Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1268 ช่วงเวลาที่มารวมตัวกัน
“แด่สมาชิกใหม่ของพวกเรา หมดแก้ว!”
ในคืนนั้น ตรงลานด้านหน้าตึกแม่มดมีการตั้งโต๊ะยาวขึ้นมา งานเลี้ยงต้อนรับที่คึกคักถูกจัดขึ้น เวนดี้กับบุ๊คเป็นคนนำพี่น้องแม่มดยกแก้วเหล้าขึ้นมา ก่อนจะชูไปทางทั้งสองคน
“หมดแก้ว!” แม่มดคนอื่นๆ ต่างทยอยกันพูดตามขึ้นมา
ไทเลนกับโมโม่ถือแก้วเหล่าเอาไว้ด้วยสีหน้างุนงง
เธอคิดไม่ถึงว่าหลังจากที่ตัวเองได้เข้ามาอยู่ในสโมสรแม่มดแล้ว พวกเธอจะถูกเวนดี้ลากไปอาบน้ำอุ่นที่สบายอย่างมาก จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ แม้แต่เสื้อในรองเท้าถุงเท้าก็เป็นของใหม่ทั้งหมด จากนั้นยังไม่ทันทีที่พวกเธอจะตื่นขึ้นมาจากความตื้นตันใจและความงุนงง พวกเธอก็ถูกลากออกมาที่ด้านหน้าตึกแม่มดอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ บนพื้นสนามหญ้าได้กลายเป็นสภาพเป็นเช่นนี้เรียบร้อยแล้ว
“ตอนนี้แค่ตะโกนออกมาว่าหมดแก้ว จากนั้นก็ดื่มเหล้าในแก้วรวดเดียวให้หมดแบบนี้ก็ใช้ได้แล้ว” โลก้าแสดงตัวอย่างให้ดู “เหมือนที่ข้าทำแบบนี้ อึกๆๆๆ”
“หมด…หมดแก้ว…” ไทเลนรวบรวมความกล้าขึ้นมาพูดตาม จากนั้นจึงหลับตาแล้วยกแก้วไปจรดที่ริมฝีปาก
“อึกๆๆๆ”
กลุ่มแม่มดพากันส่งเสียงปรบมือและผิวปากออกมาทันที
“โลก้ากำลังแข่งกินเหล้าอีกแล้ว” ลิลลี่เบะปาก “ใครบอกล่ะว่าต้องดื่มให้หมดแก้วจริงๆ ข้าว่านางก็แค่อยากจะดื่มมากกว่า”
“นั่นมันเป็นเหล้าขาวสตรอเบอร์รี่ที่อีฟลินบ่มขึ้นมา แต่เธอก็ยังดื่มได้สูสีกับโลก้าเลย ข้าดูถูกนางเกินไป” ลูน่าจุ๊ปาก “คนมีความสามารถแบบนี้จะต้องเข้ามาอยู่ในทีมนักสืบของพวกเราถึงจะถูก”
“แล้วหลังจากนี้ทีมของเจ้าก็จะมีแต่พวกขี้เกียจกับขี้เหล้า ช่างเหมาะกับเจ้าจริงๆ”
“แต่เจ้าก็อยู่ในทีมด้วยนะ!” ลูน่าชี้นิ้วมาที่เธอ
“ข้า เปล่าซักหน่อย! แถมเจ้ายังติดเงินข้าอยู่อีก 10 หยวนนะ!”
“เอ่อ ลืมมันไปเถอะ พวกเราเริ่มใหม่ได้”
“เจ้าออกไปเลย!”
“ฮ่า” หลังไทเลนดื่มเหล้าจนหมดแก้ว เธอพลันรู้สึกว่าการมองเห้นของเธอเหมือนจะเบลอๆ ขึ้นมา เมื่อก่อนเธอถูกบังคับให้ดื่มเหล้าชนิดต่างๆ แต่ก็ไม่มีเหล้าชนิดใหม่ที่จะร้อนแรงเหมือนเหล้าที่เธอดื่มวันนี้ ในตอนที่เหล้าผ่านลงไปในลำคอนั้นไม่ขม หากแต่ให้กับรู้สึกหอมกรุ่นขึ้นมา จนกระทั่งมันลงไปในท้อง เธอถึงได้รู้สึกถึงความเข้มข้นของมันที่เหนือกว่าเหล้าข้าวสาลี
แต่ว่าสิ่งที่แตกต่างมากที่สุดนั้นไม่ได้อยู่ที่เหล้า หากแต่เป็นอารมณ์ของเธอ
เมื่อเห็นหมาป่าสาวเติมเหล้าแก้วที่สองอย่างฮึกเหิม เมื่อเห็นรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นของแม่มดที่อยู่รอบๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ไทเลนรู้สึกว่าที่แท้การกินเหล้านั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ทุกข์ทรมานอะไร มันทำให้เธออยากจะมีความสุขเหมือนกับทุกคน เขาก็ปลดปล่อยอารมณ์ที่เก็บเอาไว้ในใจมาเป็นเวลานานออกมา
ในเวลานี้ หญิงสาวรูปร่าวสูงใหญ่อีกคนหนึ่งถือแก้วเหล้าเดินเข้ามาหาเธอ
“ยินดีต้อนรับสู้เมืองเนเวอร์วินเทอร์ ข้าชื่อแอนนี่ มาจากวูล์ฟฮาร์ทเหมือนกับเจ้า แม้แต่ประสบการณ์ในการตามหาสมาคมบลัดแฟงค์ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเจ้า”
ไทเลนงุนงงไปเล็กน้อย “หรือว่าเจ้าก็ถูกสมาคมบลัดแฟงค์….”
