Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1305 ปกปิด
‘นี่เป็นงานง่ายๆ ท่านไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงอะไรเลย เพียงแค่เอาข้อมูลไปวางไว้ตรงจุดที่นัดหมายกัน ไม่มีใครที่จะรู้ได้ว่าท่านทำเรื่องแบบนี้’ คำพูดชายที่สวมหน้ากากสีเงินที่อ้างตัวว่าเป็นผู้รับผิดชอบของแบล็คมันนี่ดังขึ้นมาในหูเขาอีกครั้ง
‘น่าขัน! ทำไมข้าถึงต้องไปช่วยคนเกรย์คาสเซิลด้วย? พวกเขาต้องการกำจัดแม้กระทั่งขุนนางศักดินะ ถ้าชนะแล้วข้าจะไปได้ประโยชน์อะไร?’ ภาพการโต้เถียงยังคงติดตาเขาอยู่ ‘ข้านึกว่าแบล็คมันนี่จะเป็นพวกพ่อค้าที่ฉลาดซะอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะพูดคำพูดโง่ๆ แบบนี้ออกมา! เจ้าไม่กลัวข้าจับเจ้ามัดแล้วเอาไปส่งท่านมาร์เวนเพื่อแลกรางวัลเหรอ?’
‘ถ้าท่านคิดจะทำเช่นนั้นจริงๆ การพูดคุยครั้งนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกแล้ว’ น้ำเสียงของอีกฝ่ายยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนกับว่าเขาไม่ได้สนใจความปลอดภัยของตัวเองเลย ‘ข้ายังนั่งอยู่ที่นี่ได้ มันก็พิสูจน์ให้เห็นถึงเจตนาของท่านแล้ว และก็เป็นเพราะท่านเป็นคนฉลาด พวกเราถึงได้ยินดีที่จะมอบโอกาสนี้ให้ท่าน’
‘เสียดายที่พวกเจ้ามองผิดแล้ว ข้าจงรักภักดีต่อท่านดยุค รีบไสหัวไปซะ ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ!’
‘แน่นอน ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ แต่ว่านายท่าน นี่แหละคือ ‘โอกาส’ ที่เขาว่ากัน แบล็คมันนี่ไม่คิดที่จะบีบบังคับให้ท่านต้องเลือก ท่านจะทำอย่างไรมันก็แล้วแต่ท่าน’ ชายหน้ากากเงินลุกขึ้นยืน ก่อนจะโค้งตัวให้เขา จากนั้นวางการ์ดสีดำแผ่นหนึ่งเอาไว้บนโต๊ะ ‘สิ่งสุดท้ายที่ข้าอยากจะบอกท่านคือเกรย์คาสเซิลไม่มีทางลืมคนที่ช่วยเหลือเกรย์คาสเซิล อย่างนั้น…เอาไว้เจอกันใหม่นะขอรับ’
ฟูลเลอร์สูดหายใจแล้วหยุดความคิดที่กำลังฟุ้งซ่าน ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบทันที
ไม่มีทางลืม…คนที่ช่วยเหลือเกรย์คาสเซิล…อย่างนั้นเหรอ
ช่างน่าขันจริงๆ เขามาสวามิภักดิ์ต่อดยุคมาร์เวนเพื่อที่จะฟื้นฟูเกียรติของวงศ์ตระกูล ส่วนโรแลนด์ วิมเบิลดันที่เป็นศัตรูกับพวกขุนนางนั้นเดิมเป็นคนที่ไม่น่าจะให้อภัยมากที่สุด แต่ตอนนี้เขากลับพบว่าตัวเองเริ่มไม่แน่ใจแล้ว
ถึงแม้คนที่แบล็คมันนี่จะเป็นพวกชั้นต่ำ แต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่อีกฝ่ายพูดไม่ผิด ถ้าเขาคิดว่ารับใช้ดยุคแห่งดินแดนทางเหนืออย่างถึงที่สุดจริงๆ อย่างนั้นเขาก็คงจะฉีกการ์ดใบนี้ทิ้งไปตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่เอามาแอบเก็บอยู่ในลิ้นชักแบบนี้
หลังนิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ ฟูลเลอร์จึงเงยหน้าถอนหายใจออกมาแล้วนั่งลงไปที่โต๊ะหนังสือ
เขาหยิบกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งออกมากาง จากนั้นก็หยิบปากกาขนนกขึ้นมา
ตัวเขายังมีอะไรให้เสียอีกล่ะ?
