Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1254 ปฏิรูปเงินตรา
โรแลนด์เดินผ่านประตูที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนาเป็นจำนวนหลายชั้นเข้าไปในคลังเก็บเงินที่อยู่ในเขตปราสาท
ในสมัยที่ยังเป็นเมืองชายแดนอยู่ เงินทั้งหมดรวมกันแล้วพอที่จะใส่หีบได้แค่ไม่กี่หีบเท่านั้น ห้องใต้ดินในปราสาทเพียงพอที่จะใส่เงินที่จะใช้บริหารเมืองเล็กๆ ทั้งหมด แต่หลังจากที่ขายเครื่องจักรไอน้ำกับสินค้าที่ใช้พลังเวทมนตร์สร้างขึ้นมา รายได้ของเมืองก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นตัวเลขที่น่าตกใจในเวลาไม่นาน
เมื่อดินแดนใหญ่ขึ้นค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นตาม เพื่อให้ทางสำนักบริหารสามารถหยิบเงินไปใช้ได้อย่างสะดวก เขาจึงสั่งให้คนสร้างคลังสำหรับเก็บเงินขึ้นมาตรงตำแหน่งตรงกลางระหว่างปราสาทกับสำนักบริหาร ถึงแม้การป้องกันจะแน่นหนา แต่ขอเพียงทำตามขั้นตอนทุกอย่างได้อย่างถูกต้อง หัวหน้ากองอื่นๆ ก็สามารถเข้าไปหยิบเงินในคลังเก็บเงินได้ ในตอนนั้นเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างร้อนแรง เพราะว่าขุนนางที่เอา ‘เงินของตัวเอง’ ทั้งหมดออกมาก่อสร้างดินแดนนั้นแทบจะไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ปล่อยให้คนอื่นเข้าไปในคลังเก็บเงินของตัวเองเลย
เพียงแต่ในตอนนั้นนอกจากบารอฟแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วโรแลนด์ไม่ได้สนใจเงินเหรียญเหล่านี้เลย เงินจะมีอยู่น้อยหรือมากไม่สำคัญ ขอเพียงมันจำนวนพอสำหรับการพัฒนาของเมืองก็พอ เมื่อผ่านไปนานวันเข้า รายได้ของเมืองเนเวอร์วินเทอร์มีมากกว่ารายจ่าย เขาเองก็ไม่ได้รับรายงานเรื่องเงินเก็บขาดแคลนมานานแล้ว
“ฝ่าบาท” บารอฟที่คอยอยู่ในคลังเก็บเงินเดินเข้ามาถวายบังคม “พระองค์ทอดพระเนตรสิพ่ะย่ะค่ะ…เงินของพวกเราในตอนนี้เหมือนเพียงแค่ 12 หีบสุดท้ายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ปกติแล้ว เงินหีบหนึ่งจะมีประมาณ 2,000 เหรียญทอง รวมแล้วก็จะได้ประมาณ 20,000 เหรียญทอง เทียบกับเมื่อก่อนนี้ที่มีเงินกองอยู่เต็มห้อง ตอนนี้ภายในห้องดูเผินๆ แล้วก็โล่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนพวกเหรียญเงินกับเหรียญทองแดงที่วางกระจัดกระจายอยู่ตรงมุมห้อง ถึงแม้ถ้าเทมากองรวมกันจะกลายเป็นเหมือนภูเขาขนาดย่อมๆ แต่จริงๆ แล้วกลับไม่มีประโยชน์อะไร
“ยังใช้ได้อีกนานเท่าไร?” โรแลนด์ถาม
“จากสถานการณ์ในปัจจุบัน…อย่างมากสองเดือนพ่ะย่ะค่ะ”
“เร็วกว่าที่ข้าคิดไว้ซะอีก” เขาเลิกคิ้ว “ส่วนใหญ่ใช้จ่ายเงินเดือนไปใช่ไหม?”
