Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1283 แหล่งข้อมูล
อ่าวดีพพูล อาณาจักรวูล์ฟฮาร์ท
ข่าวเหล็กรับทราบข่าวชัยชนะในการศึกซุ่มโจมตีครั้งอย่างรวดเร็ว
เขาได้รีบส่งคนให้นำจดหมายชื่นชมและให้กำลังใจไปมองให้กับทีมของฟิชบอล แล้วก็บอกให้พวกเขากลับไปยังพื้นที่ปลอดภัยก่อนเพื่อรอให้ทหารทีมใหม่เข้าไปทำงานแทน
ถึงแม้ศัตรูที่ทหารกลุ่มนี้เอาชนะได้จะเป็นกองทัพพันธมิตรของพวกขุนนาง แต่การที่พวกเขาไม่แตกตื่นแม้จะถูกซุ่มโจมตีและเอาชนะมาได้ทั้งๆ ที่มีจำนวนน้อยกว่านั้นล้วนแต่เป็นตัวอย่างที่ดีอย่างมากในการประชาสัมพันธ์ เมื่อเทียบกับการขนผู้อพยพเพียงอย่างเดียว การเอาเรื่องของพวกเขาป่าวประกาศออกไปนั้นจะช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้กับกองทัพอย่างมาก โดยเฉพาะในตอนที่กองทัพที่หนึ่งต้องถอนกำลังกลับมาแบบนี้
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาได้รับข่าวร้ายติดต่อกัน 2 ข่าว หนึ่งคือทหารที่อยู่ในซ่อนตัวอยู่ในเขตหมอกแดงรายงานว่าพวกขุนนางนั้นเข้ามาขัดขวางการอพยพแทนพวกปีศาจแล้ว
ในรายงานบอกว่าอัศวินที่มาจากตระกูลต่างๆ ในอีเทอร์วินเทอร์เหล่านี้ต่างเข้ามาขัดขวางเหล่าผู้อพยพ พวกเขาซึ่งเป็นมนุษย์เหมือนกันย่อมต้องบีบบังคับและล่อพวกพวกผู้อพยพได้ดีกว่าพวกปีศาจ ส่วนกองทัพที่หนึ่งนั้นไม่สามารถเข้าไปในเขตหมอกแดงได้เนื่องจากมีความเสี่ยงมากเกินไป ทำให้จำนวนผู้อพยพในจุดอพยพแต่ละจุดมีจำนวนลดลง
เรื่องที่สองคือปีศาจได้ออกมาและเพิ่มระดับความรุนแรงในการซุ่มโจมตีกองทัพที่หนึ่งอีกครั้ง โดยในตอนแรกนั้นได้มีป้อมสังเกตการณ์สังเกตเห็นอสูรสยองกลุ่มใหญ่บินออกมาจากพื้นที่หมอกแดง ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปที่เกาะอาชดยุค จากนั้นทหารที่ประจำอยู่บนเกาะอาชอดุคก็เตรียมการป้องกัน ขณะเดียวกันก็หยุดการขนส่งทางทะเลด้วย
พวกคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ อสูรสยองกลุ่มนี้จะหายไประหว่างทาง ก่อนจะมาปรากฏตัวอีกครั้งอยู่เหนือหัวกลุ่มทหารอีกกลุ่มที่กำลังทำการอพยพอยู่ โดยทหารกลุ่มนี้ก็ได้รับแจ้งมาว่าอสูรสยองจะมุ่งหน้าไปทางตะวันออก พวกเขาจึงทำงานกันหามรุ่งหามค่ำ ผลสุดท้ายถูกพวกปีศาจมาพบเข้า
ถึงแม้เหล่าทหารจะทำการตอบโต้อย่างเต็มที่ แต่ผลสุดท้ายพวกเขาก็ยังถูกฆ่าจนหมด ตอนนี้ขวานเหล็กยังไม่ได้รับรายงานสรุปตัวเลขผู้เสียชีวิต แต่จากที่หน่วยช่วยเหลือแจ้งมา น่าจะมีผู้อพยพราว 2,000 คนที่เสียชีวิตในเหตุลอบโจมตีครั้งนี้ ส่วนความเสียหายของกองทัพอย่างน้อยๆ ก็มีมากกว่า 100 คน
ความเสียหายที่รุนแรงแบบนี้ทำให้ขวานเหล็กต้องตัดสินใจสั่งถอนกำลังกลับมาทั้งหมด
