Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1258 จำลองการต่อสู้บนท้องฟ้า
อีกด้านหนึ่ง ณ ลานฝึกบินของโรงเรียนอัศวินอากาศเกรย์คาสเซิลเองก็กำลังยุ่งวุ่นวายอยู่เหมือนกัน
เครื่องบินฝึกซ้อมทั้งหมดต่างถูกลากออกมาตั้งเรียนเป็นแถวยาวอยู่ที่ปลายสุดของรันเวย์ นักเรียนอย่างเป็นทางการ 30 กว่าคนกำลังตั้งใจฟังการฝึกสอนขององค์หญิงลำดับที่ห้า ส่วนที่ไกลออกไปกว่านั้นก็คือคนที่สอบไม่ผ่านหรือไม่ก็คนที่เพิ่งเข้ามาให้กำลังนั่งรอดูการฝึกบินอยู่ข้างรันเวย์
“นับแต่วันนี้ไป การฝึกซ้อมของพวกเจ้าจะเข้าสู้การฝึกซ้อมแบบใหม่ทั้งหมด!” ทิลลียืนอยู่หน้ากลุ่มคนที่ตัวสูงกว่าเธอ พร้อมกับเชิดหน้าแล้วพูดเสียงดังว่า “นึกถึงสิ่งที่พวกเจ้าเรียนรู้มาในเวลาเดือนกว่านี้ให้ดี จากนั้นก็ตะโกนบอกข้ามา! แพทเทอร์ เริ่มจากเจ้าก่อน!”
“การบินขึ้นพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง!” นักเรียนที่ถูกเรียกชื่อตอบอย่างตื่นเต้น
“คนต่อไป”
“การบินโฉบพ่ะย่ะค่ะ!”
“หนังเวทมนตร์พ่ะย่ะค่ะ!”
“หืม?”
“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ….” คนตอบรีบพูดแก้ทันที “กระหม่อมหมายถึง…การฝึกเพื่อทนต่อการวิงเวียนพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง!”
“แปลกจริงๆ…” ฟินกิ้นพูดเสียงเบาๆ “องค์หญิงทิลลีเหมือนจะอารมณ์ดีกว่าเมื่อก่อนหรือเปล่า?”
“ใช่เหรอ?” ฮายส์เองก็พูดเสียงเบาๆ เหมือนกัน “แต่ถ้าเจ้าทำผิดอีก พระองค์ไม่มีทางละเว้นโทษให้เจ้าแน่ หรือว่าเจ้าลืมห้องน้ำที่พวกเราเพิ่งล้างมาเดือนนึงแล้วเหรอไง?”
“ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น” ฟินกิ้นมองไปทางกู๊ด “เจ้าคิดว่าไง?”
กู๊ดพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าเองก็รู้สึกเหมือนกัน” ก่อนหน้านี้เขารู้สึกมาตลอดเวลาองค์เหมือนจะอยู่ในสภาพร้อนใจและวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับการที่นักเรียนอัศวินอากาศทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไร รับสมัครคนมา 200 กว่าคน แต่คนที่ผ่านการสอบนั้นมีแค่ 30 กว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้
ถ้าเพียงแค่เปอร์เซ็นต์ของคนที่ผ่านการสอบมีจำนวนที่น้อยก็ว่าไปอย่าง แต่เครื่องบินที่ทยอยส่งเข้ามาในโรงเก็บเครื่องบิน ตอนนี้กลับเหลือใช้ได้เพียงแค่ 6 ลำเท่านั้น เครื่องลำอื่นๆ ล้วนแต่เสียหายในตอนที่กำลังทำการฝึกบิน ได้ยินครูฝึกอีเกิลเฟซบอกว่า ราคาเครื่องบินลำหนึ่งนั้นแพงกว่าเรือเดินทะเลเสียอีก จู่ๆ เงินหลายพันเหรียญทองก็หายวับไปกับตา ไม่ว่าใครก็คงรู้สึกไม่ดีทั้งนั้น….
แต่ว่าในช่วงนี้เหมือนจะมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป การสอนขององค์หญิงยังคงเข้มงวดอย่างมาก แต่คิ้วกลับไม่ค่อยขมวดเหมือนอย่างเหมือนก่อนแล้ว
เครื่องบินที่พวกเขาทำตกในช่วงนี้…ก็ไม่ได้ลดน้อยลงนี่นา?
“ฟินกิ้น ตาเจ้าแล้ว” คนที่อยู่รอบๆ พูดเตือน
ฟินกิ้นรีบยืนตัวตรง “ระเบียบวินัยพ่ะย่ะค่ะ! องค์หญิง กระหม่อมได้เรียนรู้เรื่องระเบียบวินัยพ่ะย่ะค่ะ!”
