Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1293 อนาคตที่ไม่อาจรู้ได้
ณ สนามบิน โรงเรียนอัศวินอากาศ
เสียงคำรามของเครื่องยนต์ทำลายความเงียบในยามเช้า เครื่องบินสิบกว่าลำทยอยเคลื่อนตัวออกไปจากโรงเก็บเครื่องบิน ปีกเครื่องบินที่เรียวยาวสะท้อนประกายสีทองภายในแสงแดดยามเช้าที่ส่องลงมา
“เจ้าคิดจะพานักเรียนฝึกหัดไปด้วยเหรอ?” โรแลนด์ยืนอยู่ตรงปากทางขึ้นซีกัล พร้อมเอ่ยปากถามทิลลี
ทิลลีพยักหน้า “ถ้าทุกอย่างราบรื่น ข้าก็เขียนคู่มือการบินบทสุดท้ายเสร็จในหนึ่งเดือน แต่ข้าไม่อยากให้นักเรียนต้องเสียเวลาเปล่าๆ ไปหนึ่งเดือน ทฤษฎีมันสอนที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าพาพวกเขาไปแนวหน้าด้วย ไม่แน่พวกเขาอาจจะมีโอกาสได้ลองบินดู เพราะเมื่อเทียบกับแนวรบของกองทัพที่หนึ่งแล้ว สนามบินถือว่าอยู่เกือบด้านหลังสุด
มันก็ใช่อย่างที่เธอว่า…ดูเหมือนเธอจะไม่ลืมฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนของตัวเองสินะ โรแลนด์สบายใจขึ้นหน่อย “ให้นักเรียนมีได้มีโอกาสลงมือมากหน่อย เจ้าอย่าเอาแต่ยึดเครื่องบินไว้คนเดียวล่ะ สอนทุกคนให้เป็นคือเป้าหมายที่สำคัญ”
ความจริงสิ่งที่เขาอยากพูดก็คือ อย่าวู่วาม
โอกาสแก้แค้นยังมีอีกเยอะ อย่าหุนหันพลันแล่นด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
“โอ้?” ทิลลีเหลือบมองดูเขา “ก็ได้ ขอเพียงท่านเอาเครื่องบินที่บอกจะสร้างให้ข้าออกมา ข้ารับรองว่าจะไม่ไปแย่งนักเรียนขับเฮฟเว่นเฟลมเลย”
โรแลนด์พูดไม่ออกไปทันที
เมื่อเห็นท่าทางที่พูดไม่ออกของเขา ทิลลีจึงยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เธอสางปลายผมตรงหน้าผากที่กระจัดกระจายไปทัดไว้ข้างหู “สบายใจได้ ข้ารู้ว่าท่านคิดอะไรอยู่ อย่างนั้นเรามาตกลงกันไหม หลังจากนี้หนึ่งเดือนข้าจะฝึกอัศวินอากาศที่พร้อมลงสนามรบออกมา ส่วนท่านก็สร้างเครื่องบินที่ว่าไว้ออกมา ก่อนที่จะถึงเวลานั้น ข้ารับรองว่าจะไม่ไปสู้กับศัตรู ว่าไง?”
จะให้ดีที่สุดคือไม่ออกไปเลย ถึงแม้โรแลนด์จะคิดแบบนี้ แต่เขาก็รู้ดีว่าสงครามไม่มีทางราบรื่นไปได้ตลอด กองทัพที่สามารถปรับตัวไปตามสถานการณ์ได้ถึงจะมีสิทธิ์ที่จะได้รับชัยชนะ ด้วยเหตุนี้สุดท้ายเขาจึงพยักหน้า “ระวังตัวด้วยนะ”
“แน่นอน ข้ายังรอวันที่ท่านพอแอชเชสกลับมาอยู่นะ ท่านพี่” ทิลลียิ้มให้เขา
มีอยู่ชั่วขณะหนึ่งที่รอยยิ้มของเธอกลมกลืนไปกันแสงอาทิตย์ยามเช้า แล้วสะท้อนเข้ามาในดวงตาของโรแลนด์
“องค์หญิง เครื่องบินพร้อมออกบินทุกเมื่อพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์พูดเตือน
“อย่างนั้นข้าไปล่ะ” ทิลลีหมุนตัวเดินขึ้นบันได ก่อนจะมุดเข้าประตูเครื่องบินไป
“อื้อ…” โรแลนด์เองก็เดินออกไปรันเวย์พร้อมกับคอยเหลียวหน้ากลับมามอง ถึงแม้เมื่อคืนจะจัดงานเลี้ยงร่ำลากันแล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกทำใจได้ยากอยู่ เขามองเห็นภาพเหล่าแม่มดกำลังโบกมือให้เขาผ่านทางหน้าต่างเครื่องบิน
เวนดี้ แอนเดรีย ซิลเวีย เอคโค่ ลีฟ….เหมือนกับศึกทาคิลาครั้งที่แล้วเลย พวกเธอเดินทางไปสู่สนามรบแห่งใหม่อีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้สงครามที่พวกเธอจะต้องเผชิญนั้นมีความยากลำบากมากกว่า แล้วก็ต้องใช้เวลายาวนานมากกว่า
“ทุกคนจะกลับมาอย่างปลอดภัยเพคะ” ไนติงเกลพูดเสียงเบาๆ “หม่อมฉันรู้สึกแบบนั้น”
โรแลนด์พยักหน้า แต่ไม่ได้พูดตอบอะไร
“รันเวย์โล่ง พร้อมขึ้นบินทุกเมื่อ!”
