Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1272 ภายใต้เปลวเพลิง
ในตอนที่ได้ยินเสียงระเบิดครั้งแรกดังขึ้นมา ทีมของโจเดลก็พุ่งขึ้นมาจากที่ซ่อนตามคำสั่งทันที
แต่พวกเขาเพิ่งจะวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว ทางด้านเหนือก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง! ความดังของเสียงถึงทำให้ฝุ่นบนซากเมืองฟุ้งกระจายขึ้นมา การสั่นสะเทือนอันรุนแรงเกือบทำให้พวกเขาล้มลงไปกับพื้น
โจเดลพยายามทรงตัวเอาไว้ ก่อนจะมองไปทางเมืองทัสก์อย่างตกใจ เนื่องจากเขาอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่า ดังนั้นเขาจึงมองเห็นแค่เพียงลูกบอลไฟสีเหลืองส้มกับฝุ่นควันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่องเหมือนกับกำปั้นที่เหวี่ยงขึ้นไปบนท้องฟ้า รอบๆ เปลวไฟ หมอกแดงถูกส่องจนสว่างขึ้นมา ขอบฟ้าเหมือนกำลังลุกไหม้อยู่อย่างไรอย่างนั้น
ในดวงตาของชาวทะเลทรายเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว
ภาพเหตุการณ์นี้….เกรงว่าคงได้แต่ต้องใช้คำว่าเพลิงพิโรธของสามเทพมานิยามเท่านั้นแล้ว!
“อย่ากลัว!” โจเดลกัดฟัน ก่อนจะตะโกนเสียงดังขึ้นมาว่า “นั่นเป็นอาวุธที่ชีคใช้สำหรับกำจัดศัตรู! คนที่ควรหวาดกลัวคือปีศาจพวกนั้น!”
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนได้สติกลับคืนมา
“ถูกต้อง นั่นคือเพลิงสวรรค์ของชีค!”
“อย่าหยุด ลุยต่อไปข้างหน้า!”
ทหารที่หยุดชะงักวิ่งไปข้างหน้าใหม่อีกครั้ง ในรอยแตกของกำแพง ช่องหน้าต่าง มุมห้องที่พังลงมา….มีทหารวิ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะเข้าไปรวมกลุ่มกับทหารคนอื่นๆ ไม่นานกองทหารที่ดูกระจัดกระจายพลันกลายเป็นคลื่นมนุษย์พุ่งเข้าไปทางเมืองทัสก์
โจเดลวิ่งนำอยู่หน้าสุด
ถึงแม้เขาจะยอมสยบต่อชีคมานานแล้ว แต่ภายในใจเขาก็ยังคงคิดว่าชาวทะเลทรายนั้นเหมาะกับการต่อสู้มากกว่า โดยเฉพาะนักรบที่อยู่ในโอเอซิสอันยากจนข้นแค้นและต้องต่อสู้กับความตายมาตั้งแต่เด็ก หลังได้รับการฝึกสอนจากไบรอัน เขาก็ใช้ปืนได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนกับมีดดาบ ไม่เพียงแต่จะยิงเป้านิ่งได้อย่างแม่นยำ แม้แต่ตอนที่วิ่งอยู่เขาก็ยังยิงได้อย่างแม่นยำเหมือนกัน
และตอนนี้ก็คือช่วงเวลาที่เขาจะได้พิสูจน์ตัวเอง
เขาไม่เพียงแต่จะวิ่งเข้าไปในเมืองเป็นคนแรก แต่เขายังจะทำผลงานเป็นอันดับหนึ่งของกองทัพด้วย
เขาจะทำให้ชื่อโจเดลของเขาเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งกองทัพ!