“แล้วก็ความรับผิดชอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” ฮายส์ตะโกนตามขึ้นมา
ในกลุ่มนักเรียนมีเสียงหัวเราะเบาๆ ขึ้นมา
“จุ๊ๆ ข้าเคยบอกแล้วไง น่าจะเอาเจ้าพวกนี้ไปฝึกในค่ายทหารซักเดือนสองเดือนแล้วค่อยเอามาเรียนที่นี่”
“พวกชาวบ้านก็ยังงี้แหละ ทนหน่อย”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดพวกนี้เป็นคำพูดของนักเรียนที่ถูกคัดเลือกออกมาจากกองทัพ หลังจากที่ถูกลงโทษให้ล้างห้องน้ำเป็นเวลาหนึ่งเดือน เรื่องราวของพวกเขาก็กลายเป็นเรื่องที่รู้กันไปทั่วทั้งโรงเรียน แต่พวกนักเรียนที่เคยเป็นชาวบ้านมาก่อนอย่างมากก็แค่หัวเราะนิดหน่อย คนที่ดูถูกพวกเขาแล้วก็อยากจะให้พวกเขาถูกจับส่งไปทำงานที่เหมืองก็มีแต่คนของกองทัพที่หนึ่งเท่านั้น
ทิลลีไม่ได้พูดอะไรมาก “คนต่อไป”
กู๊ดโยนความคิดฟุ้งซ่ายทิ้งไป ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “รักอย่างลึกซึ้งพ่ะย่ะค่ะ”
ภายในกลุ่มนักเรียนมีเสียงพูดซุบซิบดังขึ้นมา
“อะไรของมันเนี่ย?”
“สงสัยจะคิดคำอื่นไม่ออกล่ะมั้ง…”
เดิมเขาคิดว่าองค์หญิงจะถามเขาอย่างไม่พอใจ แต่สายตาอีกฝ่ายกลับหยุดอยู่ที่เขาเพียงเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหานักเรียนคนต่อไป
กระทั่งทุกคนต่างตอบคำถามเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทิลลีจึงพยักหน้า “พวกเจ้าเพิ่งจะหัดบินได้ไม่นาน แต่สิ่งที่ได้เรียนรู้ไปนั้นมีไม่น้อยแน่นอน! ตอนนี้พวกเจ้าต้องเอาทุกอย่างที่ได้เรียนรู้มาหลอมรวมเข้าด้วยกันแล้วใช้ในการฝึกซ้อมหลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคนิคหรือว่าจิตใจที่มุ่งมั่น!”
“พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง!” ทุกคนยืดตัวตรง
“พวกเจ้าจะถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม แต่ละกลุ่มมีสามทีม จากนั้นจะทำการจำลองการต่อสู้ขึ้นมา! กฎนั้นง่ายมาก ขอเพียงพวกเจ้าเล็งเป้าอีกฝ่ายค้างไว้ได้ 10 วินาทีโดยไม่ถูกอีกฝ่ายสลัดทิ้ง ก็จะถือว่ายิงอีกฝ่ายร่วงได้สำเร็จ ที่ผ่านมาพวกเจ้าได้แต่ฝึกซ้อมยิงเป้านิ่งอยู่บนพื้น แต่ครั้งนี้ พวกเจ้าจะได้สัมผัสดูว่าการต่อสู้บนอากาศจริงๆ มันเป็นอย่างไร!”
ทุกคนตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“องค์ องค์หญิง!” นักเรียนคนหนึ่งรีบยกมือขึ้นมาทันที
“ว่ามา”
“ในปืน…ไม่มีกระสุนใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
“เจ้าโง่” ฟินกิ้นหัวเราะเยาะเบาๆ
“แน่นอนว่าไม่มี” ทิลลีส่ายหัว “พูดให้ถูกคือแม้แต่ปืนก็ไม่มี…ที่ติดอยู่ตรงหัวเครื่องบินกับตัวเครื่องบินนั้นเป็นแค่ปืนจำลอง พวกเจ้าไม่ต้องกลัวว่าจะตื่นเต้นจนเผลอเหนี่ยวไกยิงเพื่อนพวกเจ้าร่วงลงมาจริง”
ทุกคนหัวเราะขึ้นมา
“อีกอย่าง การยิงในระหว่างที่ิบินอยู่นั้นซับซ้อนมากกว่าการจำลองยิงบนพื้น แล้วก็ไม่ใช่ว่าเป้าหมายอยู่ในเป้าแล้วจะยิงถูก ดังนั้นต่อให้มีกระสุนจริงๆ พวกเจ้าก็คงจะยิงถูกแต่อากาศ” เธอยักไหล่ “ยังมีคำถามไหม?”