ความหวังในการเอาที่ดินกลับมาดูริบหรี่ขึ้นเรื่อยๆ เขาเหมือนจะไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องถอยแล้ว
ช่างมัน ยังไงซะจากวิธีที่แบล็คมันนี่บอก ตัวเองก็ไม่มีอะไรต้องเสีย ก็คิดซะว่าอยู่กับทั้งสองฝ่ายแล้วกัน ถ้าปีศาจเป็นฝ่ายชนะ สถานการณ์ในตอนนี้ก็คงไม่แย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ แต่ถ้าเกรย์คาสเซิลชนะ บางทีเขาอาจจะได้รับรางวัลอะไรก็ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฟูลเลอร์จึงจรดปากกาลงไปบนกระดาษ
…..
พอตกเย็น เขาสวมชุดคลุมกันลมพร้อมสวมหมวกเดินเข้าไปใน ‘ตรอกฮอร์น’ ตรงเขตเมืองชั้นใน
ที่นี่เป็นพื้นที่ของสมาคมหอการค้าทางเหนือ คนที่เดินทางผ่านไปผ่านไปส่วนใหญ่เป็นพ่อค้า พอพระอาทิตย์ตกดินก็แทบจะไม่มีใครอยู่แล้ว
บนเนินเล็กๆ แห่งหนึ่ง ฟูลเลอร์เจอสถานที่ที่คนสวมหน้ากากเงินพูดถึง — ตรงกลางระหว่างบ้านอิฐสองหลังมีต้นสนขนาดใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง
ความจริงแล้ว วิธีในการส่งข้อมูลที่ีอีกฝ่ายบอกก็เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจเร็วขึ้น
ไม่มีคนมารอรับจดหมาย นี่ทำให้ความเสียลดลงอย่างมาก เขาไม่ต้องกังวลว่าแบล็คมันนี่จะเอาข้อมูลนี้มาแบล็คเมล์เขา หรือว่าถูกคนอื่นเห็นว่าตัวเองมาทำอะไรลับๆ ล่อๆ กับคนแปลกหน้า
ฟูลเลอร์เดินวนอยู่บริเวณรอบๆ ครู่หนึ่ง หลังจากเห็นว่าไม่มีคนน่าสงสัย เขาก็เดินไปด้านหลังต้นสนอย่างรวดเร็วพร้อมกับยื่นมือเข้าไปคลำในโพรงที่อยู่ตรงหน้าต้นไม้ ข้างในโพรงมีช่องลับอย่างที่อีกฝ่ายว่าไว้จริงๆ เพียงแต่ที่ปิดช่องลับนั้นเป็นแค่แผ่นไม้ธรรมดา ถ้าไม่ยื่นมือเข้าไปคลำก็ยากที่จะรู้ได้ว่าตรงนี้มีช่องลับอยู่
เขาเอาจดหมายยัดเข้าไปในช่องลับ ก่อนจะเอาแผ่นไม้ปิดกลับเข้าไปเหมือนกัน เนื้อหาที่อยู่ในจดหมายเขาก็จงใจใช้เขียนเป็นรูปแบบตัวหนังสือโบราณ ถึงแม้จะมีใครมาพบเข้าก็ยากที่จะเชื่อมโยงลายมือนี้เข้ากับตัวได้
แต่แน่นอน นี่ยังไม่ถือว่าเสร็จเรียบร้อย
หลังจากนั้นฟูลเลอร์ก็กลับมายังที่พักของตัวเอง เขาเอากระถางดอกไม้ย้ายไปตั้งตรงหน้าต่างในห้องนอน ในที่พักระดับสูงภายในเมือง การตกแต่งแบบนี้มีให้เห็นอยู่ทั่วไป ไม่มีใครจะสังเกตเห็นกระถางดอกไม้ธรรมดาๆ แบบนี้หรอก แต่สำหรับคนที่แอบมองดูในความมือแล้ว นี่คือสัญญาณที่บอกว่าข้อมูลได้ถูกส่งออกไปแล้ว
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ต้องติดต่อกับใครเลย ส่วนหลังจากนี้จดหมายจะถูกใครเอาไปและเอาไว้ส่งให้กับเกรย์คาสเซิลยังไง เรื่องพวกนั้นล้วนแต่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
หลังเอากระถางดอกไม้ลงมา ฟูลเลอร์รู้สึกเหมือนได้ปลดเปลื้องบางสิ่งออกไป
เพียงแค่เก็บรวบรวมข่าวสารยังละเอียดรอบคอบถึงเพียงนี้ ดยุคกับราชาแห่งเกรย์คาสเซิลนี่แตกต่างกันจริงๆ…เขายืนอยู่ตรงหน้าต่าง สายตามองออกไปยังเขตปราสาทที่ส่องสว่างภายใต้หมอกสีแดง เมื่อคิดถึงภาพ ‘ผู้พ่ายแพ้’ เหล่านั้นยังคงมีความสุขกับงานเลี้ยง ตอนนี้ตัวเขาไม่หวังอะไรกับตัวมาร์เวนแล้ว
ตอนนี้เหลือปัญหาอยู่อีกแค่ข้อเดียว
นั่นคือเกรย์คาสเซิลจะเอาชนะปีศาจได้จริงๆ หรือเปล่า?
