Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1319 เจตจำนงอิสระ
หลังกลับมาในห้องของศูนย์พักฟื้น เฟยอวี่หานก็ล็อกประตูห้อง ก่อนจะหยิบเอาเครื่องอัดเสียงออกมาจากชิ้นส่วนเครื่องประดับ
มันมีขนาดเล็กประมาณข้าวสาร ตัวมันไม่มีความสามารถในการเปิดเสียงออกมา มันจำเป็นต้องเสียบเข้าไปในเครื่องอ่านเฉพาะถึงจะฟังสิ่งที่อัดเอาไว้ได้
หลังเอาข้อมูลถ่ายลงไปในโน๊ตบุ๊คแล้ว เธอก็เลื่อนหาเสียงที่ใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่วัลคีรีย์ออกไปจากสนามประลอง ก่อนจะกดเล่น
‘ซ่า…ซ่า….’
‘พวกเราเจอกันอีกแล้วนะครับ คุณวัลคีรีย์’ เสียงของโรแลนด์ดังขึ้นมา
มาแล้ว
เฟยอวี่หานยิ้มมุมปากพร้อมกับชงชาให้ตัวเอง
เธอตัดสินใจที่จะดื่มด่ำกับผลของแผนการที่เธอใช้เวลาวางแผนมานาน
….
ชาที่มีไอร้อนพุ่งขึ้นมาค่อยๆ เย็นลง จนกระทั่งอุณหภูมิของมันกลายเป็นเหมือนน้ำธรรมดาอีกครั้ง แต่เจ้าของชาก็ยังไม่ได้ดื่มมันเลยแม้แต่อึกเดียว
ถึงแม้จะสังหรณ์ใจเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เธอก็ยังพบว่าสิ่งที่เธอได้ยินนี้มันเกินไปจากสิ่งที่เธอจะจินตนาการได้!
ในตอนที่กดปุ่มหยุดเล่น เฟยอวี่หานพบว่าปลายนิ้วของตัวเองสั่นเล็กน้อย
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่มีชื่อเสียงมานาน นี่ถือว่าเป็นการสูญเสียการควบคุมแล้ว!
ในที่สุดตอนนี้เธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมโรแลนด์ที่เป็นถึงนักล่าถึงได้บีบแก้วเหล้าจนแตกในงานเลี้ยงครั้งนั้น ถ้าเป็นความลับที่เกี่ยวพันถึงพระเจ้า ไม่ตกใจสิถึงจะแปลก
โลกความฝันที่ถูกสร้างขึ้นมา อารยธรรมที่ต่อสู้เพื่อความอยู่รอด ความสัมพันธ์และการคงอยู่ของทั้งสองโลก ผู้ปกป้องที่เดินทางไปมาในโลกแห่งจิตสำนึก มีอะไรที่น่าเหลือเชื่อกว่าเรื่องพวกนี้อีกงั้นเหรอ?
เดิมการที่ทั้งสองคนเลือกที่จะไปคุยกันที่ร้านกาแฟนั้นทำให้เฟยอวี่หานรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่หลังฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกันแล้ว เธอถึงได้พบว่าต่อให้ไปพูดเรื่องเหล่านี้ต่อหน้าคนอื่น คนอื่นๆ ก็คงคิดว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหลอยู่ดี
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เฟยอวี่หานกลับไม่คิดว่าสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกันนั้นเป็นเรื่องโกหก ถ้าทุกสิ่งที่โรแลนด์ทำอยู่ในตอนนี้คือการเสแสร้งแกล้งทำ มันก็ดูจะเกินเลยไปหน่อย
ถ้าโลกนี้เป็นโลกที่ถูกคนสร้างขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ อย่างนั้นเกรงว่าเธอคงเป็นคนแรกที่ค้นพบความจริงที่อยู่เบื้องหลังฉากนั้น
“หึ…” เฟยอวี่หานหัวเราะออกมาเบาๆ
ความรู้สึกนี้มัน….ช่างดีจริง!
