Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1309 สายฟ้าแลบ
นับตั้งแต่ที่เกิดศึกที่ทาคิลามาจนถึงตอนนี้ ความคิดของสกายลอร์ดได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนอย่างมาก
ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมนุษย์ที่ผ่านมาของมันพวกแต่ได้รับมาจากรายงานการสู้รบและในการประชุมสภาหอเจ้าชีวิต นอกจากคำเรียกมนุษย์ว่าแมลงที่แฝงเอาไว้ด้วยความเหยียดหยามแล้ว เรื่องที่มนุษย์ขาดผู้ตื่นรู้ที่เป็นนักรบที่มากพอนั้นคือสิ่งที่เหล่าราชาต่างรู้กันดี ความยากในการยกระดับของพวกเธอนั้นพอๆ กับเผ่าพันธุ์ของตน แต่ความสามารถของพวกเธอกลับไม่สามารถกำหนดล่วงหน้าได้ นี่จึงทำให้มนุษย์ไม่มีความแข็งแกร่งในภาพรวม
ส่วนพวกตัวผู้ที่ไม่มีพลังเวทมนตร์นั้นก็เป็นเหมือนกับไม้ประดับในสนามรบ ไม่ได้ต่างอะไรกับพวกร่างชั้นต่ำในเผ่าพันธุ์ของมันเลย หลังจากสงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่หนึ่ง พวกร่างชั้นต่ำก็ถูกทอดทิ้ง แม้แต่สิทธิ์ในการลงไปรบก็ไม่มีด้วยซ้ำ อย่างมากก็แค่ทำงานระดับล่างทั่วๆ ไป จากจุดนี้จะสามารถเห็นได้ถึงความแตกต่างกันอย่างมากในเรื่องความแข็งแกร่งของทั้งสองเผ่าพันธุ์
ส่วนอาณาจักรซีสกายนั้นวิวัฒนาการไปได้ไกลกว่ามนุษย์มาก ไม่ว่าจะเป็นเรือที่กลืนกินแผ่นดินพวกนั้นหรือว่าตัวนักรบที่เป็นสิ่งพื้นฐานที่สุดก็ล้วนแต่มีพลังเวทมนตร์ในระดับสูง เหมือนกับว่ามันถูกออกแบบมาเพื่อสู้รบอย่างไรอย่างนั้น แม้แต่สัตว์อสูรที่ถูกพวกมันควบคุมก็ยังมีหลายตัวที่สุดท้ายกลายเป็นร่างที่มีพลังเวทมนตร์ พวกมันคือหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสี่เผ่าพันธุ์อย่างไม่ต้องสงสัย
และก็ด้วยเหตุนี้ หลังจบสงครามแห่งโชคชะตาครั้งที่สอง ชิ้นส่วนสืบทอดของมนุษย์ถึงถูกปีศาจระดับสูงมองว่าช้าเร็วยังไงก็ต้องตกมาอยู่ในมือแน่นอน
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เหล่าราชาในสภาเจ้าชีวิตต่างตกใจกันเรื่องจดหมายสั่งเสียของอุรูค
แต่ตอนนี้ เฮคซอดยิ่งรับรู้ได้แล้วว่าสิ่งที่กล่าวเอาไว้ในจดหมายนั้นไม่ใช่คำพูดที่กล่าวเกินจริง
ถ้าบอกว่าวิธีการใช้ไฟที่เหนือความคาดหมายของมนุษย์ยังไม่น่ากลัวพอที่จะทำให้จักรพรรดิต้องระวัง อย่างนั้นอาวุธใหม่ของศัตรูที่เผ่าพันธุ์ของมันค้นพบเมื่อสองสัปดาห์ก่อนนั้นเรียกได้ว่าทำให้มันต้องเปลี่ยนความคิดใหม่หมดเลยทีเดียว
มนุษย์ตัวผู้ ร่างที่ถูกมองว่าไร้ค่าสามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยนกเหล็กรูปร่างแปลกๆ โดยไม่มีการช่วยเหลือของแม่มด!
ในตอนที่ได้ยินข่าวนี้ครั้งแรก ความคิดแรกของมันคือไม่มีทางเป็นไปได้
นับแต่โบราณมา นอกจากนกแล้ว ท้องฟ้าคือดินแดนของผู้ที่มีเวทมนตร์ บวกกับตำนานที่บอกว่าพระเจ้านั้นมาด้านนอกท้องฟ้า นั่นยิ่งทำให้ท้องฟ้าที่อยู่เหนือหัวนั้นยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีก แล้วเผ่าพันธุ์ที่ไม่มีแม้กระทั่งเวทมนตร์พวกนั้นจะย่างกรายเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร!?