……
คนส่งจดหมายเอากองกระดาษหนาๆ วางกองไว้บนโต๊ะไว้ผุๆ และเปียกชื้น
“นี่คือของวันนี้เหรอ?” เจ้าฉลาดจุดตะเกียง “ขอบคุณเจ้ามากนะ”
อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไร
เขาถอนหายใจ ก่อนจะใช้ภาษามือตอบอีกฝ่ายกลับไป
ตอนนี้อีกฝ่ายถึงได้พยักหน้า
คนๆ นี้คือนักรบแห่งความเงียบที่เจ้านายเป็นคนเลี้ยงดูขึ้นมา อีกฝ่ายไม่ได้ยินแล้วก็พูดไม่ได้ ได้แต่ต้องใช้ภาษามือง่ายๆ ในการถ่ายทอดคำสั่งหรือสอบถาม ที่น่าเสียดายก็คือในภาษามือไม่มีคำว่าขอบคุณอยู่
“เฝ้าอยู่ด้านนอก อย่าให้ใครเข้ามา” เจ้าฉลาดให้นักรบแห่งความเงียบออกไป ก่อนจะเริ่มพลิกอ่านข่าวกรองเหล่านี้
ที่นี่คือสถานที่ที่แบล็คมันนี่ใช้จัดงานหอการค้าใต้ดินของพวกเขา ปกติจะมีแต่คนที่ได้รับเชิญเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้ ตามหลักแล้วโอกาสที่คนข้างนอกจะบุกเข้ามาจึงมีน้อยมาก แต่เจ้าฉลาดก็ยังเลือกที่จะจัดการกับข้อมูลเหล่านี้ในห้องใต้ดิน เพื่อที่จะได้มีเวลาทำลายหลักฐานได้ทันหากมีอะไรเกิดขึ้น
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมเจ้านายถึงให้ความสำคัญกับสงครามครั้งนี้ของเกรย์คาสเซิลขนาดนี้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะเข้าไปยุ่มย่ามได้ ในเมื่อเจ้านายสั่งการมาแล้วว่าจะช่วยเหลือเกรย์คาสเซิลอย่างเต็มที่ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือปฏิบัติตาม
จัดการข่าวพวกนี้ใหม่ แล้วแอบส่งไปให้ถึงมือคนเกรย์คาสเซิล นี่คือหน้าที่หลักของเขาในตอนนี้
ถึงแม้คนเกรย์คาสเซิลบอกว่าต้องการข้อมูลทุกอย่าง แต่โอกาสที่จะแอบเอาข้อมูลส่งออกไปนั้นไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ด้วยเหตุนี้ปัญหาเรื่องการส่งออกไปจึงเป็นปัญหาสำคัญอันดับแรก เมื่อคิดถึงว่าปกติพ่อค้าที่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าออกเมืองจะมาอาทิตย์ละครับ เขาจึงจำเป็นต้องเอาข่าวกรองที่ดูน่าเชื่อถือที่สุดในหนึ่งสัปดาห์มาทำเป็นจดหมายลับแล้วแอบปะปนมันเข้าไปในสิ่งของส่งไปยังอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ท ส่วนข่าวอื่นๆ ก็ใช้วิธีอื่นส่งออกไป
ส่วนใหญ่ข้อมูลพวกนี้ล้วนแต่มาจากคำบอกเล่าของโจรใต้ดิน ด้วยเหตุนี้จึงดูค่อนข้างสับสน เขามักจะต้องใช้เวลาในการคัดกรองอยู่นาน แต่ครั้งนี้่เจ้าฉลาดสังเกตเห็นในกองกระดาษมีจดหมายอยู่ฉบับหนึ่งที่ดูแตกต่างจากจดหมายฉบับอื่นอย่างเห็นได้ชัด
ลายมือของมันดูเป็นระเบียบ ไม่ใช่เขียนอย่างลวกๆ ตามร้านเหล้าหรือท้องถนน หมึกที่ใช้ก็เป็นหมึกอย่างดี กระดาษก็ไม่มีรอยรับ เห็นได้ชัดว่าสภาพแวดล้อมตอนที่เขียนนั้นดีกว่าสถานที่ที่พวกโจรใต้ดินอยู่ไปอีกระดับ
เขากลั้นหายใจแล้วกวาดตาอ่านจดหมายตั้งแต่ต้นจนจบ
ส่วนเนื้อหาในจดหมายก็ต่างจากจดหมายที่ผ่านมาจริงๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่มีการพูดถึงหัวใจสำคัญของกองทัพปีศาจ สกายลอร์ดเฮคซอด
………………………………………………………………..