“ถูกต้อง แต่ว่าหนีออกมาได้ระหว่างทาง นอกจากนี้ในเกรย์คาสเซิลก็มีแม่มดที่หนีมาจากวูล์ฟฮาร์ทไม่น้อย อย่างเช่นคนนี้…” อีกฝ่ายลากเอาแม่มดที่ดูเหนียมอายคนหนึ่งออกมา “อีฟฟี่ นางเคยเป็นสมาชิกของสมาคมบลัดแฟงค์ด้วย เพียงแต่ตอนนั้นนางไม่รู้เรื่องที่เฮย์ดี มอร์แกนจับเอาแม่มดไปขาย โชคดีที่ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว”
เป็นเวลาครู่ใหญ่กว่าไทเลนจะรู้เรื่องราวของสมาคมบลัดแฟงค์อย่างคร่าวๆ ที่แท้เฮย์ดี มอร์แกนก็ต้องระเหเร่ร่อนมาอยู่ที่เกรย์คาสเซิลเพราะความปรารถนาส่วนตัวของเธอเหมือนกัน และสมาคมที่เป็นเหมือนฝันร้ายนี้ก็ได้ถูกกำจัดทิ้งไปเมื่อสองปีก่อนแล้ว
เมื่อฟังถึงตรงนี้ เธอพลันรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
ในระหว่างที่หลบหนี ทั้งสองคนเคยฝันนับครั้งไม่ถ้วนว่าพวกเธอถูกสมาคมบลัดแฟงค์จับได้ จากนั้นก็ถูกส่งกลับไปให้ขุนนางใหม่อีกครั้ง แต่ตอนนี้เมื่อได้รู้ว่าสมาคมหนีไม่อยู่อีกแล้ว มันก็เหมือนเป็นการคลายความรู้สึกหนักอึ้งภายในใจเธอ
“ขอโทษด้วยนะ…” อีฟฟี่ก้มหน้า “ถ้าตอนนั้นข้าหยุดเฮยดีได้ บางทีเรื่องพวกนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น….”
“นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า” โมโม่ส่ายหัว “ยิ่งไปกว่านั้น…ต่อให้เจ้าหยุดนางได้ แต่เจ้าก็ไม่มีทางที่จะหยุดขุนนางได้”
“ถูกต้อง มันไม่สำคัญว่าคนที่เป็นหัวหน้าจะเป็นใคร เพราะถ้าไม่มีเฮย์ดีก็ต้องมีคนอื่นเข้ามาทำแทนอยู่ดี” ไทเลนรู้จักกิเลสของคนพวกนั้นดี ขอเพียงได้ลิ้มรสความหอมหวานของมัน พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะล้มเลิกง่ายๆ
“เจ้าดูสิ ข้าบอกแล้วว่าพวกนางไม่มีทางโทษเจ้าหรอก” แอนนี่พูดยิ้มๆ “ในเมื่อมาถึงเมืองเนเวอร์วินเทอร์แล้ว หลังจากนี้ถ้ามีเรื่องอะไรก็มาปรึกษาพวกเราได้ ถ้าแม้แต่คนบื้อๆ อย่างอีฟฟี่ยังอยู่ที่นี่ได้ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าคงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
“เอ้าดื่ม” พอพูดจบเธอก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมา
“หมดแก้ว” ครั้งนี้ ไทเลนพูดได้ลื่นไหลขึ้นเยอะ
“ต่อไปก็ตาข้าล่ะ!” โลก้าตะโกนหน้าแดงขึ้นมา
“ข้าด้วย” ไลต์นิ่งเองก็เข้ามาร่วมวง “ข้าบรรลุนิติภาวะแล้ว ดื่มเหล้าได้!”
“จิ๊บๆๆๆ!”