ข่าวร้ายสองข่าวนี้เรียกได้ว่าเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ทางทีมที่ปรึกษาก็มีคิดเรื่องที่พวกขุนนางจะแปรพักตร์เอาไว้แล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะย้ายฝั่งเร็วขนาดนี้ เหล่าขุนนางของอีเทอร์นอลวินเทอร์สู้กันมาเกือบ 2 ปีก็ยังไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครจะเป็นราชาองค์ใหม่ แต่ตอนนี้พวกเขากลับไปสวามิภักดิ์ต่อปีศาจ คิดๆ แล้วช่างน่าขันจริงๆ
สถานการณ์ในตอนนี้ชัดเจนอย่างมาก ภารกิจอพยพคนได้ดำเนินมาถึงช่วงท้ายแล้ว หลังจากนี้กองทัพที่หนึ่งจำเป็นต้องรวมกำลังเพื่อปกป้องพื้นที่ชายแดนสุดท้ายที่หมอกแดงจะมาปกคลุม
ตอนนี้ทหารที่เดินทางมาถึงเคจเมาเธ่นกับอ่าวดีพพูลนั้นมีประมาณ 5,000 คน นี่ยังไม่ถึง 1 ใน 6 ของกำลังทหารทั้งหมดที่มี ส่วนกำลังพลของพวกปีศาจตอนนี้ยังไม่ทราบจำนวน ก่อนที่จะทราบถึงสถานการณ์ของปีศาจอย่างชัดเจน เขาจะเสียกำลังพลไปง่ายๆ ไม่ได้อีก
สิ่งที่ขวานเหล็กกังวลมากที่สุดก็คือปีศาจจะฉวยโอกาสตอนที่การขนส่งและกำลังพลของกองทัพที่หนึ่งมีจำกัด แห่กันมาโจมตีพื้นที่ที่ยังไม่มีการตั้งแนวป้องกัน หากเป็นแบบนั้นกองทัพจะตกอยู่ในสภาพที่ป้องกันไม่ได้แล้วก็เข้าไปช่วยเหลือไม่ได้
เพราะการทำศึกในวูล์ฟฮาร์ทนั้นไม่มี ‘ป้อมปราการเคลื่อนที่’ อย่างรถไฟหุ้มเกราะให้พวกเขาได้พึ่งแล้ว
“ท่านผบ.” ทันใดนั้นเอง นายทหารคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องหนังสือของคฤหาสน์ “เรือท่านเอดิธส์ เคนท์เดินทางมาถึงท่าเรือแล้วขอรับ”
“โอ้?” คิ้วของขวานเหล็กคลายของ เขากำลังคิดถึงคนให้คำแนะนำ คนให้คำแนะนำก็มาพอดี “เยี่ยม เดี๋ยวข้าไปรับนางที่ท่าเรือเอง”
…..
เมื่อมาถึงท่าเรือ ขวานเหล็กมองเห็นไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือที่กำลังถูกสมาชิกในทีมที่ปรึกษาห้อมล้อมอยู่ สีหน้าทุกคนดูโล่งใจ เหมือนว่าพวกเขาได้ลืมประสบการณ์อันน่าหวาดกลัวในตอนที่ถูกเธอทรมานไปหมดแล้ว
หลังกลายเป็นหัวหน้ากองได้ประมาณ 1 ปี ในตอนนี้เธอก็ได้รับความเคารพและการยอมรับจากเจ้าหน้าที่ภายในกองแล้ว
เมื่อคิดถึงเหล่าขุนนางของอีเทอร์นอลวินเทอร์กับวูล์ฟฮาร์ท แล้วหันมาดูอดีตลูกสาวดยุคคนนี้อีกครั้ง ขวานเหล็กอดรู้สึกทอดถอนในขึ้นมาไม่ได้ ระหว่างขุนนางด้วยกันเองก็ยังแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเลย
“ท่านผบ.” เอดิธส์เองก็มองเห็นความเหล็ก เธอเอามือขึ้นมาทาบที่หน้าอกทำความเคารพ “ไม่เจอกันนาน หวังว่าลูกน้องของข้าคงไม่สร้างปัญหาให้ท่านนะ”
“พวกเขาต่างพยายามรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองกันอย่างเต็มที่” ขวานเหล็กเองก็ทำความเคารพกลับไป สถานะของทั้งสองคนเท่าๆ กัน เวลาพูดคุยกันจึงไม่มีความอึดอัดแต่อย่างใด พูดอีกอย่างก็คือนอกจากฝ่าบาทและท่านซิลเวอร์มูนแล้ว อีกฝ่ายเป็นคนเดียวที่เขายินดีที่จะพูดด้วยมากที่สุด