ส่วน ‘ความจริงหรือเรื่องแต่ง’ ที่เทวทูตตนนั้นถามถึง เธอไม่ได้สนใจมันแม้แต่น้อย เพราะไม่มีใครรู้ดีกว่าเธอ เธอยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวหรือทุกๆ ความคิดที่ผุดขึ้นมาในสมองก็ล้วนแต่มาจากเจตจำนงของเธอ การสืบหาความลับของผู้มาเยือนจากโลกอื่นเองก็เช่นเดียวกัน
บางทีโรแลนด์อาจจะเป็นหนึ่งในผู้สร้างของโลกนี้จริงๆ แต่ถ้าใช่แล้วมันยังไงล่ะ? ถ้าโลกนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากพลังเอกภพและอนุภาคธาตุต่างๆ อย่างนั้นถ้าเปลี่ยนจากพลังเอกภพเป็นคนมันจะต่างกันตรงไหน
เฟยอวี่หานพิงไปบนเก้าอี้แล้วปล่อยให้ร่างกายสั่นเบาๆ เพื่อดื่มด่ำกับความสุขที่ไม่เคยเจอมานาน
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ อารมณ์ที่ตื่นเต้นก็ค่อยๆ สงบลง
ตามหลักแล้ว ข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวกับเรื่องที่พระเจ้าพยายามจะทำลายโลกและตัวตนที่แท้จริงของฟอลเลนอีวิลนั้นต้องรายงานให้สมาคมรับทราบ แต่เนื่องจากข้อมูลนี้เกี่ยวพันถึงเรื่องอีกมากมายจนแทบจะเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจที่จะสังเกตการณ์ดูอีกหน่อย
เพราะนอกจากการพูดคุยของทั้งสองคนแล้ว ในมือเธอยังไม่มีหลักฐานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ นั่นคือทั้งสองคนอาจจะเป็นโรคประสาทขั้นรุนแรง เธอเคยได้ยินเรื่องเล่ามาตั้งแต่ตอนสมัยมัธยมสองว่าคนที่เป็นแบบนี้มีโอกาสที่จะเชื่อมต่อกันทางกระแสจิตและได้รับเสียงสะท้อนจากคนประเภทเดียวกัน ถึงแม้ความเป็นไปได้มันจะมีไม่สูง แต่มันก็ไม่อาจมองข้ามได้
โชคดีที่ตอนนี้วัลคีรีย์ได้ติดต่อกับโรแลนด์โดยตรงแล้ว โอกาสที่เธอจะได้ดักฟังความลับจึงมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เฟยอวี่หานรู้สึกสนใจมากที่สุดก็คืออีกโลกหนึ่งที่ทั้งสองคนอยู่
อย่างเช่นผู้หญิงที่เรียกโรแลนด์ว่าฝ่าบาทพวกนั้น
ถ้าพวกเธอสามารถเข้ามาในโลกแห่งความฝันได้ อย่างนั้นตัวเองก็สามารถออกไปดูโลกทางด้านนั้นได้เหมือนกันใช่ไหม?
ไปดูสิ่งที่เรียกว่า….ความจริง
……
“นายไปไหนมาเนี่ย” การ์เซียถลึงตาอย่างไม่พอใจ “ไหนบอกว่าจะดูการประลองเป็นเพื่อนซีโร่ไง?”
“ขอโทษ…ทางสมาคมมีธุระให้ฉันไปจัดการ ฉันก็เลยต้องไป” โรแลนด์เกาหัวตัวเอง เรื่องนี้เขาเป็นฝ่ายผิด ดังนั้นเขาจึงขอโทษออกมาอย่างไม่รีรอ เพื่อที่จะทิ้งระยะห่างจากวัลคีรีย์ในตอนที่กลับมา เขาจึงจงใจนั่งอยู่ที่ร้านอาหารนานอีกหน่อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าขากลับจะเจอกับเหล่าพนักงานออฟฟิศที่เลิกงานมาพอดี ผลปรากฏว่าทั้งสองคนจึงต้องรอเข้าอยู่ที่ประตูสนามประลองกว่าครึ่งชั่วโมง
“ถ้าไม่เป็นเพราะฉันยังต้องไปลาดตระเวนอีก ฉันคงไม่รอนายแล้ว” การ์เซียพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “พาสาวน้อยไปกินอร่อยๆ เพื่อชดเชยซะ”
เธอลูบหัวซีโร่เบาๆ อีกฝ่ายพยักหน้า ก่อนจะวิ่งเหยาะๆ เข้าไปหาโรแลนด์ จากนั้นจึงหันมาโค้งตัวแล้วพูดกับกาณ์เซียว่า “ขอบคุณพี่การ์เซียมากนะคะ!”
