Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1280 ปลอมตัว
ในตอนที่ฟิชบอลเดินข้ามเขามา ทัศนวิสัยเบื้องหน้าเขาพลันเปิดโล่ง
ดอกไม้สีเหลืองส้มบานสะพรั่งไปทั่ว ดูแล้วช่างตัดกับทางเดินระหว่างภูเขาโล่งๆ ก่อนหน้านี้อย่างมาก ในตอนที่ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดมา ทะเลดอกไม้พลันโบกไสวไปตามแรงลม ภาพอันงดงามที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นมามักจะทำให้นักเดินทางที่เหนื่อยล้ารู้สึกผ่อนคลาย
ส่วนตรงกลางทะเลดอกไม้ก็คือเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง แล้วก็เป็นเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ เมืองฟรอสต์
นี่เป็นครั้งที่ 6 ที่เขาเข้ามาในหุบเขา
ถึงแม้ฟิชบอลจะเป็นหัวหน้าหน่วยปืนกลต่อต้านอากาศ แต่เขาก็เป็นทหารคนหนึ่งของกองทัพที่หนึ่งเหมือนกัน เมื่อเบื้องบนออกคำสั่งให้เร่งความเร็วในการอพยพ ทหารหลายๆ คนเหมือนอย่างเขาต่างก็เข้ามาช่วยในภารกิจอพยพนี้ด้วย
ตั้งแต่อพยพมาจนถึงตอนนี้ เขายังไม่เคยเจอปีศาจลอบโจมตีระหว่างทางเลย บางทีอาจเป็นเพราะที่นี่ห่างจากหมอกแดงค่อนข้างไกล หรือไม่ก็ปีศาจมันไม่สนใจผู้อพยพจำนวนแค่นี้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผู้อพยพทุกๆ หนึ่งคนที่พากลับไปยังเมืองเนเวอร์วินเทอร์จะทำให้เมืองเนเวอร์วินเทอร์แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
และตอนนี้เขาก็พาอพยพส่งออกไปเกือบพันคนแล้ว
ตามปกติพวกเขาต้องไปตั้งค่ายอยู่นอกเมือง จากนั้นก็ส่งคนไปคุยกับชาวบ้านที่ยังอยู่ที่นี่ จากนั้นค่อยแบ่งกลุ่มพาพวกเขาออกไป ในตอนที่มาที่นี่ครั้งแรก กองทัพที่หนึ่งเคยเตือนพวกชาวบ้านเอาไว้ว่าทางข้างนอกมีอันตราย อย่าพยายามเดินทางไปทางใต้ด้วยตัวเอง ขอเพียงรออยู่ในเมือง 2 – 3 วัน ทางกองทัพของเกรย์คาสเซิลจะส่งคนมารับพวกเขาออกไป
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเชื่อคำพูดแบบนี้ ความจริงฟิชบอลเองก็เคยเจอผู้อพยพที่อยู่ในสภาพย่ำแย่ระหว่างทางอยู่หลายครั้ง ถ้าไม่กินเสบียงที่มีจนหมดก็ถูกสัตวืป่าไล่ล่าจนหมดทางไป แต่นี่ถือเป็นจุดจบที่ค่อนข้างโชคดีแล้ว เพราะคนที่โชคร้ายกว่านั้นต้องนอนตายอยู่ในหุบเขาโดยไม่มีใครรู้
เพียงแต่ครั้งนี้ฟิชบอลสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่าง
เมื่อมองลงไปจากกลางเนิน ในเมืองฟรอสต์ที่ก่อนหน้านี้มีคนที่เพียงน้อยนิด ตอนนี้กลับมีคนเพิ่มขึ้นมามากกว่าเดิม
“คนอพยพมาจากเมืองไหนเนี่ย?” แฮนซันที่เป็นหน่วยสอดแนมของทีมผิวปากขึ้นมา “แค่สิบกว่าวันก็มีผู้อพยพเยอะขึ้นขนาดนี้ หลังจากนี้พวกเราคงจะยุ่งอีกแล้วสิท่า”