องค์หญิงทรงมีอะไรที่เปลี่ยนไปจริงๆ ด้วย กู๊ดแอบคิดในใจ ถ้าเป็นองค์หญิงเมื่อก่อนนี้ล่ะก็ พระองค์ไม่มีทางที่จะทำสีหน้าสบายๆ แบบนี้แน่
“กระหม่อมๆๆ…” ฟินกิ้นยกมือ กระทั่งได้รับอนุญาตแล้ว เขาจึงเหลือบมองดูพวกนักเรียนจากกองทัพที่หนึ่งนั่นเล็กน้อย “องค์หญิง แล้วพวกเราจะรู้ได้ยังไงว่าเราชนะพ่ะย่ะค่ะ? ต่อให้กระหม่อมไล่กัดอีกฝ่ายจนอีกฝ่ายโจมตีกลับไม่ได้ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะยอมแพ้นะพ่ะย่ะค่ะ”
ถึงแม้นักเรียนอัศวินอากาศจะยังไม่เคยสัมผัสกับการสู้บนอากาศ แต่พวกเขาก็เคยเรียนแนวคิดที่เป็นพื้นฐานจากในห้องเรียน หากอัศวินอากาศอยากจะเอาชนะศัตรู พวกเขาก็ต้องพยายามเอาหัวเครื่องบินเล็งไปที่ศัตรู ขั้นตอนนี้จะถูกเรียกว่า ‘กัด’ ที่นั่งด้านหลังนั้นก็มีปืนกลติดอยู่ แต่มุมยิงมีจำกัด ส่วนใหญ่จะใช้ในการยิงสนับสนุนกับการยิงสกัดศัตรูเวลาศัตรูไล่ตาม
“ในจุดนี้ข้าจะเป็นคนตัดสินเอง” ทิลลีจูงมือแม่มดสองคนที่อยู่ข้างเธอขึ้นมา “พวกนางคือแขกพิเศษที่ข้าเชิญมา ทุกๆ การเคลื่อนไหวของพวกเจ้าจะอยู่ในสายตาข้า อย่าคิดล่ะว่าจะหลุดรอดไปได้”
“….นั่นมันท่านซิลเวีย”
“อีกคนเหมือนจะเป็นผู้ดูแลของมนตร์แห่งสลีปปิ้ง…” กู๊ดได้ยินเสียงพูดเบาๆ ของนักเรียนจากกองทัพที่หนึ่งดังมาจากด้านหลัง
“ส่วนคนที่คอยดูอยู่ทางนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะนั่งดูอยู่เฉยๆ” องค์หญิงพูดต่อว่า “มองเห็นธงสองสีที่อยู่ในมือพวกเขาไหม? ถ้ามองลงมาจากบนท้องฟ้า แถมของพวกเขาจะเรียงเป็นตัวเลขหกตัว หลังจากพวกเจ้าขึ้นบินไปแล้ว ธงสีเขียวจะหมายถึงปกติ ธงสีแดงจะหมายถึงถูกยิงตก เมื่อไรที่เห็นหมายเลขของตัวเองเป็นสีแดงก็ให้ถอยออกมาจากพื้นที่รบกลับมาที่ลานบิน เข้าใจไหม?”
“เข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”
“ดีมาก ข้าจะแบ่งทีมเดี๋ยวนี้แหละ”
ที่น่าแปลกก็คือ ทีมไม่ได้แบ่งตามลำดับของนักเรียน หากแต่มีรายชื่อทื่ทำขึ้นมาเป็นเฉพาะแผ่นหนึ่ง สุดท้ายกู๊ดกับฟินกิ้นถูกแบ่งอยู่ในทีมเดียวกัน โดยพวกเขาอยู่ทีมหมายเลข 2
“นี่คือคนกลุ่มแรกที่จะได้ขึ้นเครื่องฝึกซ้อม ใครจะเป็นคนขับใครจะเป็นคนยิงพวกเจ้าเป็นคนตัดสินใจ หลังจากนี้ 15 นาที ทีมที่ 1 – 3 บินขึ้นไปก่อน แล้วก็ห้ามไม่ให้บินวนอยู่เหนือลานบิน ส่วนอีกสามทีมที่เหลือค่อยบินตามขึ้นไปหลังจากนั้น 5 นาที หลังจากนั้นการฝึกซ้อมก็จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!” ทิลลีปรบมือ
กู๊ดกำมือแน่นขึ้นมาทันที
เขารู้สึกว่าหน้าอกตัวเองมีเสียงดังตุ๊บๆ ออกมา
“เจ้าสังเกตเห็นหรือเปล่า?” ฟินกิ้นยื่นหน้าเข้ามา
“อื้อ” กู๊ดตอบ กลุ่มหนึ่งกับกลุ่มสองนั้นไม่ใช่ว่าเลือกออกมาตามใจตอบ สามทีมแรกนั้นเป็นนักเรียนชาวบ้านธรรมดาทั้งหมด ส่วนสามทีมหลังนั้นเป็นนักเรียนที่มาจากกองทัพที่หนึ่ง
องค์หญิงคงอยากจะดูล่ะมั่งว่านักเรียนจากฝ่ายไหนกันแน่ที่แข็งแกร่งกว่า!