“ถ้าเขารังแกเธอ เธอต้องมาบอกฉันนะ”
“ค่ะ”
เจ้านี่ ทีอยู่ต่อหน้าคนอื่นล่ะทำเป็นเรียบร้อยเชียว โรแลนด์บ่นอยู่ในใจ แต่สีหน้ากลับทำเป็นพูดอย่างจริงใจออกมา “วางใจได้ เดี๋ยวฉันจัดการเอง เออใช่ ให้ฉันซื้อมาฝากเธอด้วยไหม?”
“ไม่ต้อง” การ์เซียโบกมือ “พวกนายไปเถอะ เดี๋ยวฉันกลับเข้าไปในสนามก่อน”
“วันนี้ขอบคุณเธอมากกนะ” หลังโรแลนด์บอกลาอีกฝ่าย เขาก็หันมายักไหล่ให้ซีโร่ “ไปเถอะ ข้างหน้ามีห้างอยู่ วันนี้เธออยากกินอะไรก็เลือกเลย”
“อื้อ” ซีโร่ตอบเสียงเศร้าๆ
แปลกๆ เวลาแบบนี้เธอควรจะรีบฉวยโอกาสไม่ใช่เหรอ โรแลนด์รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทำไมจู่ๆ เธอถึงดูเงียบๆ ขึ้นมา? “ทำไม การประลองวันนี้ไม่สนุกเหรอ?”
“เปล่า สนุกกว่าในทีวีตั้งเยอะ…”
“อย่างนั้นก็ดี เอาไว้เธอกลับมาจากบ้านตอนปิดเทอมแล้ว ฉันจพาเธอมาดูการประลองอีก เพราะยังไงซะตอนนี้ฉันก็เป็นสมาชิกของสมาคมแล้ว ตั๋วน่าจะหาได้ไม่ยาก”
หลังเดินตามทางเดินแล้วข้ามถนนมา ทั้งสองคนก็เดินไปบนฟุตบาทที่มีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมา หิมะที่อยู่ด้านล่างเท้าถูกเหยียบจนละลาย แต่ก็ยังมีหิมะจำนวนมากตกโปรยปรายลงมาจากบนฟ้าแล้วก็ถูกแสงไฟสาดส่งจนกลายเป็นสีสันที่สายงาม หากหิมะยังตกอยู่แบบนี้ พรุ่งนี้เช้าในเมืองน่าจะกลายเป็นสีขาวโพลน
ฝีเท้าของซีโร่ช้าลงเรื่อยๆ จนเธอเดินตามอยู่ด้านหลังโรแลนด์
จู่ๆ โรแลนด์พลันรู้สึกว่าชายเสื้อของตัวเองถูกอะไรมารั้งเอาไว้
เขาหยุดฝีเท้าแล้วหันหน้ากลับไปอย่างแปลกใจ
ก่อนจะเห็นสาวน้อยยืนก้มหน้า มือของเธอจับชายเสื้อของเขาเอาไว้โดยไม่พูดอะไรออกมา
“เป็นอะไรเหรอ…” โรแลนด์งุนงง “เอ่อ ฉันขอโทษที่ไม่ได้ดูการแข่งขันเป็นเพื่อนเธอ แต่ว่างาน..”
ซีโร่ส่ายหัว “หนู…ไม่อยากกลับไป”
“อะไรนะ?”
“หนูไม่อยากกลับบ้าน คุณอา” เธอเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเอง “ปิดเทอมสองเดือนนี้ หนูขออยู่ที่ห้องคุณอาต่อได้ไหมคะ? ค่าเช่าหนูจะพยายามหามาให้ ก่อนหน้าหนูเองก็มีเก็บเงินซื้อกับข้าวเอาไว้ ตอนนี้จะต้องหาได้เร็วขึ้นแน่นอน หนูรับรองว่าจะจ่ายครบแน่นอน หนู…”
เมื่อเห็นภาพสาวน้อยเหมือนกำลังรวบรวมความกล้าออกมา โรแลนด์พลันพูดอะไรไม่ออก
ภาพที่เขาเคยแอบอ่านไดอารี่ของอีกฝ่ายปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง จู่ๆ เขาพลันรู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรผิด
เรื่องที่ครอบครัวของซีโร่ไม่ปรองดองกันนั้นไม่ใช่ความลับอะไร ไม่ว่าจะดูจากคำพูดการกระทำของเธอหรือว่าการกินการอยู่ เกรงว่าครอบครัวของเธอคงจะไม่ค่อยดีกับเธอเท่าไร แต่โรแลนด์ก็ไม่เคยเข้าไปแทรกแซง หรือพูดอีกอย่างคือเขาจงใจปล่อยให้มันเป็นแบบนี้
เพราะว่าเธอคือผู้สร้างอีกคนหนึ่งของโลกนี้
ถ้าอยากจะให้โลกแห่งความฝันดำเนินไปแบบนี้เรื่อยๆ เช่นนั้นการไม่เข้าไปแทรกแซงมันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เข้าไปรีบพาซีโร่ไปเข้าสมาคมผู้ฝึกยุทธ์หลังจากที่เธอตื่นรู้พลังแห่งธรรมชาติ
การเปลี่ยนแปลงสภาพในปัจจุบันมันจะยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสปลุกตัวเธอในอีกด้านหนึ่งขึ้นมาหรือเปล่า? ถ้าเธอกลับไปเป็นซีโร่ผู้บริสุทธิ์อีก โลกนี้จะกลายสภาพเป็นแบบไหน?
