Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1263 งานในอนาคต
“โทษที โทษที ขอทางหน่อย!” แมนเฟลเดินเบียดกลุ่มคนเข้าไป พวกผู้อพยพหันมามองเขาทันที
“เจ้านี่มันเป็นใคร?” ชายคนหนึ่งยืนขวางหน้าเขาไว้ด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์ “ถึงจะทนไม่ไหว ยังไงก็ต้องขอให้ข้าสนุกเสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
คนที่หัวเราะเสียงดังขึ้นมาในตอนแรกก็คือคนๆ นี้ เขาคิดในใจอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนเจ้านี่จะเป็นหัวหน้าของคนพวกนี้สินะ การจะช่วยผู้หญิงหนีไปต่อหน้าคนสิบกว่าคนนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ อีกทั้งตัวเองก็ไม่มีอาวุธอีกด้วย เกรงว่าตัวเองคงต้องล้มเจ้าหัวหน้านี่ก่อน จากนั้นค่อยฉวยโอกาสพาผู้หญิงหนีไป
“ข้าอยากจะมาเตือนพวกเจ้าต่างหาก เมื่อกี้ทางนั้นมีคนไปแจ้งยามชุดดำแล้ว ตอนนี้ถ้าพวกเจ้าไม่หนี อีกเดี๋ยวจะหนีไม่ทันนะ” แมลเฟนกางสองมือออกพร้อมกับแกล้งเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างใจเย็น ขณะเดียวกันก็แอบส่งสายตาให้กับหญิงสาว โดยหวังว่าเธอจะเข้าใจว่าเขาไม่ใช่พวกเดียวกับคนพวกนี้ แต่อีกฝ่ายกลับเบือนหน้าหนีไปเล็กน้อย พร้อมกับทำสีหน้าสับสน
บ้าเอ้ย นางไม่รู้ถึงสถานการณ์ของตัวเองหรือยังไง?
ถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงยัง….ใจเย็นขนาดนี้อีก?
“ยามชุดดำอะไร ก็แค่หน่วยลาดตระเวนไม่ใช่เหรอ?” คนที่เป็นหัวหน้าแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมา “พวกเขาจะช่วยใครมันก็ไม่แน่หรอก เจ้าหนู!”
“ฮ่าๆๆ ดูท่าทางมันแล้วน่าจะเป็นพวกลูกคุณหนูนะเนี่ย”
“แต่สุดท้ายก็ตกอับเหมือนพวกเราไม่ใช่เหรอ?”
“รีบไสหัวไปดีกว่าเจ้าหนู ก่อนที่หัวหน้าเราจะโมโห”
มีเสียงหัวเราะดังถามขึ้นมาทันที แมนเฟลฉวยโอกาสนี้ลงมือทันที เขาเอาไหล่กระแทกเข้าไปที่หน้าอกของคนที่เป็นหัวหน้าที่ไม่ทันได้ระวังตัว จากนั้นจึงยกกำปั้นขึ้นมาต่อยอีกฝ่ายจนล้มลงไปกับพื้น
ต้องยอมรับเลยว่าเมื่อเทียบกับพวกลูกน้องของมิค คินลีย์ที่ได้รับการฝึกมาแล้ว เจ้าพวกนี้รับมือได้ง่ายกว่ามาก ตั้งแต่ที่เขาลงมือจนกระทั่งล้มลงไปกองกับพื้น คนที่เป็นหัวหน้าไม่ทันได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยซ้ำ
ฝูงชนแตกตื่นขึ้นมาทันที
“แม่งเอ้ย เจ้าอยากตายเหรอไง!”
“รีบช่วยหัวหน้าเร็ว!”
แมนเฟลรู้สึกว่ามีคนเตะหลังกับขาของเขาหลายที แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามานั่งสนใจแล้ว เขาวิ่งฝ่ากำปั้นเข้ามาให้ผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะยื่นมือเข้าไป “รีบตามข้ามาเร็ว!”
