรคือ….”
“ก็สองเท่าของเงินเดือนเกษียณของคุณแล้วกันครับ” โรแลนด์ตอบยิ้มๆ
…..
เมื่อกลับมาที่รถ การ์โดวางแก้วเหล้าลง ก่อนจะยักไหล่ให้เขาแล้วพูดว่า “เป็นยังไงบ้าง พอใจไหมครับ?”
“ไม่เลวเลยครับ ไม่ทราบว่าค่าใช้จ่ายของโรงงานนี่คิดยังไงเหรอครับ…” โรแลนด์แสร้งทำเป็นพูดอย่างเกรงใจ
“เรื่องรายละเอียดพวกนี้ยังไม่ต้องไปพูดถึงมันหรอกครับ สำหรับกลุ่มทุนโคลฟเวอร์แล้ว การที่ได้ช่วยสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ถือเป็นเกียรติอย่างหนึ่งครับ” การ์โดโบกมือ “อีกเดี๋ยวผมจะติดต่อทางนั้นเพื่อคุยเรื่องโรงงานนี้ให้ นับจากวันนี้ไป คุณคือเจ้าของคนใหม่ของพวกเขาแล้วครับ”
การเก็บโรงงานที่แห่งหนึ่งที่กำลังจะโดนรื้อถอนเอาไว้นั้นไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไร ส่วนทรัพย์สินคงที่อื่นๆ อย่างเช่นที่ดิน โรงงานนั้นยังคงเป็นของกลุ่มทุนโคลฟเวอร์อยู่ ส่วนสิ่งที่พวกเขาต้องจ่ายนั้นก็มีแค่เงินเดือนของคนงานบางส่วนกับเครื่องจักรที่รอเอาไปทิ้งอีกสองสามเครื่อง การที่ใช้ของพวกเท่านี้มาซื้อใจเมืองปริซึมนั้นเรียกได้ว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าอย่างมาก
ถ้าโรแลนด์ทำเรื่องเหล่านี้เพียงคนเดียว เกรงว่าอย่างน้อยก็ต้องจ่ายเงินเป็นสิบล้าน เผลอๆ จ่ายแล้วก็อาจจะทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ โรแลนด์ก็ไม่อยากจะปล่อยโอกาสให้ผ่านไปแม้แต่นิดเดียว
“แบบนี้จะดีจริงๆ เหรอครับ? ผมว่าคิดๆ ดูแล้ว ถ้าอยากจะให้โรงงานกลับมาดำเนินการได้อย่างปกติ อย่างน้อยๆ ก็ต้องจ้างคนมาอีกกลุ่มหนึ่ง แถมถ้าจะทำให้พวกเขามีความกระตือรือร้นในการทำงาน ก็ต้องมีการวางระบบให้รางวัลและการลงโทษขึ้นมา สิ่งเหล่านี้ต้องการค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ”
“เอ่อ…” การ์โดครุ่นคิดอยู่ครู่ “เดี๋ยวผมส่งเจ้าหน้าที่ทางการเงินมาให้คุณคนหนึ่งแล้วกัน ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมก็แจ้งกับเธอได้เลย แต่ว่าคุณโรแลนด์ ถ้ามันมากเกินไปก็ไม่ได้นะครับ คุณก็รู้ว่ากลุ่มทุนโคลฟเวอร์…”
“ไม่ใช่คุณคนเดียวที่มีสิทธิ์ในการตัดสินใจ วางใจได้ครับ ผมไม่ทำให้คุณลำบากใจหรอกครับ” เห็นได้ชัดว่าการที่ส่งเจ้าหน้าที่ทางการเงินมานั้นก็เพื่อป้องกันความเสี่ยงไม่ให้เขาผลาญเงินตัวเองเยอะเกินไป โรแลนด์ยิ้มๆ แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นมา “เรื่องนี้ต้องขอบคุณคุณจริงๆ ครับ”
“เรื่องเล็กน้อยครับ”
ทั้งสองคนดื่มเหล้าจนหมดแก้ว
หลังจากนั้นสามวัน โรงงานเครื่องจักรทางการเกษตรก็เปลี่ยนชื่อเป็นศูนย์ออกแบบเกรย์คาสเซิล ถึงแม้ภายนอกมันจะยังดูเก่าอยู่ แต่ภายใต้ความเย้ายวนของเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น ภายในโรงงานจึงเริ่มคึกคักขึ้นมา
…..