“พูดอีกอย่างก็คือพวกเขาไม่ได้สร้างเซอร์ไพรส์อะไรให้ท่านเลย?” เอดิธส์ยักไหล่ ก่อนจะหันหน้าไปมองลูกน้องของตัวเอง “ดูเหมือนทุกคนจะทำผลงานได้ไม่ค่อยเป็นที่พอใจเท่าไรนะ”
ขวานเหล็กยิ้มมุมปากขึ้นมา เอดิธส์ยังคงปากคอเราะร้ายเหมือนเดิม “ถ้าสามารถเอาชนะสงครามได้ มันก็ไม่ได้ถือว่าเลวร้ายอะไร”
อีกฝ่ายไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดอะไร หากแต่เปลี่ยนประเด็นว่า “เออใช่ ครั้งนี้ข้าเอาอาวุธที่ฝ่าบาททรงประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่หลังจากที่ได้รับรายงานจากแนวหน้าเมื่อครั้งที่แล้วมาด้วย ท่านสนใจจะไปดูไหม?”
ขวานเหล็กตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “แน่นอน พาข้าไปเลย”
พวกเขาเดินมาถึงลานวางของที่มีทหารคุ้มกันแน่หนา ลังไม้ขนาดใหญ่ถูกขนลงมาจากเรือทีละลัง ก่อนจะถูกวางกองอย่างเป็นระเบียบเอาไว้ตรงมุมหนึ่งของลาน
ในนั้นมีอยู่หลายลังที่ถูกเปิดออก สิ่งที่อยู่ด้านในคืออาวุธที่ถูกกระดาษไขหุ้มเอาไว้อย่างดี
เขาสังเกตเห็นปืนใหญ่ขนาดเล็กกระบอกหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“สายตายอดเยี่ยม” เอดิธส์พูดยิ้มๆ “ปืนใหญ่ 75 มม.กระบอกนี้ถือเป็นเพชรเม็ดเอกในบรรดาอาวุธเหล่านี้ ฝ่าบาทรงหวังว่าจะใช้มันมาอุดช่องว่างระหว่างปืนใหญ่ป้อมกับปืนครก มันไม่จำเป็นต้องใช้แม่มดในการขนส่ง การประกอบ 4 ขั้นตอนทำให้มันสามารถใช้ม้าหรือคนสองคนในการขนได้ ลูกกระสุนเองก็สามารถแบกไว้บนหลังคนได้”
“นี่ทำให้ข้านึกถึงปืนใหญ่สนามเมื่อก่อนนี้ขึ้นมาเลย” ขวานเหล็กพยักหน้า เขารู้ถึงวิธีใช้บอกอาวุธชนิดใหม่นี้ทันที เมื่อเทียบกับปืนครกและกระสุนระเบิดต่อต้านปีศาจที่มีระยะยิงค่อนข้างสั้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าปืนใหญ่รุ่นใหม่นี้เหมาะกับการเอามาใช้รับมือปีศาจแมงมุมที่มีเกราะหนามากกว่า ถึงแม้จะไม่สามารถตั้งแนวยิงปืนใหญ่ได้ทัน แต่ทหารที่อยู่แนวหน้าก็ยังมีวิธีที่จะใช้รับมือกับปีศาจแมงมุมได้
“ส่วนปืนยาวรุ่นใหม่ที่วางอยู่ตรงนั้นคือปืนกึ่งอัตโนมัติชนิดหนึ่ง” เอดิธส์เดินไปพลางพูดแนะนำไปพลาง “ผลการทดสอบของมันถือว่าไม่เลวทีเดียว ถ้ายิงพร้อมกัน 2 – 3 กระบอกก็จะได้ผลพอๆ กับปืนกล คนที่เป็นเจ้าของความคิดนี้ท่านจะต้องรู้จักเป็นอย่างดีแน่นอน เขาก็คือแวนนา หัวหน้ากองพันปืนใหญ่ ถึงแม้สุดท้ายตอนที่ผลิตจริงมันจะได้รับการแก้ไขจากฝ่าบาท แต่มันก็ยังถูกตั้งชื่อว่าปืนยาวแวนนา”
“แต่นี่เป็นแค่ของที่เอาไว้ใช้แก้ขัดชั่วคราวเท่านั้น ข้าได้ยินว่าปืนอัตโนมัติที่แท้จริงกำลังอยู่ในขั้นตอนทดลองผลิต เอาไว้มันผลิตสำเร็จเมื่อไรก็น่าจะถูกขนมาที่นี่ทันที”