แต่คนที่เห็นเหตุการณ์ไม่ได้มีแค่คนเดียว เฮคซอดที่ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะยอมรับเรื่องนี้รู้ตัวแล้วว่าบางทีการยกระดับของมนุษย์าอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับไฟเพียงอย่างเดียวแล้ว
ถูกต้อง มันเริ่มจะเอนเอียงไปทาง ‘ทฤษฎีการยกระดับ’ อันน่าตกใจที่ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์บอกแล้ว —- เกรงว่าไนท์แมร์คงจะรู้เรื่องนี้ได้เร็วกว่ามัน อีกฝ่ายถึงได้ตัดสินใจเข้าไปหาคำตอบในส่วนลึกของโลกแห่งจิตสำนึก
เพราะความเร็วในการวิวัฒนาการที่มนุษย์แสดงออกมานั้นเร็วมากเกินไป
เพราะในจดหมายที่อุรูคเขียนเอาไว้ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนกเหล็กเลย ถ้าตอนนี้พวกเขามีอาวุธชนิดนี้จริงๆ มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะแอบซ่อนเอาไว้แล้วเพิ่งเอาออกมาใช้ตอนนี้ คำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวก็คือในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี การเปลี่ยนแปลงของมนุษย์นั้นก้าวไปไกลกว่าที่มันจะคิดถึงได้
และการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันขนาดนี้ก็มีแค่การยกระดับเท่านั้นถึงจะอธิบายได้
ทันทีที่มนุษย์ตัวผู้สามารถกลายเป็นกำลังหลักในการสู้รบได้ ความสามารถในการสู้รบของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก บางทีนี่อาจจะเป็นคำเตือนที่แท้จริงที่แอบซ่อนอยู่ในจดหมายที่อุรูคเขียนเอาไว้
โชคดีที่เมื่อเทียบกับไฟแล้ว เฮคซอดมีความคุ้นเคยกับท้องฟ้ามากกว่า ส่วนนกเหล็กที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นมาก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าอสูรสยองเท่าไร ขอเพียงมีมันอยู่ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจย่างกรายเข้ามาในท้องฟ้าได้!
การโจมตีครั้งนี้ไม่มีทางที่จะล้มเหลวเหมือนครั้งก่อนอย่างแน่นอน
ความมั่นใจอันนี้ไม่ใช่การดูถูก เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว การที่ยังดูถูกศัตรูอีกนั้นนับว่าเป็นการกระทำที่โง่เขลาอย่างมาก
ความมั่นใจของมันมาจากฉายาของมัน
เพราะว่ามันคือเจ้าแห่งท้องฟ้า!
หลังเดินผ่านประตูมา สกายลอร์ดก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงชายขอบของเกาะ
คนที่มาด้วยกันยังมีพาราซีติคอายการ์ดที่คอยเฝ้าอยู่ข้างกายไม่ห่าง ถ้าบอกอายการ์ดคือหนึ่งในปีศาจที่หายาก อย่างนั้นพาราซิติคอายการ์ดก็เป็นทรัพยากรที่ล้ำค่ายิ่งกว่า เทคโนโลยีนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากอารยธรรมใต้ดิน มันจำเป็นต้องเสียสละผู้ยกระดับตัวหนึ่งไปหลอมรวมกับอายการ์ด หากสำเร็จ ผู้ยกระดับก็จะเป็นเปลือกเปล่าๆ สำหรับรองรับวิญญาณ ส่วนอายการ์ดก็จะได้รับความสามารถในการเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
ถึงแม้จะมีค่าตอบแทนที่สูง แต่เฮคซอดก็ยังเอามันมายังแนวหน้าของสนามรบอย่างไม่ลังเลและคอยติดตามตัวเองอยู่ตลอด เวลา มีเพียงวิธีนี้มันถึงจะหยุดเป้าหมายที่สำคัญเป้าหมายหนึ่งที่อุรูคพูดถึงได้ นั่นคือแม่มดคนหนึ่งที่สามารถโจมตีในระยะที่ไกลมากได้
แต่จนกระทั่งมันมาถึงเกาะแล้ว ภาพของแม่มดคนนี้ก็ยังไม่ปรากฏขึ้นมาในหัวของมัน นี่หมายความว่าอันตรายเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถทำร้ายมันได้ไม่ได้อยู่บนเกาะ
ขณะเดียวกัน มันก็ยังไม่พบดวงตาใดๆ ที่มองมาทางนี้
ไม่มีโอกาสไหนที่จะดีกว่าตอนนี้อีกแล้ว
เฮดซอร์ดไม่รอช้า มันเปิดประตูมิติแบบเต็มรูปแบบ!
โพรงสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงด้านหลังของมัน ก่อนจะขยายตัวออกไปกว้างหลายสิบก้าวอย่างรวดเร็ว แนวป้องกันตามธรรมชาติใดๆ ล้วนแต่ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้ามัน!