ฟิชบอลเองก็รู้สึกค่อนข้างตื่นเต้นเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เขาเดินทางไปๆ กลับๆ อยู่ 1 – 2 เดือนเพิ่งจะอพยพคนไปได้แค่เกือบพันคน แต่ครั้งนี้แค่รอบเดียวก็ได้ผู้อพยพเกือบพันคน เผลอๆ อาจจะมากกว่าผู้อพยพที่ผ่านมารวมกันด้วยซ้ำ
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าผู้อพยพเหล่านี้ถึงมารวมตัวกันอยู่ในเมืองเล็กๆ ในหุบเขาแห่งนี้แทนที่จะเลือกเส้นทางอื่นที่ดีกว่า แต่ในเมื่อพวกเขามาแล้ว กองทัพที่หนึ่งก็มีหน้าที่พาพวกเขาไปยังที่ๆ ปลอดภัย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฝีเท้าของทุกคนต่างก็ก้าวเร็วขึ้นกว่าเดิม
การเดินลงเนินนั้นสบายกว่าการเดินขึ้นเนิน หลังเดินไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง เหล่าทหารก็มาถึงจุดตั้งค่ายของเมืองฟรอสต์ ผู้อพยพที่อยู่ในเมืองก็สังเกตเห็นพวกเขาเหมือนกัน มีผู้อพยพหลายคนที่โผล่ออกมาจากถนน ก่อนจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงวิ่งมาทางพวกเขา
“พวกเขา…รีบร้อนเกินไปหรือเปล่า” มีคนพูดหยอกขึ้นมา
“เราบอกพวกเขาแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้รออยู่ในเมือง?”
“หรือว่าพวกเขากินเสบียงที่มีจนหมดแล้ว ก็เลยจะมาเอาจากพวกเรา?”
คำพูดนี้ได้รับการเห็นด้วยจากหลายๆ คน
“ถ้าแถวนี้มีเมืองที่พังทลายลงจริงๆ มันก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะพกเสบียงมาไม่พอกิน” ฟิชบอลทำการตัดสินใจออกมาอย่างรวดเร็ว “แต่ถ้าเป็นแบบนี้พวกเราจะนับคนและจัดระเบียบไม่ได้ กันพวกเขาเอาไว้ก่อนดีกว่า มาช่วยข้าตั้งแนวกั้นซักสิบคน ที่เหลือรับผิดชอบเฝ้าระวังพื้นที่รอบๆ เอาไว้”
เขารู้ถึงความน่ากลัวของฝูงคนเวลาที่สูญเสียการควบคุมดี ถ้าไม่สามารถกันผู้อพยพเอาไว้ได้ การมาขอเสบียงจะกลายเป็นการปล้นเสบียงแทน และคนพวกนี้ก็จะไม่ต่างอะไรกับพวกโจรเลย
ในหลายๆ ครั้ง มันมีแค่เส้นบางๆ กั้นอยู่ระหว่างผู้อพยพกับโจรผู้ร้าย
“รับทราบ!”
เหล่าทหารกระจายตัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับหยิบปืนที่สะพายอยู่ด้านหลังมาถือเอาไว้ในมือ
เมื่อระยะห่างของทั้งสองฝั่งใกล้ขึ้น ภาพของผู้อพยพก็ค่อยๆ ชัดขึ้นเรื่อยๆ
ฟิชบอลหยิบเอาเครื่องขยายเสียงขึ้นมาปรับให้ดังที่สุดแล้วตะโกนออกไป “นี่คือทีมช่วยเหลือของเกรย์คาสเซิล ขอทุกคนอย่าได้แตกตื่น หยุดวิ่งแล้วยืนอยู่กับที่เพื่อรอฟังคำสั่งต่อไป พวกเรามีอาหารและยาที่พอเพียง แต่การจะแจกจ่ายก็ต้องขอความรวมมือจากทุกคนด้วย! ย้ำอีกครั้ง หยุดวิ่ง ไม่อย่างนั้นพวกเราจะใช้มาตรการบังคับ!”