“ส่วนที่วางอยู่ริมสุดคือกระสุระเบิดต่อต้านปีศาจรุ่นใหม่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของมันมีขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิม ทางกองอุตสาหกรรมเคมีน่าจะทำการปรับเปลี่ยนดินระเบิดในนั้นให้ดีขึ้น…”
คนที่เดินชมอาวุธค่อยๆ แยกย้ายไป ในตอนที่เดินมาถึงริมลานวางของก็เหลือเพียงแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น
“เป็นไง การรบครั้งนี้ไม่ค่อยราบรื่นใช่ไหม?” จู่ๆ เอดิธส์ก็ถามขึ้นมา
ขวานเหล็กงุนงง ตอนนี้เขาถึงได้สังเกตเห็นว่าที่อีกฝ่ายพาตัวเองมาที่นี่ตามลำพังนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
“เจ้ามองออกเหรอ?”
“ถ้าไม่เป็นแบบนี้ ท่านก็คงไม่มารับข้าที่ท่าเรือทันทีที่ข้ามาถึงหรอก”
“ปิดเจ้าเอาไว้ไม่ได้จริง” ขวานเหล็กถอนใจออกมา ก่อนจะเล่าเรื่องข่าวร้ายกับเรื่องที่ตัวเองกังวลให้อีกฝ่ายฟัง “ก่อนที่เส้นทางการขนส่งจะถูกสร้างเสร็จเรียบร้อย พวกเราต้องใช้เวลาหลายเดือนในการขนเอาคนและอาวุธมารวมกันที่นี่ แต่ปีศาจสามารถเปิดฉากโจมตีพวกเราได้ทุกที่ทุกเวลา ต่อให้คุณหนูซิลเวีย ไลต์นิ่งกับเมซี่มาที่นี่ก็ไม่สามารถตรวจตราดูแนวรบที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ได้ สงครามใกล้จะมาถึงแล้ว แต่ข้ากลับรู้ข้อมูลของฝั่งศัตรูน้อยมาก นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย”
“อย่างนี้นี่เอง” เอดิธส์ครุ่นคิดเล็กน้อย “เรื่องเส้นทางการขนส่ง…ข้าเองก็จนปัญญาเหมือนกัน แต่เรื่องข้อมูล บางทีมันอาจจะไม่ได้ยากลำบากขนาดนั้น”
“เจ้ามีแผนเหรอ?”
“ประมาณนั้น ท่านคิดแต่จะใช้กองทัพที่หนึ่งในการแก้ไขปัญหา มันถึงได้รู้สึกยากลำบากขนาดนี้” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือค่อยๆ พูด “การที่ปีศาจใช้ให้ขุนนางทำงานแทนพวกมันดูแล้วเหมือนจะเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แต่มันเป็นการสร้างโอกาสให้พวกเราเหมือนกัน ขอเพียงปีศาจไม่ฆ่าคนจนเกลี้ยงทุกเมือง พวกเราก็มีโอกาสที่จะส่งดวงตาเข้าไปในกลุ่มศัตรูได้!”
ขวานเหล็กเหมือนจะเข้าใจถึงอะไรบางอย่าง “ดวงตาพวกนี้ไม่ใช่กองทัพที่หนึ่ง…”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ทหารไม่เหมาะที่จะทำเรื่องแบบนี้ ชาวบ้านธรรมดาหรือไม่ก็พวกโจรใต้ดินเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า จะดีที่สุดถ้าพวกเขาเป็นคนในพื้นที่ แบบนั้นมันจะได้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น และวิธีที่จะเปลี่ยนคนพวกนี้ให้เป็นดวงตาให้พวกเราก็มีหลายวิธี” เอธิส์ธยิ้มขึ้นมา “เออใช่ ก่อนหน้านี้ท่านได้รับกระดาษสีดำมาแผ่นนึงไม่ใช่เหรอ? ลองติดต่อพวกเขาดูสิ”
………………………………………………………………