“หึ อย่างที่ข้าต้องการพอดีเลย” ฟินกิ้นเอามือขยี้จมูก “ข้าทนพวกมันหัวเราะเยาะมานานแล้ว ทำผิดแล้วถูกลงโทษข้ายอมรับได้ แต่ในเมื่อเป็นอัศวินอากาศ สุดท้ายมันก็ต้องตัดสินกันบนท้องฟ้า!”
แต่กู๊ดกลับไม่ได้สนใจว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ เขาหวังเพียงว่าตัวเองจะได้อยู่บนท้องฟ้านานขึ้นอีกหน่อย เพื่อที่จะให้ความสุขของตัวเองคงอยู่ยาวนานขึ้น เขาก้มหน้ามองดูสองมือของตัวเอง มันกำลังสั่นเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังตอบรับเสียงเรียกร้องภายในใจ เมื่อคิดถึงว่าตัวเองจะได้จับคันบังคับ เขาก็รู้สึกได้ถึงเลือดลมที่พลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่างกาย
“ข้าจะขับเครื่องบิน เจ้ายิงให้ดีล่ะ” ฟินกิ้นตบไหล่เขา
“เจ้าก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้” กู๊ดพูดอย่างไม่ลังเล
ทั้งสองคนมองหน้ากันอยู่นาน สุดท้ายฟินกิ้นจึงพูดขึ้นมาอย่างจนปัญหา “ก็ได้ อย่างนั้นกฎเดิม”
วิธีตัดสินที่เรียบง่ายแต่ได้ผลที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนริเริ่มใช้มันขึ้นมา แต่มีคนบอกว่านี่เป็นวิธีที่สโมสรแม่มดนิยมใช้ แล้วก็มีคนบอกว่าฝ่าบาทเป็นคนริเริ่มใช้มันขึ้นมา แต่ไม่ว่ายังไง มันก็ได้ผลจริงๆ นั้นแหละ
“ค้อน กรรไกร กระดาษ!”
“ข้าชนะ” กู๊ดเก็บมือที่กางเป็นกระดาษกลับมา
ฟินกิ้นจ้องมือดูมือที่กำเป็นกำปั้นของตัวเองอยู่ครู่ ก่อนจะพูดงึมงำขึ้นมา “ก็แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ยังไงซะการฝึกซ้อมแบบนี้ก็ยังมีอีกหลายครั้ง”
ทั้งสองคนเดินไปยังที่จอดเครื่องบินปีกสองชั้น ก่อนจะขึ้นเครื่องบินตามหมายเลขทีมของตัวเอง
“พวกเจ้า…สู้ๆ นะ!” ฮายด์ที่อยู่ด้านข้างรันเวย์ตะโกนพร้อมส่งสายตา เขาไม่ได้อยู่ในรายชื่อของคนที่จะได้ขึ้นไปซ้อมสู้รอบแรก ด้วยเหตุนี้เขาจึงมาเป็นกองเชียร์ ส่วนความหมายของสายตาที่เขาส่งมานั้นไม่บอกก็คงจะรู้ว่าหมายถึงอะไร
“เหอะ พวกข้าก็ไม่ได้ฝึกมาเสียของหรอกนะ” ฟินกิ้นดึงแว่นกันลมลงมา ก่อนจะยกหัวแม่มือขึ้นมาสังสัญญาณให้กับเจ้าหน้าที่
บันไดถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อคันโยกถูกหมุนอย่างรวดเร็ว ใบพัดที่อยู่ตรงหัวเครื่องบินก็ส่งเสียงปังๆ พร้อมกับค่อยๆ หมุนขึ้นมา
ในตอนที่เครื่องยนต์ลูกสูบเริ่มทำงานและเชื่อมต่อเข้ากับคันเร่ง กู๊ดพลันรู้สึกว่าเครื่องบินที่อยู่ด้านล่างร่างกายเขาพลันมีชีวิตขึ้นมา
“รันเวย์โล่ง ขึ้นบินได้!” เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินตะโกนบอกพร้อมทำวันทยหัตถ์
เขายกแขนขึ้นมาพร้อมทำวันทยหัตถ์กลับไป “เครื่องหมายเลข 2 ออกตัว!”
เครื่องบินสองปีกสไลด์ตัวไปบนรันเวย์ภายใต้การบังคับของเขา จากนั้นจึงเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าสีน้ำเงิน
………………………………………………………………………