“ธงสัญญาณ สีเขียว!”
“ออกเดินทางได้!”
หลังเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินส่งสัญญาณมือ ไลต์นิ่งก็บินขึ้นท้องฟ้าเป็นคนแรก จากนั้นก็เป็นเมซี่ที่แปลงร่างเป็นอสูรสยอง ในสถานการณ์ที่ต้องบินไปยังดินแดนแปลกหน้าโดยไม่มีเครื่องนำทาง พวกเธอทั้งสองคนจึงรับหน้าที่เป็นคนระบุตำแหน่งให้กับคนอื่นๆ
โรแลนด์สังเกตเห็นธันเดอร์กำลังคาบไปป์ไว้ที่มุมปาก พร้อมกับโบกมือส่งลูกสาวด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
หลังจากนั้นก็เป็นซีกัล
เมื่อเทียบกับเครื่องบินปีกสองชั้นที่ส่งเสียงดังเหล่านั้นแล้ว ตัวเครื่องของซีกัลดูมีความสง่างามมากกว่า
ในกลุ่มคนมีเสียงตะโกนบอกลาระเบิดขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็นสโมสรแม่มด หรือว่ามนตร์แห่งสลีปปิ้ง หัวใจของคนส่วนใหญ่ต่างไปรวมกันอยู่ที่เครื่องบินลำนี้แล้ว
ภายใต้การพัดของลมแห่งเวทมนตร์ ซีกัลเคลื่อนตัวไปนิดเดียวก็เชิดหน้าบินขึ้นไปจากรันเวย์ ก่อนจะค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นไปบนท้องฟ้า
สุดท้ายก็เป็นอัศวินอากาศ
เครื่องบินสิบกว่าลำคือกองกำลังทางอากาศทั้งหมดที่เนเวอร์วินเทอร์มีอยู่ในตอนนี้ ในนั้นมีอยู่ 6 ลำที่เป็น ‘เครื่องบินฝึกหัด’ ที่ยังไม่ได้ติดตั้งระบบอาวุธ แต่โรแลนด์รู้ดีว่าเครื่องบินล็อตใหม่ในโรงงานกำลังเร่งมือประกอบอยู่ ขอเพียงมีเวลามากพอ นกยักษ์ที่ผลิตออกมาเป็นจำนวนมากเหล่านี้จะต้องสร้างความเสียหายให้กับปีศาจอย่างหนักและช่วยกองทัพที่หนึ่งจากสถานการณ์ที่ยากลำบากได้
เฮฟเว่นเฟลมทยอยวิ่งไปบนรันเวย์ ก่อนจะเชิดหน้าบินขึ้นไปตรงปลายสุดของกำแพงแล้วหายลับไปบนขอบฟ้า
เพื่อที่จะทำให้อัศวินอากาศสามารถเข้าสู่สนามรบได้อย่างรวดเร็ว โรแลนด์ได้สั่งให้ทีมก่อสร้างไปสร้างลานบินเอาไว้ที่เมืองเรดวอเทอร์ เมืองอีเทอร์นอลไนท์ เมืองกลอรีและเมืองธอร์นของอาณาจักรเพื่อนบ้าน โดยสนามบินเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมระหว่างทิศเหนือกับทิศใต้ เพื่อให้เครื่องบินได้จอดพักและเติมน้ำมัน —- สำหรับเครื่องบินปีกสองชั้นที่มีน้ำหนักไม่ถึง 1 ตันแล้ว ขอเพียงมีที่เรียบๆ ผืนหนึ่งก็เพียงพอที่จะให้มันใช้ขึ้นบินกับลงจอดได้แล้ว
หลังจากที่นักบินมีความชำนาญในการบิน พวกเขาก็จะสามารถออกบินจากเนเวอร์วินเทอร์ในเวลารุ่งเช้า และข้ามอาณาจักรเกรย์คาสเซิล ดอว์นไปถึงวูล์ฟฮาร์ทได้ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ในยุคสมัยนี้เรียกได้ว่าเร็วจนเหมือนปาฏิหาริย์แล้ว และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้โรแลนด์ให้ความสำคัญกับกองทัพอากาศขนาดนี้ ทันทีที่สามารถจัดตั้งกองทัพอากาศขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ ประสิทธิภาพในการสนับสนุนและการบุกของมนุษย์ก็จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
แต่แน่นอน เนื่องด้วยนี่เป็นการบินทางไกลเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ทิลลีจึงวางแผนให้ค้างคืนที่เมืองอีเทอร์นอลไนท์คืนหนึ่งก่อน ก่อนจะเดินทางต่อไปที่เคจเมาเธ่นในเช้าวันถัดไป เช่นนี้ต่อให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไร มันก็ยังรับประกันได้ว่าการเดินทางทั้งหมดจะเสร็จเรียบร้อยในเวลากลางวัน
หลังกองหนุนบินหายลับไปแล้ว ทุกคนยังคงมองไปบนท้องฟ้าทิศเหนือ
โรแลนด์เองก็เหมือนกัน
เขาหวังว่ากำลังในส่วนนี้จะช่วยกองทัพที่หนึ่งได้
……
บินขึ้นไปแล้ว….จริงๆ เหรอเนี่ย!