แต่เรื่องที่เหนือความคาดคิดก็เกิดขึ้น
จริงอยู่ที่หญิงสาวคนนั้นยื่นมือมา แต่เธอกลับไม่ได้วางมือไว้บนฝ่ามือเขา หากแต่คว้าจับข้อมือของเขาไว้ ก่อนจะออกแรงดึงเขาเข้าไปในวงล้อม
“เฮ้ เจ้า…” แมนเฟลกำลังคิดสงสัยว่าอีกฝ่ายเข้าใจอะไรผิดหรือเล่า แต่เขากลับมองเห็นสายฟ้าแลบแปลบๆ ออกมาจากด้านหลังของเธอ
เดี๋ยวๆ…สายฟ้า
ยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไร สายฟ้าเล็กๆ พลันเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ในพริบตา ลำแสงสีน้ำเงินสว่างจ้าขึ้นมาทันที ก่อนจะพุ่งเข้าใส่พวกอันธพาลเหล่านั้นเหมือนกับงู สายฟ้าพุ่งทะลุตัวชายคนหนึ่งไปหาอีกคนหนึ่ง เมื่ออยู่ต่อหน้าสิ่งที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ พวกผู้ร้ายแทบจะตอบโต้อะไรไม่ได้เลย พวกเขาส่งเสียงร้องโหยหวนมาได้หน่อยเดียวก็นอนตัวแข็งไปกับพื้น
“แค่นี้ก็เรียบร้อย” หญิงสาวคนนั้นปัดมือพร้อมกับพูดออกมาอย่างสบายใจ
“เอ่อ…หรือว่าเจ้าคือ..” แมนเฟลตกตะลึง
“ถูกต้อง ข้าคือแม่มด” อีกฝ่ายยอมรับสถานะของตัวเองอย่างเปิดเผย
แต่ว่า…แม่มดควรจะรูปร่างหน้าตาที่สวย ทุกๆ การเคลื่อนไหวล้วนเต็มไปด้วยเสน่ห์ไม่ใช่เหรอ? เขามองดูหญิงสาวอย่างละเอียดอยู่ครู่ แต่ความรู้สึกที่ได้รับกลับมากลับไม่เข้ากับคำนิยามเหล่านี้เลย หน้าตายังไม่ต้องไปพูดถึง แค่บอกว่าหน้าตาดูธรรมดาก็ถือเป็นคำชมแล้ว รูปร่างของเธอเองก็ผอมแห่ง ถ้ามองแค่ด้านหลัง เธอก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเด็กผู้หญิงเลย
“อย่างนั้นพวกเขา…จะทำยังไง?” แมนเฟลชี้ไปยังพวกอันธพาลที่นอนอยู่บนพื้น
“เดี๋่ยวข้าเรียกตำรวจมาจัดการเอง สบายใจได้ ข้าแค่ใช้พลังไปประมาณ 10% เท่านั้น อย่างมากพวกเขาก็แค่สลบไปครึ่งชั่วโมง แต่ว่าเหมืองกับเขตเตาหลอมคงไม่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ ข้าว่าอย่างน้อยๆ พวกเขาก็ต้องอยู่ในนั้นครึ่งเดือนถึงจะออกมาได้”
แมนเฟลพบว่าตัวเองตามคำพูดของอีกฝ่ายไม่ทัน
ทำไมฟังน้ำเสียงของเธอแล้ว เหมือนว่าเรื่องการรังแกเมื่อกี้นี้เป็นแผนที่เธอวางเอาไว้อย่างนั้นแหละ?
“เออใช่ ข้าชื่อชารอน แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไร?” คำถามของหญิงสาวดังแทรกความคิดเขาขึ้นมา
“เอ่อ ข้าชื่อแมนเฟล…”
“เจ้าเป็นคนแรกที่เลยนะที่ยื่นมือเข้ามาช่วย ทำไมล่ะ?”