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของรายจ่ายทั้งหมด ประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่าใช้จ่ายของทีมก่อสร้างและทีมหลอมเหล็กนั้นเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมากที่สุด นอกจากนี้ทุกๆ เดือนพวกเราต้องจ่ายค่าเช่าเรือที่พระองค์ทรงเช่ามาจากฟยอร์ดประมาณ 4 – 5 พันเหรียญทอง ถ้าเราหยุดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ สำนักบริหารก็จะมีเงินให้พอใช้ไปจนถึงการนัดชำระของหอการค้าร่วมครั้งหน้าพ่ะย่ะค่ะ”
“ห้ามหยุดขนคน” โรแลนด์พูดตัดบทหัวหน้าสำนักบริหาร
“อย่างนั้น…” บารอฟถูมือ “กระหม่อมจำที่พระองค์เคยตรัสเอาไว้ในที่ประชุมครั้งก่อนว่าพระองค์ทรงมีวิธีที่จะแก้ไขปัญญานี้ไปตลอดกาล….ไม่ทราบว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ?”
“ที่แท้เจ้าก็ยังไม่ลืมเหรอเนี่ย?” โรแลนด์ยิ้มขึ้นมา ก่อนจะมองดูคลังเก็บเงินอีกรอบ น่าจะเป็นเพราะเขาคิดอยู่แล้วว่าสักวันวันนี้ก็ต้องมาถึง เขาจึงสร้างคลังเก็บเงินให้ค่อนข้างกว้าง แถมหน้าต่างยังใส่สะอาด หากเอาราวเหล็กกับของที่ยู่ในห้องออกไป มันก็แทบจะไม่ได้ต่างอะไรกับห้องธรรมดาๆ ทั่วไปเลย ต่อให้อยู่ในนี้นานๆ ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด เอามาใช้เป็นต้องพิมพ์ธนบัตรก็คือว่าไม่เลวทีเดียว “จ่ายเงินเดือนครั้งหน้าเมื่อไร?”
“อีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“เงินพวกนี้เก็บขึ้นมา ตอนนี้อย่าเพิ่งไปใช้มัน” เขาพยักหน้า “แล้วเดี๋ยวเจ้าตามข้าไปที่ห้องทำงาน ข้ามีหน่วยงานใหม่ที่อยากจะตั้งขึ้นมา เรื่องรายละเอียดเดี๋ยวเราไปคุยกันที่นั่น”
ถึงแม้วันนี้มันจะมาถึงเร็วกว่าที่เขาคาดเอาไว้ แต่เมื่อประมาณครึ่งปีก่อน เขาก็ได้เริ่มเตรียมการสำหรับเรื่องนี้แล้ว การจ่ายเงินกระดาษให้กับสโมสรแม่มดกับมนตร์แห่งสลีปปิ้งใช้ถือเป็นการทดสอบอย่างหนึ่ง ถ้าแม้แต่แม่มดมก็ยังไม่สามารถหาช่องโหว่และทำเงินกระดาษลอกเลียนแบบขึ้นมาได้ อย่างนั้นพื้นฐานการใช้เงินกระดาษมาแทนเงินเหรียญก็ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ แล้วก็พร้อมเริ่มใช้จริงได้ทุกเมื่อ
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” บารอฟดูผ่อนคลายขึ้น โรแลนด์มองออกว่าเขากังเวลเรื่องที่เงินจะไม่พอจริงๆ ตอนนี้เหมือนได้รับการยืนยันจากโรแลนด์ คิ้วที่ขมวดอยู่ก็ค่อยๆ คลายลง “ฝ่าบาท แล้วหน่วยงานใหม่นี่มันชื่อว่าอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ธนาคาร” โรแลนด์ตอบ
……
