Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1314 จุดอ่อน
แต่แน่นอน ความยากของอุปกรณ์การสื่อสารแบบไร้สารทั้งสองแบบมีความยากที่ไม่เหมือนกัน อย่างน้อยหลอดสุญญากาศที่เป็นหัวใจสำคัญของเครื่องส่งวิทยุเอเอ็ม ทางกองอุตสาหกรรมก็กำลังพยายามสร้างมันออกมาอยู่
และตัวอย่างที่ล้มเหลวก็กองพะเนินเป็นภูเขาอยู่นอกห้องทดลอง
ส่วนข้อเสนอแนะให้ทำการปรับเปลี่ยนเฮฟเว่นเฟลมที่เอดิธส์เขียนอยู่ในรายงานก็ทำให้โรแลนด์รู้สึกหวั่นไหวเหมือนกัน ในด้านเทคโนโลยีแล้ว การเอาปืนไรเฟิลขนาด 35 มม.ไปติดตั้งไว้บนเครื่องบินปีกสองชั้นนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เอาตัวปืนฝังเข้าไปใต้ท้องเครื่องบิน แล้วเอาที่นั่งที่อยู่ด้านหลังออกก็เป็นอันใช้ได้ ถ้าควบคุมจำนวนกระสุนเอาไว้ที่สิบนัด ในด้านน้ำหนักก็ถือว่าอยู่ในระดับสมดุล ส่วนตำแหน่งอื่นไม่ต้องทำการปรับเปลี่ยนอะไรเลย
ปัญหานั้นอยู่ที่ว่าถ้าอยากจะได้กระสุนหินอาญาสิทธิ์ขนาดใหญ่มา ก็จำเป็นต้องใช้เลือดของแม่มดหรือปีศาจในการละลายและสกัดสายแร่หินอาญาสิทธิ์จนกว่าจะได้หินอาญาสิทธิ์ที่มีขนาดและรูปร่างที่เหมาะสมถึงจะสามารถทำการแปรรูปเป็นหัวกระสุนได้ ถ้าหินมีขนาดใหญ่ไป เครื่องไม้เครื่องมือกับเครื่องจักรที่มีอยู่ตอนนี้ก็จะไม่สามารถทำการแปรรูปได้ ถ้าเล็กเกินไป หินอาญาสิทธิ์ก็จะเปราะเกินไป อีกทั้งกระบวนการคัดเลือกวัตถุดิบนั้นจำเป็นต้องใช้เลือดเวทมนตร์เป็นจำนวนมาก ต่อให้สโมสรแม่มดกับมนตร์แห่งเกาะสลีปปิ้งสนับสนุนวิธีการของเขา เลือดจำนวนเท่านั้นก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการในการใช้ทำสงครามได้
ถ้าอยากจะแก้ไขปัญหานี้จริงๆ เขาก็ต้องไปหาวิธีจากพวกปีศาจ
หนึ่งคือหาวิธีว่าพวกมันทำการสกัดเสาหินอาญาสิทธิ์ขนาดใหญ่ได้อย่างไร
หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องใช้เลือดของพวกมันมาทำผลิตกระสุนนหินอาญาสิทธิ์
ตอนนี้เฮฟเว่นเฟลมสามารถบินไปกลับระหว่างแนวหน้าของสนามรบกับเมืองเนเวอร์วินเทอร์ได้ภายในวันเดียว แล้วถ้าใช้ความสามารถแช่เย็นของอกาธาด้วยแล้วล่ะก็ การจะส่งเลือดปีศาจสดๆ กลับมาจากสนามรบก็เหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมล่ะ?
โรแลนด์จดประเด็นนี้ลงไปในวาระการประชุม
….