“ทำไมอะไร” แมนเฟลนวดร่างกายตรงที่โดนเตะ “หยุดเรื่องชั่วร้ายไม่ให้เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ? ข้าแค่คิดไม่ถึงว่าที่จริงแล้วเจ้าไม่ต้องการความช่วยเหลือเลยต่างหาก”
“เรื่องที่สมควรงั้นเหรอ?” ชารอนมุ่ยปาก “ถ้าทุกคนคิดอย่างนั้น พวกที่มาส่งเสียงเฮในตอนแรกก็คงไม่วิ่งหนีหายกันไปหมดแบบนี้หรอก”
“แต่สุดท้ายก็ต้องมีคนที่เข้าใจในเรื่องนี้อยู่ดี” ในหนังสือประวัติศาสตร์ ขุนนางก็ถือกำเนิดขึ้นมาจากคนแบบนี้ พวกเขานำพาระเบียบมาสู่โลกอันวุ่นวาย แล้วก็ฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนามเพื่อเปิดเส้นทางให้ผู้คน
“เจ้าพูดถูก ยังไงก็ต้องมีคนแยกแยะถูกผิดได้อยู่ดี” ชารอนยิ้มขึ้นมา “เจ้าเป็นผู้อพยพที่เพิ่งมาถึงเมืองเนเวอร์วินเทอร์ใช่ไหม? เคยคิดเอาไว้หรือเปล่าว่าต่อไปจะเข้ามาเป็นตำรวจ?”
“เจ้าหมายถึง…กลายเป็นคนชุดดำน่ะเหรอ?”
“ใช่ ต่อสู้กับความชั่ว รักษาระเบียบของสังคม ปกป้องชาวบ้าน นี่คือหน้าที่หลักๆ ของตำรวจ ข้าคิดว่างานนี้เหมาะกับเจ้าอย่างมาก นอกจากนี้พวกเขาก็ไม่ใช่ว่าจะต้องใส่ชุดดำอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นตอนนี้”
“เอ๋?” แมนเฟลงุนงง
“เอาล่ะ ข้าต้องไปรายงานที่สำนักบริหารแล้ว คนดูแลกำลังรอเจ้าอยู่นะ” ชารอนโบกมือ ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในเขตเมือง
“ตอนนี้เจ้ารู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมข้าถึงไม่ให้เจ้าเข้าไป?”
หลังกลับไปรวมกลุ่ม แม็ตก็ยิ้มให้เขา
“นี่…มันเรื่องอะไรกัน?” แมนเฟลทำหน้าไม่เข้าใจ
“วิธีที่ทำให้พวกคนร้ายมันหวาดกลัวน่ะ” แม็ตเดินพร้อมอธิบายไปพลาง “เดิมทีที่อยู่อาศัยชั่วคราวตรงเขตชานเมืองนั้นไม่ได้เละเทะขนาดนี้ อย่างน้อยตอนที่ข้าอยู่ก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่หลังจากที่จำนวนผู้อพยพเพิ่มขึ้นหลายเท่า ความสงบสุขของเมืองก็พลอยลดลงไปด้วย และในบรรดาความผิดทั้งหมด การรังแกผู้หญิงที่อ่อนแอนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด แต่แน่นอนนี่ไม่ได้โทษว่าทุกอย่างเป็นเพราะพวกเจ้า เพราะในนี้ก็มีผู้อพยพมาจากที่ต่างๆ ในเกรย์คาสเซิลเหมือนกัน เนื่องจากคนมีจำนวนมากเกินไป ตำรวจจึงดูแลไม่ทั่วถึง แถมสิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือปกติมักจะต้องเกิดเรื่องขึ้นก่อนถึงจะไปแจ้งความ กว่าตำรวจจะมา คนร้ายก็อาจจะทำความผิดจนยากที่แก้ไขได้ไปแล้ว”
“นี่เป็นเรื่องที่เห็นอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ ถ้าเอาพวกสวะมาอยู่ด้วยกัน ต่อให้เป็นที่ที่ดีแค่ไหนมันก็เน่าเหม็นได้เหมือนกัน” มีคนบ่นขึ้นมา “ข้าว่านะ จริงๆ ราชาแห่งเกรย์คาสเซิลไม่ควรรับพวกไม่รู้หัวนอนปลายเท้าพวกนี้มาเลย”