กลุ่มผู้อพยพค่อยๆ ชะลอความเร็วลง แต่ไม่นานพวกเขาก็วิ่งขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เหมือนว่าด้านหลังมีอะไรกำลังดันพวกเขาอยู่อย่างนั้น
ฟิชบอลขมวดคิ้วขึ้นมา ก่อนจะสั่งให้เพื่อนทหารเล็งปืนขึ้นไปบนฟ้าเพื่อเตรียมยิงเตือน
ทันใดนั้นเอง แฮนซันพลันส่งเสียงแปลกใจขึ้นมาเบาๆ
“เอ๋?”
“ทำไมเหรอ?” ฟิชบอลถาม
“หัวหน้า พวกเขาเหมือนมีอะไรแปลกๆ…” แฮนซันพูดพร้อมกับส่องกล้องส่องทางไกล “หัวหน้าเคยเห็นผู้อพยพพกม้วนผ้ามาด้วยหรือเปล่า?”
“ม้วนผ้า?” ฟิชบอลรู้สึกประหลาดใจทันที เขารีบแย่งเอากล้องส่องทางไกลมาส่องไปทางกลุ่มผู้อพยพ ในเวลานี้ระยะห่างของทั้งสองฝั่งห่างกันอยู่ 300 เมตร กล้องส่องทางไกลสามารถมองเห็นเสื้อผ้าและสัมภาระของพวกเขาพกมาได้คร่าวๆ เมื่อดูจากการแต่งกายแล้ว พวกเขาคือผู้อพยพจริงๆ แต่มันก็เป็นเหมือนอย่างที่แฮนซันว่าไว้ บนตัวคนส่วนใหญ่จะมีม้วนผ้าสั้นๆ ยาวๆ บางคนก็สะพายเอาไว้ด้านหลัง บางคนก็คาดเอาไว้ที่เอว ไม่ว่าจะดูยังไงมันก็แปลกๆ
ปกติผู้อพยพมักจะขนเอาสิ่งของมีค่าทุกอย่างที่พกมาด้วยได้ก่อนที่จะอพยพ นี่คือเรื่องปกติที่ผู้อพยพมักจะทำกัน กองทัพที่หนึ่งมักจะบอกให้พวกเขาโยนสัมภาระทิ้งได้ แต่พวกสิ่งของที่ไม่ได้กระทบหรือสร้างความลำบากให้กับการอพยพ อย่างเช่นเงิน พวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่งก้าวก่าย ในช่วงสองเดือนมานี้ฟิชบอลเคยเห็น ‘ทรัพย์สิน’ แปลกๆ มาไม่น้อย แต่ม้วนผ้าแบบนี้เขาเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
แต่ยิ่งดูละเอียดมากขึ้น เขาก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ
ผู้อพยพกลุ่มนี้ดูเหมือนจะใส่เสื้อผ้าขาดๆ แต่เท้าของพวกเขากลับใส่รองเท้าอยุู่ ยิ่งไปกว่านั้นเสื้อผ้าขาดๆ ที่ว่าก็ดูไม่เก่าเลย เหมือนว่ามันเพิ่งจะขาดเมื่อไม่นานมานี้
ทั้งสองฝ่ายห่างกัน 200 เมตร
“ปัง”
เพื่อนทหารยิงปืนขึ้นมาเพื่อเตือน
คลื่นมนุษย์แตกกระจายออกทันที ภาพที่ทำให้เลือดในตัวฟิชบอลแข็งตัวพลันปรากฏขึ้นมา น่าจะเป็นเพราะตกใจเสียงปืน ผู้อพยพที่อยู่แถวหน้าต่างเลิกม้วนผ้าออกอย่างลนลาน ซึ่งสิ่งที่อยู่ใต้ม้วนผ้าก็คือปืนยาวแบบที่กองทัพที่หนึ่งใช้!