หมอกแดงทะลักออกมา ซีอาซิสที่เป็นผู้ยกระดับระดับสูงปรากฏขึ้นตรงหน้ามันเป็นคนแรก “ท่านสกายลอร์ด กองทัพของท่านเตรียมพร้อมแล้วขอรับ”
“ถ่ายทอดคำสั่งข้า ชิงเอาเกาะนี้มาให้ได้ ฆ่าคนที่ขัดขืนทิ้งให้หมด!”
“รับทราบขอรับ!” ซีอาซิสส่งเสียงหวีดร้อง ในฐานะที่เป็นผู้ที่มีพลังจิตที่ผ่านพิธียกระดับมาแล้วสามครั้ง เสียงหวีดร้องนี้เพียงพอที่จะทำให้มนุษย์ที่ไม่ได้สวมใส่หินอาญาสิทธิ์กลายเป็นบ้าไปตรงนั้นเลย แต่ถึงแม้จะใส่ก็ยังต้องตกอยู่ในภวังค์เนื่องจากจิตใจถูกโจมตี ขณะเดียวกันมันยังเป็นคำสั่งให้บุกโจมตีด้วย หลังจากเสียงหวีดร้องดังขึ้น ร่างระดับต้นและร่างซิมไบออนท์จำนวนมากก็แห่ทะลักออกมาจากประตูมิติ ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปยังกุ่งกลางของเกาะ!
ความแข็งแกร่งของหน้าไม้เพลิงของมนุษย์นั้นอยู่ที่ระยะยิ่ง ขอเพียงร่นระยะห่างได้ ร่างซิมไบออนท์รุ่นใหม่นี้ก็น่าจะสามารถทำลายแนวป้องกันของศัตรูได้
ไม่นานแนวหน้าของกองทัพก็ข้ามกำแพงรอบนอกและเข้าไปประชิดเมืองของมนุษย์
แต่เสียงปืนกลับไม่ดังขึ้น
นี่ทำให้เฮคซอดรู้สึกแปลกใจ
ไม่ง่ายเลยที่มันจะมองศัตรูว่าอยู่ในระดับเดียวกับเผ่าพันธุ์ของมัน ช่องโหว่แบบนี้มันหมายความว่ายังไงกัน? หรือว่าตอนนี้พวกเขายังไม่รู้ตัวอีกว่าฐานที่มั่นของตัวเองถูกบุกเข้ามาแล้ว!
“ท่านสกายลอร์ด…” หลังจากนั้นสิบห้านาที จู่ๆ ซีอาซิสก็รีบกลับมา “ภายในเมืองถูกพวกเรายึดเอาไว้หมดแล้ว แต่ว่า…ไม่พบร่องรอยของพวกมนุษย์เลยขอรับ ที่นี่กลายเป็นเมืองร้างแล้วขอรับ!”
“เจ้าว่าอะไรนะ?” เฮคซอดลืมตาโต
“ภายในเมืองยังมีสิ่งก่อสร้างอีกมากมายที่ยังสร้างไม่เสร็จ ดูแล้วเหมือนมันเพิ่งจะสร้างขึ้นมาได้ไม่นาน เกรงว่าพวกมันคงจะเพิ่งทิ้งเกาะอาชดยุคไปเมื่อ 1 – 2 วันก่อนหน้านี้เองขอรับ”
หมายความว่า…เรือที่พวกยามเห็นพวกนั้นไม่ใช่การขนทหารขึ้นเกาะ หากแต่เป็นการขนทหารอพยพออกจากเกาะอย่างนั้นเหรอ?
แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง?
การเคลื่อนไหวของมนุษย์ครั้งนี้เหมือนกับรู้ว่ามันกำลังจะมาโจมตีเกาะอาชดยุคอย่างนั้นแหละ! แต่ปัญหาก็คือมันจงใจให้กองทัพหลีกเลี่ยงเมืองทั้งหมดแล้ว ถนนทุกเส้นที่จะผ่านก็มีอายการ์ดคอยตรวจสอบ คนงานมนุษย์ที่น่าจะแพร่งพรายความลับได้ง่ายที่สุด มันก็ให้ทหารคอยจับตาดูเอาไว้ เพื่อตัดความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะติดต่อกับโลกภายนอก ต่อให้อีกฝ่ายสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ พวกเขาก็ไม่น่าจะถอยออกมาเร็วขนาดนี้นี่นา!
ข่าวมันรั่วออกไปจากทางไหนกันแน่?
ยังไม่ทันที่มันจะครุ่นคิดถึงปัญหานี้ จู่ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาจากตรงกลางเกาะ พริบตานั้นเอง พื้นดินพลันสั่นสะเทือนขึ้นมา
ลูกบอลเพลิงที่สว่างเจิดจ้าดวงหนึ่งพลันส่องสว่างขึ้นมาในเวลากลางวัน ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นคลื่นอากาศอันรุนแรงก็กวาดไปทั่วทั้งเมืองชั้นใน เศษฝุ่นที่พุ่งทะลักออกมากลืนกินทหารที่อยู่ในเมืองไปในพริบตา
…………………………………………………………