แต่ในตอนที่เหล่าทหารวิ่งขึ้นไปบนเนินและกำลังมองเห็นกำแพงเมืองของเมืองทัสก์ คลื่นความร้อนที่น่าหวาดกลัวได้ถาโถมเข้ามา มีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่โจเดลนึกว่าตัวเองได้กลับไปยังดินแดนทางใต้สุดอีกครั้ง แถมยังเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของฤดูร้อนด้วย
อากาศร้อนอย่างรุนแรงได้แผดเผาผิวหนังของเขา ทำให้แม้แต่จะลืมตาก็ยังทำได้ยาก
คนที่อยู่ด้านหลังก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร
เหล่าทหารเหมือนกับชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น ความเร็วในการคืบไปข้างหน้าช้าลงทันที แม้แต่คนของอาณาจักรทางเหนือที่วิ่งไปข้างหน้าก็ยังคงวิ่งถอยกลับมาอย่างทุลักทุเล ก่อนจะหมอบลงไปยังด้านล่างของเนิน คล้ายกับว่าการทำแบบนี้จะช่วยหลบคลื่นความร้อนที่พวยพุ่งออกมาได้อย่างนั้น
โจเดลฝืนเดินต่อไปอีกสิบกว่าก้าว ก่อนจะยิ่งรู้สึกได้ถึงความแปลก
ลูกบอลเพลิงที่ลอยขึ้นไปบนอากาศได้ดับลงไปแล้ว เหลือเพียงแต่กลุ่มควันที่ยังกระจายคละคลุ้งอยู่ หมอกแดงที่เดิมทีปกคลุมพื้นที่ตรงนี้ได้หายไปส่วนหนึ่ง เหมือนกับว่ามันถูกอสูรยักษ์กลืนกินไปอย่างไรอย่างนั้น ส่วนหมอกที่อยู่รอบๆ ก็ไม่ได้ลอยเข้ามาเติมในทันที ทำให้มันกลายเป็นพื้นที่ว่างทรงโค้งขนาดใหญ่
เมื่อมองผ่านประตูเมืองที่เปิดอยู่เข้าไป เขามองเห็นพื้นด้านในเมืองคล้ายว่ากำลังเดือดพล่านอยู่ โครงสร้างของบ้านเรือนดูบิดเบี้ยว โดยเฉพาะบ้านที่ทำขึ้นจากไม้ที่ถูกระเบิดจนพังถล่มลงมา เสาที่ถูกไฟเผาจนไหม้ดำดูแล้วเหมือนกับกรงเล็บของปีศาจที่ยื่นขึ้นมาจากใต้ดิน ส่วนศัตรูเองก็ไม่ได้วิ่งเข้ามาหยุดพวกเขาไว้ แล้วก็ไม่ได้วิ่งแตกตื่นหลบหนีไป ความจริงแล้วเขามองไม่เห็นปีศาจเลยซักตัว
ในขณะเดียวกัน โจเดลก็รู้สึกแน่นหน้าอกและหายใจไม่ค่อยออก คลื่นความร้อนที่ตลบอบอวลอยู่รอบๆ ทำให้เขาไม่กล้าอ้าปากหายใจ ร่างกายเหมือนกำลังต่อต้านการก้าวไปข้างหน้า แต่ละก้าวของเขาล้วนแต่หนักอึ้ง
บ้าเอ้ย…ตัวเองอ่อนแอขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
เห็นๆ อยู่ว่ากำแพงเมืองอยู่ใกล้แค่นี้เอง แต่เขากลับรู้สึกเหมือนร่างกายสูญเสียเรี่ยวแรงไป สายตาเองก็เริ่มพร่ามัว
โจเดลคุกเข่าลง ก่อนจะฟุบลงไปกับพื้น
ภาพสุดท้ายที่เขามองเห็นคือ สีหน้ารังเกียจของฟาร์รีในตอนที่ลากเขา
…..
ผลจากการโจมตีกลับครั้งนี้เหนือไปจากที่ขวานเหล็กและทีมที่ปรึกษาคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง
ในแผนเดิมที่วางเอาไว้ ถังเหล็กที่ถูกตั้งเอาไว้รอบๆ ทางทิศเหนือของเมืองหลวงอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ทจะทำให้พื้นที่นอกเมืองกลายเป็นทะเลเพลิง เปลวไฟที่ลุกโชนไม่เพียงแต่จะกลืนกินบ้านเรือนที่ติดไฟได้ง่ายเหล่านั้น แต่มันยังจะเผาไหม้หมอกแดงที่อยู่ในเมืองและนอกเมืองไปจนหมดด้วย เช่นนี้แล้วเมืองทัสก์ก็จะกลายเป็นเมืองเกาะที่โดดเดี่ยวชั่วคราว และพวกปีศาจที่ไม่ได้พกอุปกรณ์ช่วยหายใจมาก็จะพากันแตกตื่นลนลาน