หลังจัดการเรื่องราวเสร็จเรียบร้อย โรแลนด์พลันรู้สึกความหนักอึ้งบนบ่าผ่อนคลายลงทันที แม้แต่ฝีเท้าเวลาที่เดินไปทำงานในวันถัดมาก็เบาขึ้นไม่น้อย เมื่อคิดถึงว่าหลังจากนี้เขายังสามารถขยายขนาดของศูนย์ออกแบบเกรย์คาสเซิลให้ใหญ่ขึ้นไปอีก เขาก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นแบบนี้ต่อไป อันนาก็ไม่จำเป็นต้องทำงานถึงดึกๆ ดื่นๆ ทุกคืน เธอสามารถเอาเวลาไปสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่เธอชื่นชอบได้ เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
บางทีคนงานเหล่านั้นอาจจะไม่รู้เลยว่าแบบแปลนที่พวกเขาสร้างขึ้นมาจะสามารถทำให้มันเป็นจริงได้ในอีกโลกหนึ่ง แล้วก็ใช้มันต่อสู้กับปีศาจในมุมหนึ่งของพื้นทวีปอันกว้างใหญ่เพื่อทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่รอดสืบต่อไป
“พระองค์กำลังยิ้มอะไรเพคะ ฝ่าบาท…” ไนติงเกลมาปรากฏตรงหน้าเขาพร้อมกับสายตาดูถูก “เมื่อคืนฝันดีขนาดนั้นเลยเหรอเพคะ? คงไม่ใช่ว่าพระองค์ทรงไปทำเรื่องอะไรที่ไม่ควรทำในโลกแห่งความฝันมานะเพคะ?”
“ที่ไหนกันล่ะ…ข้าเป็นคนแบบนั้นเหรอไง?”
ไนติงเกลเบะปาก “ความจริงถ้ามีมันก็เป็นเรื่องปกติเพคะ หม่อมฉันได้ยินฟิลลิสบอกว่าแม่มดโบราณไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้มากนัก พวกนางมองว่ามันไม่ได้ต่างอะไรกับการกินข้าวนอนหลับเลย”
“….นางพูดแบบนี้จริงๆ เหรอ?”
“เปล่าเพคะ หม่อมฉันหลอก” ไนติงเกลหรี่ตามองดูเขา “อย่าบอกนะเพคะว่าเมื่อครู่พระองค์กำลังคิดเรื่องนี้อยู่?”
รู้สึกเหมือนว่านี่เป็นกับดักเลย
“ข้าพูดได้แค่ว่าเจ้าคิดมากเกินไปแล้ว” โรแลนด์ถลึงตาใส่เธอ “ที่ข้ามีความสุขขนาดนี้ก็เป็นเพราะข้าแก้ปัญหาสำคัญเรื่องหนึ่งได้ ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าซี้ซั้วเดานั่นซักหน่อย”
“อื้อ ระดับความจริงใจ 95% ถือว่าเป็นเรื่องจริงแล้วกันเพคะ” ไนติงเกลพูดพร้อมผายมือ
“ตอนนี้ระบุออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ได้เลยเหรอ?”
“อื้อ น่าจะเป็นเพราะใช้บ่อยๆ ก็เลยรู้สึกรับรู้ได้ไวขึ้นกว่าแต่ก่อนเพคะ”
“แล้วอีก 5% มันหายไปไหนอะ? บอกไว้ก่อนนะ ข้าไม่ได้โกหกเลย”
“บางทีอาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของพระองค์อาจจะรู้สึกประหม่าอยู่ก็เป็นได้เพคะ” ไนติงเกลยิ้มมุมปากขึ้นมา
เอ่อ…โรแลนด์พูดไม่ออกไปทันที เขารู้สึกว่าถ้าขืนพูดต่อไปคงต้องตกหลุมพรางอีกฝ่ายแน่ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่ไม่พูด
“ใช่แล้วเพคะ” ไนติงเกลคาบปลาแห้งเอาไว้ในปากก่อนจะพูดออกมา “ช่วงนี้พระองค์ไม่ดูพระจันทร์สีแดงแล้วเหรอเพคะ”
“นั่นสิ…” ตอนนี้โรแลนด์ถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่ได้เงยหน้ามองดูท้องฟ้ามาเป็นเวลานานแล้ว วงกลมสีแดงดวงนั้นยังคงลอยอยู่นอกหน้าต่าง ไม่ว่าจะเงยหน้าขึ้นไปเมื่อไร มันก็จะอยู่ตำแหน่งเดิมทุกครั้ง “น่าจะเป็นเพราะรู้ว่ามันเป็นแค่รูเปล่าๆ รูหนึ่งเท่านั้นล่ะมั้ง”
ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้นมา
เป็นสายจากสำนักงานเมือง
“บารอฟเหรอ? มีเรื่องอะไร?” โรแลนด์ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา
“ฝ่าบาท ประชากรเพิ่มอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่คาดการณ์เอาไว้พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าสำนักงานเมืองร้องเรียน “หากเป็นแบบนี้ต่อไป เงินในคลังจะหมดลงในไม่ช้าพ่ะย่ะค่ะ!”
……………………………………………………..