แมนเฟลอ้าปากค้างมองดูนกยักษ์เหล่านั้นหายเข้าไปในชั้นเมฆด้วยความตื่นเต้น
“เฮ้ย มัวยืนงงทำอะไร? จะถึงตาพวกเราขึ้นเรือแล้ว” ด้านหลังมีเสียงคนตะโกนขึ้นมา
“ข้า ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหล”” เขาสะบัดหัวแรงๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา ก่อนจะหมุนตัววิ่งไปหาคนอื่นๆ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ภายในหัวเขาก็ยังมีเสียงคำรามของนกเหล็กก่อนที่จะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าดังสะท้อนอยู่ในหัว
ถึงแม้ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนมานี้แมนเฟลจะได้เห็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อของเมืองเนเวอร์วินเทอร์มาหลายอย่างแล้ว แต่การที่ได้มาเห็นการบินขึ้นไปบนท้องฟ้าระยะใกล้ขนาดนี้ก็ยังทำให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านอยู่ดี
เพียงแต่ครั้งนี้นอกจากความตกตะลึงแล้ว มันยังมีความรู้สึกอื่นผสมอยู่ด้วย
นั่นคือความยินดี
เพียงแค่แวบแรก เขาก็ตกหลุมรักงานนี้แล้ว
ก็เหมือนกับแม็ตที่เป็นคนจัดการเรื่องที่พักบอกเขาเอาไว้ หลังแมนเฟลผ่านการทดสอบจิตใจที่จัดขึ้นโดยสำนักบริหารแล้ว เขาก็ได้รับบัตรประชาชนของเนเวอร์วินเทอร์ และยังได้รับบ้านพักที่เป็นของตัวเอง เรียกได้ว่าการหลอมรวมเข้ากับเมืองนี้ของเขาไม่เจออุปสรรคใดๆ เลย ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เขาก็สามารถตั้งหลักที่เมืองใหม่แห่งนี้ได้ หลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นการเอกสารในสำนักบริหารหรือว่ากลายเป็นตำรวจที่คอยรักษาความยุติธรรมเหมือนอย่างชารอนก็ล้วนแต่เป็นทางเลือกที่มีอนาคตอย่างยิ่ง
แต่ในขณะที่เขากำลังลังเล สุดท้ายเขาก็ยังเลือกที่จะยื่นใบสมัครของตัวเองเข้าไปยังโรงเรียนอัศวินอากาศ
ถึงแม้จะมีคนบอกแมนเฟลว่าอัศวินอากาศที่ผ่านเกณฑ์จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ ไม่เพียงแต่จะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด แต่ยังมีโอกาสที่จะเสียชีวิตในสนามรบด้วย ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเอง
ตอนนี้เขารู้สึกยินดีในการตัดสินใจของตัวเอง
รับใช้ผู้นำที่ชาญฉลาด เป็นศัตรูกับความชั่วร้าย ต่อสู้เพื่อปกป้องผู้อ่อนแอ ไม่มีงานไหนที่จะมีเกียรติเท่ากับอัศวินอากาศอีกแล้ว
เขาอยากจะให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ
….
นอกจากฟาร์รีนา โจและแมนเฟลแล้ว ยังมีคนอีกนับไม่ถ้วนที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วย
พวกเขามาจากคนละอาณาจักร มาจากคนละเมือง แต่ตอนนี้พวกเขากลับเดินทางออกไปด้วยเป้าหมายเดียวกัน
เมื่อเทียบกับสงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่หนึ่งกับครั้งที่สองแล้ว มนุษย์ไม่เคยสามัคคีกลมเกลียวกันขนาดนี้มาก่อน
ชะตาที่ชีวิตของพวกเขาถูกสงครามแห่งโชคชะตาผูกเข้าไว้ด้วยกัน
และพวกเขาก็กำลังจะทำสงครามเพื่อชะตาชีวิตของมนุษย์
………………………………………………………………………