“เจ้าไม่ได้ นกพิราบดื่มเหล้าไม่ได้”
“จิ๊บ!?”
“เฮ้ พวกเจ้าอย่าเอาแต่ดื่มเหล้าสิ กินอย่างอื่นด้วย”
“นาน่า เจ้ายังไม่บรรลุนิติภาวะ อย่าไปกินกับพวกนางนะ!”
บรรยากาศบนสนามหญ้าพลันคึกคักขึ้นมาทันที
“สโมสรไม่ได้มีสมาชิกใหม่มานานแล้ว ตอนนี้จู่ๆ ก็มีคนมาเพิ่มอีก 2 คน ดูเหมือนทุกคนจะมีความสุขกันมากเลย” บุ๊คที่อยู่ปลายโต๊ะด้านหนึ่งพลันอุทานออกมา
“การพาพวกนางมาดูตึกแม่มดก่อนเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริงๆ ด้วย ข้าเหมือนจะค่อยๆ เข้าใจวิธีของฝ่าบาทแล้ว” เวนดี้พูดยิ้มๆ ขึ้นมา “ต่อให้พวกนางไปติดต่อกับมนตร์แห่งสลีปปิ้งก่อน ข้าก็มั่นใจว่าจะชวนทั้งสองคนเข้ามาสโมสรแม่มดได้ จากคำพูดของฝ่าบาท วิธีนี้เหมือนจะเรียกว่า ลูกปืนใหญ่….อะไรซักอย่างเนี่ยแหละ”
“เจ้าเองก็ชักจะทำเหมือนฝ่าบาทเข้าไปทุกทีแล้วนะ” บุ๊คพูดหยอก “ไหนตอนแรกยังบอกอยู่เลยว่าตัวเองมีความสามารถไม่มากพอ แล้วดูตอนนี้สิ ถึงกับคิดที่จะสู้กับองค์หญิงทิลลีแล้ว”
“ข้าก็แค่ยกตัวอย่างเท่านั้น จะไปเหมือนเจ้าที่ทำอะไรรวดเร็วตั้งแต่สมัยที่อยู่สมาคมแม่มดได้ยังไงล่ะ” เวนดี้เทเครื่องดื่มยุ่งเหยิงแก้วที่สองให้เธอ “แต่จะว่าไป ภาพแบบนี้ดูยังไงก็ไม่เบื่อเลย”
“เสียดายที่พวกเราได้แต่คอยดูอยู่ข้างๆ” บุ๊คยักไหล่
“ก็ไม่เป็นมีอะไรแย่นี่นา ถ้าเป็นไปได้ ข้าอยากจะเฝ้ามองดูพวกนางแบบนี้ไปตลอดเลย” เวนดี้พูดเสียงเบาๆ
บุ๊คไม่ได้พูดอะไรอีก ทั้งสองนิ่งเงียบพร้อมมองดูเหล่าแม่มดที่กำลังพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน อีกด้านหนึ่งก็มีความสุขกับอาหารเลิศรสในงานเลี้ยง สำหรับพวกเธอแล้ว ไม่ใช่ว่าพวกเธอไม่มีอะไรจะพูด หากแต่เป็นความรู้ใจกันที่พวกเธอสะสมมาเป็นเวลานาน
จนกระทั่งมีเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา “เดี๋ยวพองานเลี้ยงจบแล้ว ฝ่าบาทอยากจะเจอแม่มดที่ชื่อโมโม่คนนั้นหน่อย”
ไนติงเกลค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาจากหมอกมายา
เวนดี้รู้ถึงความคิดของโรแลนด์ทันที สีหน้าที่ดูผ่อนคลายในตอนแรกค่อยๆ คร่ำเคร่งขึ้นมา “หรือว่า…”
“พานางไปเถอะ” บุ๊คบอก “นับตั้งแต่ที่เจ้ารายงานเรื่องความสามารถไป เรื่องนี้ยังไงมันก็ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว เพราะความอยากรู้อยากเห็นของฝ่าบาทนั้นมีมากกว่าใครๆ”
เวนดี้นิ่งไปครู่ “ข้าเข้าใจแล้ว”
“ถ้าเจ้าไม่อยากรู้คำตอบก็ออกมาก่อนก็ได้ ข้าเชื่อว่าฝ่าบาททรงต้องเข้าใจแน่นอน” บุ๊คชะงักไปเล็กน้อย “แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร พวกเราก็ยังจะเป็นเหมือนเดิมไม่ใช่เหรอ?”
“…ถูกต้อง” เวนดี้เหมือนพูดซ้ำ แล้วก็เหมือนพูดย้ำชัดกับตัวเอง “ไม่ว่าคำตอบจะออกมาเป็นอย่างไร”
………………………………………………………..