และสุดท้ายพวกทหารที่ซุ่มโจมตีอยู่ก็จะอาศัยช่วงชุลมุนเข้าไปโจมตีพวกปีศาจ ถึงแม้เขาจะไม่รู้จำนวนที่แน่ชัดของพวกปีศาจ แต่เมื่อดูจากรายงานที่ผ่านมาแล้ว ปีศาจมันมักจะปรับกำลังพลตามจำนวนประชากรที่อยู่ในเมือง หน่วยสอดแนมของพวกศัตรูจะต้องรู้เรื่องที่ประชากรในเมืองทัสก์ถูกอพยพไปจนหมดแน่นอน ด้วยเหตุนี้ช่วง 2 – 3 วันแรกที่หมอกแดงเข้าปกคลุมเมือง ศัตรูที่เข้ามาในเมืองน่าจะมีจำนวนไม่เกิน 500 ตัว พูดอีกอย่างก็คือไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำนวนหรือความน่าเกรงขาม กองทัพที่หนึ่งก็ล้วนแต่เป็นฝ่ายได้เปรียบ
ส่วนสุดท้ายจะกำจัดศัตรูได้กี่ตัว นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญของศึกนี้ เพราะเพื่อที่จะหลบเลี่ยงการสอดแนมของอสูรสยองแล้ว พวกทหารจึงได้แต่ต้องแอบซ่อนตัวอยู่ในซากปรักหักพังกับทางลับ พวกอาวุธหนักก็ล้วนแต่ไม่สามารถขนมาใช้งานได้ อาศัยเพียงแค่ปืนยาวกับกระสุนระเบิดต่อต้านปีศาจในการหยุดปีศาจนั้นไม่ใช่เรื่องยากเท่าไร แต่การจะไปไล่ตามฆ่าศัตรูให้สิ้นซากนั้นเป็นเรื่องยากที่จะทำได้
เป้าหมายสำคัญของศึกนี้คือทำลายความฮึกเหิมในการบุกโจมตีของพวกปีศาจ ขอเพียงทำให้พวกมันรู้ว่ามนุษย์ที่ถอยหนียังคงมีความสามารถในการโจมตีพวกมันกลับอยู่ เช่นนั้นก็จะช่วยลดความกดดันให้กับทหารที่กำลังทำการอพยพพวกชาวบ้านได้
แต่การทำศึกครั้งนี้ดำเนินมาถึงตอน ‘จุดระเบิด’ ก็ต้องหยุดลง
กำแพงไฟไม่ได้ปรากฏขึ้นอย่างที่คิดเอาไว้ หากแต่กลายเป็นระเบิดที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน เปลวเพลิงกวาดเมืองหลวงของวูล์ฟฮาร์ทจนกลายเป็นดินแดนต้องห้าม เหล่าทหารยังไม่ทันจะได้ก้าวข้ามประตูเข้าไปก็ถูกคลื่นความร้อนบีบให้ต้องถอยออกมา แถมยังมีทหารอีกหลายคนที่ถูกความร้อนแผดเผาจนได้รับบาดเจ็บด้วย เห็นได้ชัดว่าการโจมตีหลังจากนั้นไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าการโจมตีของพวกเขาล้มเหลว ขนาดอยู่นอกกำแพงเมืองยังสัมผัสได้อากาศอันร้อนผ่าว แล้วในเมืองจะมีสภาพเป็นอย่างไร ต่อให้เขาหลับตาก็ยังนึกภาพออก
ที่ผ่านมาไม่เคยมีหลักฐานไหนชี้ให้เห็นว่าปีศาจนั้นทนไฟได้มากกว่ามนุษย์
สิ่งเดียวที่ทำให้ขวานเหล็กรู้สึกเสียใจก็คือเขาไม่สามารถลงไปเดินดูในสนามรบว่าผลการโจมตีครั้งนี้เป็นอย่างไรได้ — อุณหภูมิภายในเมืองไม่รู้ว่าจะลดลงเมื่อไร อีกทั้งเขาเองก็ไม่สามารถอยู่ตรงนี้นานได้
“ท่านผบ. ทหารทุกหน่วยต่างถอยออกไปจากปราสาทโบรคเคนทูธแล้วขอรับ ตอนนี้เหลือแค่พวกเราแล้วขอรับ” ไบรอันเดินเข้ามาในห้องบัญชาการชั่วคราว สายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สำหรับเขาซึ่งได้มาเห็นภาพเหตุการณ์นี้โดยที่ไม่เคยได้เห็นการทดสอบอาวุธใหม่แล้ว ภาพเหตุการณ์นี้เรียกได้ว่าเป็นภาพที่เขาต้องจดจำไปชั่วชีวิต
“ดีมาก พวกเราเองก็ถอยกันเถอะ” ขวานเหล็กพยักหน้า “ข้าคิดว่าอีกไม่นาน พวกศัตรูคงจะสังเกตเห็นที่นี่แน่ เอาไว้หน่วยไล่ล่าของพวกมันมาถึงที่นี่เมื่อไร ต่อให้คิดหนีก็คงไม่ทันแล้ว”
…..
และความจริงที่เกิดขึ้นมันก็เป็นเหมือนที่เขาคิดเอาไว้ หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งวัน กองกำลังปีศาจกลุ่มหนึ่งก็ขี่อสูรสยองมาถึงเมืองทัสก์ และผู้นำของมันก็คือสกายลอร์ดเฮคซอร์ด
…………………………………………………………………….