หลังตกกลางคืน เขาก็เข้าไปในโลกแห่งความฝันเหมือนอย่างทุกที
เพื่อที่จะให้โปรเจคต่างๆ ของศูนย์ออกแบบเกรย์คาสเซิลเดินหน้าไปได้เร็วขึ้น ความถี่ในการเข้าไปในโลกแห่งความฝันของโรแลนด์ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้จึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก นี่ทำให้เวลาในโลกแห่งความฝันที่เดิมช้ากว่าโลกแห่งความจริงเริ่มไล่ตามขึ้นมาทัน เมื่อที่ก่อนหน้านี้อยู่ในช่วงปลายฤดูร้อน ตอนนี้ได้มีหิมะตกลงมาแล้ว ราวกับว่าที่นี่กับโลกข้างนอกนั้นอยู่ในโลกเดียวกัน แต่ต่างกันเพียงแค่อยู่กันคนละที่เท่านั้น
รุ่งเช้าของชุมชนถงจึยังคงคึกคักเหมือนเดิม การขยายตัวของการกัดกินกับการโจมตีเมืองปริซึมนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่เลย สองข้างทางของถนนยังคงมีแผงขายอาหารเช้าตั้งเรียงราย ผู้คนเดินขวักไขว่ พอตกเย็นก็มีรอยเท้ากระจายอยู่บนกองหิมะเต็มไปหมด
ถึงแม้มิสต์จะบอกว่าโลกนี้ก็กำลังเผชิญหน้ากับสงครามแห่งโชคชะตาเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับเมืองวูล์ฟฮาร์ทที่มีหมอกแดงปกคลุมอยู่เต็มไปหมดแล้ว ที่ดีดูจะสงบกว่ามาก
นอกจากนี้ การเข้ามาในโลกแห่งความฝันเป็นเวลานานไม่เพียงแต่จะทำให้ฤดูเกิดการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่ยังทำให้จิตใจของปีศาจที่ทะลุมิติเข้ามาเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วย
หลังจากคอยจับตาดูและสังเกตมาเป็นช่วงเวลาหนึ่ง โรแลนด์ก็พอจะแน่ใจแล้วว่าปีศาจที่ชื่อวัลคีรีย์ตัวนั้นไม่ได้มาจากคาบสมุทรคาร์การ์ด ถึงแม้เมื่อตรวจสอบจากข้อมูลการลงทะเบียนที่สมาชมผู้ฝึกยุทธ์กู้คืนมาจะบอกว่ามีคนๆ นี้อยู่ในคณะเยี่ยมชมของคาบสมุทรคาร์การ์ด แต่ะพฤติกรรมของเธอกลับยากที่จะอธิบายด้วยเหตุผลได้
สำหรับเรื่องที่ตัวตนเป็นของจริง และสิ่งที่อยู่ในร่างกายกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับโรแลนด์ เพราะตัวเขาเองก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน การใช้คำว่า ‘ผู้ทะลุมิติ’ มานิยามอีกฝ่ายจึงดูเหมาะสมอย่างมาก
ตอนแรกวัลคีรีย์ยังพยายามที่จะแสร้งทำอยู่ หรือพูดอีกอย่างก็คือพยายามทำทุกอย่างในฐานะที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง อย่างเช่นการอ่านหนังสือชนิดต่างๆ ถ้าไม่ต้องพูดก็จะไม่พูดออกมา แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เธอก็รู้ร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะหลังจากที่อาการบาดเจ็บหายดีแล้ว เธอเคยแอบเข้าไปในส่วนลึกของเมืองปริซึมที่ปิดตาย ก่อนไปยืนมองดูรอยแตกที่เกิดขึ้นจากการกัดกินอยู่เงียบๆ จากที่ดาเนนรายงานมา ตอนนั้นสีหน้าของวัลคีรีย์ดูร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกับว่าเธอกำลังปรารถนาอะไรอยู่ มีอยู่หลายครั้งที่ดาเนนนึกว่าอีกฝ่ายจะกระโดดลงไปในรอยแรก แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ไม่ได้กระโดดลงไป
ถ้าบอกว่าที่วัลคีรีย์ทำเช่นนี้ก็เหมือนจะรำลึกถึงเพื่อนที่ตายไปมันก็ดูจะฝืนไปหน่อย เพราะว่าวัลคีรีย์ไม่เคยหยุดอยู่ตรงตำแหน่งที่คณะเยี่ยมชมประสบภัยเลย เธอมุ่งหน้าเข้าไปหาการกัดกินทันทีที่มาถึงเมืองปริซึม
ถ้าจะบอกว่าเปลี่ยนสถานที่ครุ่นคิด มันก็ไม่ยากที่เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะสถาพจิตใจของเธอเกิดการเปลี่ยนแปลง
การข้ามจากเมืองของปีศาจเข้ามายังเมืองในยุคสมัยปัจจุบันที่แปลกหน้านี้ ตอนแรกมันอาจจะยังพอใจเย็นได้อยู่ แล้วก็พยายามที่จะรู้ให้ได้ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น ความหวังที่จะกลับไปก็ยิ่งริบหรี่ลง ความร้อนใจจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เกรงว่าสาเหตุที่แท้จริงที่วัลคีรีย์แอบเข้ามาในเมืองปริซึมนั้นเป็นเพราะว่ามันอยากจะดูว่ามันสามารถกลับไปยังโลกที่มันคุ้นเคยผ่านทางรอยแตกตอนที่มันเข้ามาได้หรือไม่
แต่เสียหาย ชิ้นส่วนแห่งความจำไม่ได้เป็นไปอย่างที่มันหวังเอาไว้
ไม่ว่ายังไง การที่มันสามารถแสร้งทำจนถึงขนาดนี้ได้นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะวัลคีรีย์ไม่รู้ว่าทุกความเคลื่อนไหวของตัวเองล้วนแต่อยู่ในสายตาของดานน ถ้าไม่เป็นเพราะมันเผลอเปิดเผยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างออกมา เพียงแค่ดูจากการที่มันพูดคุยกับผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นๆ ก็แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีช่องโหว่เลย
โรแลนด์ถามตัวเองกลับว่าหากเป็นตัวเขา เขาคงจะทำแบบนี้ไม่ได้แน่
ในเมื่อแน่ใจเรื่องสถานีแล้ว อย่างนั้นหลังจากนี้ก็เหลือแค่ว่าจะจัดการอย่างไร
ในเวลานี้ โทรศัพท์มือถือพลันมีข้อความส่งเข้ามา
ฟิลลิสเป็นคนส่งมา
“ฝ่าบาท ทุกคนพร้อมแล้วเพคะ”
โรแลนด์เอาโทรศัพท์ใส่กลับเข้าไปในกระเป่า ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องรับแขก
ซีโร่กำลังยกบะหมี่ไข่มาที่โต๊ะอาหารพอดี เมื่อเห็นโรแลนด์ เธอก็เอามือเท้าเอวแล้วพูดว่า “คุณอา คุณอาคงไม่ลืมที่รับปากหนูเอาไว้ใช่ไหม?”