หลังจากนั้น 5 วัน ตรงป้ายประกาศกลางตรงลานเมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็มีประกาศใหม่มาติดเอาไว้ แถมยังได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก ทางสำนักบริหารได้ส่งคนมาป่าวประกาศให้ชาวบ้านฟังอีกครั้ง นี่เป็นภาพที่เห็นได้ยากในตอนที่ระบบการศึกษากลายเป็นที่แพร่หลายแล้ว
ในเกรย์คาสเซิลรายสัปดาห์ก็ขึ้นพาดหัวข่าวเอาไว้อย่างสะดุดตา เนื้อหาในหนังสือพิมพ์นั้นอธิบายถึงเนื้อหาที่อยู่บนประกาศอย่างละเอียด ฝ่าบาททรงต้องการออกสกุลเงินชนิดใหม่มาแทนที่เหรียญทอง เหรียญเงินและเหรียญทองแดง
ทันใดนั้นเอง ทั่วทุกตรอกซอกซอยต่างก็พูดถึงประเด็นนี้
ในโรงแรมที่วิคเตอร์พักอยู่ก็เช่นเดียวกัน
เดิมเขาคิดจะกลับไปยังท่าเรือเคลียร์วอเทอร์หลังจากที่ดูหนังเวทมนตร์จบ แต่คิดไปถึงเลยว่าการปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลันของพระจันทร์สีแดงจะทำให้แผนการของเขาเปลี่ยนไปหมด ความลนลานทำให้ระเบียบต่างๆ เกิดความวุ่นวายขึ้นมา เขาจึงรีบเปลี่ยนแผนการทันทีด้วยการตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่ออีกระยะหนึ่ง นั่นไม่ได้เป็นเพราะเขาจงรักภักดีต่อราชาเกรย์คาสเซิลแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะเขาเชื่อว่าถ้าพระจันทร์สีแดงมันหมายถึงวันสิ้นโลกจริงๆ ที่อื่นๆ ก็คงจะแย่ยิ่งกว่านี้ ในตอนที่หายนะมาถึง สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดบนทวีปก็คงจะเป็นเมืองเนเวอร์วินเทอร์แห่งนี้
หลังจากที่พระราชาและพระราชีนีออกมาปลอบขวัญประชาชน หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารออกมาจับกุมผู้กระทำความผิด ระเบียบของเมืองก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว วิคเตอร์เองก็ถูกเชิญตัวไปสอบสวนในฐานะที่เป็นพยานที่ได้เห็น ‘การเปลี่ยนแปลงของหนังเวทมนตร์’ แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่เขากำลังคิดจะลาจากสาวใช้ผู้อ่อนโยนและเดินทางกลับไปทางใต้นั้น เขาพลันได้ข่าวการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่
และนโยบายใหม่ที่ประกาศออกมาครั้งนี้ก็ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงมากกว่าพระจันทร์สีแดงเสียอีก
เมืองเนเวอร์วินเทอร์จะยกเลิกสกุลเงินที่มนุษย์ใช้กันมานับตั้งแต่ที่ก่อตั้งอาณาจักรขึ้นมา!
ในฐานะที่เป็นพ่อค้า แวบแรกที่วิคเตอร์ได้ยินข่าวนี้ เขาคิดทันทีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เขานึกว่าเป็นข่าวลือมั่วซั่วจากขี้เมาคนไหนซักคนในร้านเหล้า ทั้งสี่อาณาจักรใหญ่ ไปจนดึงดินแดนที่อยู่นอกทะเล สถานที่ที่มีคนอยู่ ไม่มีใครที่จะไม่ชื่นชอบทอง แล้วจะบอกให้พวกเขาหยุดใช้ทองกันง่ายๆ ได้อย่างไร?