แม็ตส่ายหัว “ฝ่าบาททรงหวังจะใช้ประโยชน์จากทุกๆ คน โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้าสงครามแห่งโชคชะตา แต่ว่าการทำเช่นนี้ไม่ได้เป็นความคิดของฝ่าบาท หากแต่เป็นความคิดที่พวกแม่มดเป็นคนเสนอมา สำหรับพวกนางแล้ว ทำแบบนี้พวกนางก็จะได้ใช้พลังเวทมนตร์ ได้ฆ่าเวลา แล้วก็ได้รักษาความสงบด้วย เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวเลย”
ฆ่า…ฆ่าเวลา? มุมปากแมนเฟลกระตุกขึ้นมา
“และความจริงมันก็พิสูจน์ให้เห็นว่าวิธีนี้มันได้ผลอย่างมาก พวกคนที่จะทำความผิดจะเกิดความลังเลใจว่าผู้อพยพที่ดูอ่อนแอนั้นเป็นแม่มดหรือเปล่า นี่ทำให้คนพวกนี้ล้มเลิกความคิดที่จะทำชั่วไปได้ บวกกับตำรวจไม่มีทางปล่อยผู้กระทำความผิดไปแม้แต่คนเดียว นี่ก็ยิ่งทำให้คนพวกนี้ต้องคิดหนักถึงผลที่จะตามมา หลังจากที่แม่มดกับตำรวจร่วมมือกัน ความสงบของที่นี่ก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก”
“อย่างนี้นี่เอง…” แมนเฟลเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ดูเหมือนคนชุดดำของเนเวอร์วินเทอร์จะแตกต่างไปจากหน่วยลาดตระเวนในอดีตอย่างสิ้นเชิง ในทางกลับกัน มันกลับคล้ายภาพลักษณ์ของอัศวินที่อยู่ในใจเขา
ถ้าชารอนไม่ได้หลอกเขาล่ะก็ บางทีนี่อาจจะเป็นงานในฝันของเขาเลยก็ได้
หลังไปถึงที่พักชั่วคราวและแบ่งห้องเรียบร้อยแล้ว แม็ตก็บอกลาเขา “พรุ่งนี้ข้าจะมาพาพวกเจ้าไปดูประวัติศาสตร์และจุดเด่นของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ นี่จะช่วยพวกเจ้าในเรื่องการใช้ชีวิตและการปรับตัวหลังจากนี้ นอกจากนี้ ถ้าพวกเจ้ามีคำถามอะไรก็ถามมาได้เลย”
แมนเฟลคิดอย่างจะถามว่าถ้าจะเป็นตำรวจต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง แต่พอคำพูดกำลังจะหลุดออกมาจากปาก มันกลับกลายเป็นอีกประโยคหนึ่ง “ตอนที่มาที่นี่ ข้าเคยเห็นนกเหล็กยักษ์ ไม่รู้ว่าเจ้า….”
“อ้อ ข้าเคยเห็น ถ้าเจ้าอยู่ที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ไปอีกซักพัก เจ้าก็จะรู้เองว่านั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” ไม่ทันรอให้เขาพูดจบ แม็ตก็ตอบยิ้มๆ ออกมา “ตอนที่เห็นมันครั้งแรกก็จะตกตะลึงอยู่บ้าง แต่พอชินแล้วก็จะดีขึ้นเอง ถ้ามีพรสวรรค์มากพอ ไม่แน่เจ้าอาจจะได้ขี่มันขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ได้”
“เจ้าพูด…จริงเหรอ?” แมนเฟลใจเต้นขึ้นมาทันที
“จริงสิ ตอนนี้ตรงกลางลานเมืองยังมีคำสั่งรับสมัครคัดเลือกอัศวินอากาศรอบใหม่ขององค์หญิงแปะอยู่เลย”
……………………………………………………………………..