“ทำไม ที่เธอตื่นเช้าขนาดนี้เพราะกลัวฉันจะแอบหนีออกไปเหรอ?”
“ก็คุณอาเคยทำแบบนั้นมาก่อน” เธอมุ่ยปาก
“สบายใจได้ ครั้งนี้ไม่แน่นอน” โรแลนด์ยิ้มพร้อมเดินเข้าไปลูบหัวเธอ “กินข้าวเช้าก่อน กินเสร็จแล้วพวกเราไปเรียกพี่การ์เซียที่ห้องข้างๆ จากนั้นค่อนออกเดินทาง”
นอกจากตรุษจีนแล้ว กิจกรรมที่ได้รับความสนใจที่สุดในฤดูหนาวนี้ก็คืองานประลองประลองยุทธ์ที่จัดขึ้นสี่ปีครั้ง สำหรับนักเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายทั้งเมืองแล้ว ถ้าใครได้ไปดูการประลองที่สนามจะต้องกลายเป็นจุดสนใจของเพื่อนๆ แน่นอน แม้แต่ซีโร่ที่เดิมไม่ค่อยสนใจการแข่งขันแบบนี้ก็ยังต้องไป เมื่อเจอกับการรบเร้าต่างๆ นานา สุดท้ายโรแลนด์ถึงได้ต้องตอบรับว่าจะเธอไปชมการประลองที่สนามในช่วงปิดเทอมนี้
เมื่อคิดถึงว่าการแข่งขันในวันนี้มีผู้คุมมาคอยเฝ้า แถมยังเป็นการแข่งขันแบบพบกันหมด ความเป็นไปได้ที่ฟอลเลนอีวิลจะปรากฏตัวจึงมีไม่มากเท่าไร อีกอย่างทุกๆ ปิดเทอมระยะยาวซีโร่ต้องกลับไปที่บ้านเก่า เนื่องจากนี่เป็นคำขอเพียงหนึ่งเดียวของสาวน้อย เขาจึงไม่สามารถปฏิเสธได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมีการ์เซียมาด้วย ตัวเองก็จะได้ทำอะไรๆ สะดวกขึ้นด้วย
โรแลนด์ตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับปีศาจที่ข้ามมิติเข้ามา
…….
นี่เป็นเดือนที่สี่แล่ว
วัลคีรีย์มองไปบนเวทีที่ดังโหวกเหวกไปด้วยเสียงผู้ชม แต่ใจของเธอกลับไม่ได้อยู่บนนั้น
เวลาสี่เดือนที่ผ่านมาทำให้มันพอจะเข้าใจเกี่ยวกับโลกนี้คร่าวๆ แล้ว แล้วก็ทำให้มันได้รู้ถึงการสืบทอดต่างๆ ของมนุษย์ ในอีกแง่หนึ่ง ตัวมันเองก็กลายเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการสืบทอด ขอเพียงกลับไปยังโลกแห่งความเป็นจริงได้ มันจะต้องสร้างประโยชน์ให้กับเผ่าพันธุ์มันได้อย่างมากแน่ แต่ปัญหาที่สำคัญก็คือ มันหาทางออกไปจากโลกแห่งจิตสำนึกไม่เจอ
วัลคีรีย์มีข้อมูลสำคัญอยู่มากมาย แต่กลับไม่มีใครที่มันจะส่งต่อข้อมูลให้ได้ คล้ายว่ามันเจอน้ำเปล่าขวดหนึ่งในทะเลทราย แต่กลับพบว่าปากขวดถูกปิดตายเอาไว้
ไม่ว่าจะขอความช่วยเหลือไปทางเฮคซอด หรือว่าพยายามรับรู้ถึงร่องรอยของจักรพรรดิ มันก็ล้วนแต่ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ กลับมา ถึงแม้มันจะไปยืนทำสมาธิอยู่ตรงรอยแตกของดินแดนนี้ โลกแห่งจิตสำนึกก็ไม่ได้ตอบรับการเรียกของมัน มันเพิ่งจะเคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรก
วัลคีรีย์เริ่มแอบรู้สึกเกลียดสกายลอร์ดขึ้นมา
ทำไมจนป่านนี้มันยังไม่ลองปลุกตัวเองขึ้นมาอีก?
………………………………………………………………