แต่จากหนังสือพิมพ์ที่สาวใช้ซื้อกลับมากับสิ่งที่ตัวเองได้ยินได้เห็นมาจากด้านนอกกลับยืนยันถึงความจริงของข่าวนี้
ข้อแรกของการเปลี่ยนแปลงคือ ‘เมืองเนเวอร์วินเทอร์จะออกเงินกระดาษชนิดใหม่มาแทนที่สกุลเงินที่มีอยู่ในตอนนี้ มันมีลักษณะพิเศษของการบังคับใช้ โดยมันจะมีมูลค่าตามจำนวนที่ระบุเอาไว้บนตัวเงิน และไม่ถูกปฏิเสธในการรับเงิน’
นี่หมายความว่าราชาสามารถใช้กระดาษแผ่นเดียวในการซื้อสินค้าทุกอย่างที่พ่อค้าเอามาวางขายในเนเวอร์วินเทอร์ได้ ในอีกแง่หนึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการปล้นเลย
“ตอนที่ข้ากลับมา ข้าเห็นบางคนขนเอาของออกไปจากเมืองแล้วเจ้าค่ะ” ทิงเกิลเอนตัวลงไปบนฟูกก่อนจะพูดเสียงเบาๆ ออกมา น้ำเสียงของเธอแฝงเอาไว้ด้วยความกังวล ไม่รู้ว่าเธอกังวลเรื่องที่เสื้อผ้าของเรนโบว์สโตนจะถูกบังคับซื้อ หรือกังวลว่าเขาจะหนีไปจากที่นี่เหมือนคนอื่นๆ
วิคเตอร์ยิ้มแห้งๆ ขึ้นมา สาวใช้ไม่รู้ว่าความจริงแล้วเขามีความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นอยู่กับราชาแห่งเกรย์คาสเซิล หากไม่มีคุณหนูลีฟผลิตเมล็ดพันธุ์ให้ก็คงจะไม่มีเรนโบว์สโตนเหมือนอย่างทุกวันนี้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ไม่อาจทิ้งกิจการในเนเวอร์วินเทอร์ไปง่ายๆ ได้
ยิ่งไปกว่านั้นจากที่เขารู้จักโรแลนด์ วิมเบิลดัน ช้าเร็วนโยบายนี้จะต้องแพร่กระจายไปทั่วทุกที่ในอาณาจักรอย่างแน่นอน
บวกกับอีกฝ่ายนั้นมีหัวการค้าที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าพ่อค้าของอาณาจักรดอว์นเลย สถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดต้องมาปล้นสินค้าของเหล่าพ่อค้า ดังนั้นนี่จึงไม่น่าจะเป็นความคิดชั่ววูบที่จู่ๆ ก็คิดขึ้นมา เมื่อคิดถึงตรงนี้ วิคเตอร์จึงใจเย็นลงและอ่านต่อไป….
ข้อที่สองและข้อที่สามนั้นล้วนแต่เกี่ยวข้องกับประชาชน
‘เงินเดือนของเมืองเนเวอร์วินเทอร์จะจ่ายในรูปแบบของเงินกระดาษ’
‘สินค้าที่สำนักบริหารและตลาดในเมืองขาย รวมไปถึงเสบียงอาหารและที่พักอาศัยล้วนแต่รับเป็นเงินกระดาษเท่านั้น’
ส่วนข้อที่สี่นั้นเห็นได้ชัดว่าคำนึงถึงปริมาณเงินชนิดใหม่
‘สำนักบริหารจะมีบริการรับแลกเปลี่ยนเงินชนิดใหม่และชนิดเก่าในระยะยาว โดยประชาชนสามารถเอาเหรียญทอง เหรียญเงินและเหรียญทองแดงที่อยู่ในมือมาแลกกับเงินกระดาษในมูลค่าที่เท่าเดิม แล้วก็สามารถใช้เงินกระดาษมาแลกเป็นเงินเหรียญได้ แต่ในตอนที่เอาเงินใหม่มาแลกเป็นเงินเก่า สำนักงานเมืองจะเก็บค่าทำเนียมร้อยละห้า’
วิคเตอร์แอบรู้สึกว่าในข้อนี้เหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งมากกว่านั้นแอบแฝงเอาไว้อยู่…
ข้อกำหนดข้อสุดท้ายเหมือนจะตั้งขึ้นมาเพื่อพ่อค้าที่มาจากนอกเมืองโดยเฉพาะ
‘นอกจากนี้ พ่อค้าที่ได้รับการอนุญาตจากทางสำนักบริหารและพ่อค้าที่ทำธุรกิจอย่างถูกกฎหมายสามารถมารายงานตัวกับทางสำนักบริหารเพื่อขอละเว้นค่าธรรมเนียมในการแลกเปลี่ยนเงินได้’
……………………………………………………………….