ความเคลื่อนไหวที่ว่านี้เหมือนกลายเป็นระลอกคลื่นที่กระเพื่อมขึ้นมาในกลุ่มคน ผู้อพยพคนอื่นๆ ต่างพากันทำตาม ม้วนผ้าสั้นๆ ยาวๆ ล้วนแต่ถูกเอามาใช้ซ่อนอาวุธเอาไว้ ทั้งมีดดาบเคียวยาว อะไรที่ควรจะมีก็มีทั้งหมด
เขาเข้าใจในสถานการณ์ทันที นี่คือกับดัก!
“กลับไปที่ค่าย!” ฟิชบอลตะโกนบอกคนอื่นๆ “รีบวิ่งเร็ว!”
ทันใดนั้นเอง อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงปืนดังสนั่นขึ้นมา!
ฟิชบอลได้ยินเสียงกระสุนดังฟิ้วๆ บินผ่านหูของตัวเองไป ทุ่งหญ้าที่อยู่รอบๆ มีเศษดินปลิวว่อนขึ้นมา ทหารคนอื่นๆ อีก 9 คนต่างพากันก้มตัววิ่งไปทางค่าย
พวกเขาเคยตั้งค่ายตรงนั้นมาหลายครั้งแล้ว ถึงแม้จะไม่มีบังเกอร์กับหลุมเพลาะ แต่มันก็มีแนวป้องกันที่ทำจากกระสอบทรายและกระสอบหิน เดิมมันถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเอาไว้ป้องกันการโจมตีของปีศาจ แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นที่ป้องกันเพียงหนึ่งเดียวบนเนินเขาแห่งนี้
ในตอนที่ฟิชบอลปีนข้ามกระสอบทรายไป บนทุ่งหญ้าก็ไม่มีเพื่อนทหารที่ยืนอยู่แล้ว เสียงปืนจากอีกฝั่งดังขึ้นไม่หยุดแล้ว แต่เสียงปืนจากภายในค่ายฟังดูประปรายอย่างมาก เมื่อเทียบกับทหาร 9 คนที่ไปตั้งแนวกั้น เพื่อนทหาร 40 กว่าคนที่ไปรับผิดชอบเรื่องการเฝ้าระวังกลายเป็นเป้าหมายที่ดูสะดุดตามากกว่า เมื่อคิดถึงว่าเพื่อนของเขาอาจจะถูกลอบโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว หัวใจฟิชบอลพลันตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที
เขาดึงแฮนซันมา “เร็ว รีบไปดูคนอื่นๆ หน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง!”
กระทั่งอีกฝ่ายก้มตัวแล้ววิ่งออกไปแล้ว เขาจึงเอาปืนขึ้นมาตั้งแล้วเล็งไปยัง ‘ผู้อพยพ’ ที่กำลังวิ่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง
ไม่…พวกเขาไม่ใช่ผู้อพยพ แต่อาจจะเป็นขุนนางที่สวามิภักดิ์ให้กับปีศาจ!
มีแต่ปีศาจเท่านั้นถึงจะมีอาวุธของกองทัพที่หนึ่งเยอะขนาดนี้!
บ้าเอ้ย ฟิชบอลคิดอย่างเจ็บใจ เขาคิดไม่ถึงเลยว่ามนุษย์ด้วยกันจะใช้ผู้อพยพมาวางหลุมพรางแบบนี้ หรือพวกเขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังช่วยใครอยู่กันแน่?
“หัวหน้า” แฮนซันกลับมาเร็วกว่าที่เขาคิดเอาไว้ “ทุกคนสบายดี มีอยู่คนนึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ตอนนี้ทำแผลเรียบร้อยแล้ว ไม่เป็นปัญหาต่อการรบ”
ฟิชบอลงุนงง “มีแค่คนเดียวที่ได้รับบาดเจ็บ? แต่เสียงปืนเมื่อครู่นี้มันดังสนั่นขนาดนั้นเลยนะ”
“ใช่” แฮนซันเองก็ดูโล่งใจ “เหมือนโชคจะยืนอยู่ข้างเรา ตอนนี้ทุกคนกระจายตัวไปประจำตำแหน่งป้องกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราต้องอดทนให้ถึงที่ึสุด!”
………………………………………………………………..