เขาพยายามป้องกันไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาโดยตลอด
แต่โรแลนด์กลับมองข้ามไปว่าซีโร่นั้นเป็นแค่เด็กผู้หญิงอายุ 13 – 14 ปี
‘เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าโลกนี้มันเป็นโลกที่สมมติขึ้นมา?’
ในตอนที่มิสต์ถามเขา เขาให้คำตอบว่าใช่ออกไป แต่สิ่งที่เขาปฏิบัติต่อซีโร่กลับเป็นตรงกันข้าม
“ไม่ ไม่ได้เหรอคะ..” ความกล้าที่รวบรวมขึ้นมาได้อย่างยากลำบากค่อยๆ หายไป เสียงของสาวน้อยเบาลงเรื่อยๆ
“เธอก็รู้ว่าฉันไม่ใช่ผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฎหมายของเธอ ถ้าฉันให้เธออยู่ที่ตึกถงจึ แค่วันสองวันมันก็ได้อยู่ แต่ถ้านานกว่านั้น คนที่บ้านเธอจะต้องมาหาฉันแน่ พอถึงตอนนั้นไม่ว่าเธอจะไม่อยากกลับแค่ไหน เธอก็ไม่มีทางที่จะอยู่ที่นี่ต่อได้ แล้วตัวฉันเองก็จะมีปัญหาด้วย”
สายตาซีโร่ดูเศร้าสร้อย
“แต่ว่ามีอยู่วิธีหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้” โรแลนด์คุกเข่าลงไปปัดหิมะที่อยู่บนไหล่ของเธอ
“จริงเหรอคะ?” เธอเงยหน้าขึ้นมาทันที
“สิ่งที่เธอต้องทำก็คือเข้าร่วมสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ก็เป็นผู้ดูแลผู้ตื่นรู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ขอเพียงเธอตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ ก็จะไม่มีใครมาบีบบังคับเธอได้ ถึงแม้เธอจะยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ตาม” โรแลนด์พูดยิ้มๆ “และนี่ก็คือสิทธิพิเศษของผู้ฝึกยุทธ์…ว่าไง เธออยากจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์หรือเปล่า?”
“หนู…”
“แต่ต่อให้เข้าสมาคมไปแล้ว เธอก็ยังต้องเรียนหนังสืออยู่ อย่างคิดว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้วจะไม่ต้องเรียนหนังสือล่ะ” เขาเลิกคิ้ว “ส่วนเรื่องการแข่งขันอะไรนั่นมันก็แล้วแต่เธอ ถ้าเธอไม่อยากต่อสู้ก็ไม่ต้องลงแข่งก็ได้”
คำพูดนี้เหมือนจะช่วยคลี่คลายปัญหาหนักใจอันสุดท้ายให้ซีโร่ เธอสูดหายใจพร้อมกับพยักหน้า “อย่างนั้นหนูจะเข้าสมาคม”
“ได้ เดี๋ยวกลับไปแล้วฉันจะช่วยเธอเขียนใบสมัคร หลังจากนั้นเธออยากจะอยู่ที่ไหนก็ได้”
“อยู่ห้อง 0825 ได้ไหม?”
โรแลนด์ยื่นมือไปหาเธอ “ได้แน่นอน”
วิถีของโลกนี้ได้ถูกทำลายลงแล้ว
หลังจากนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรเขาก็ไม่อาจรู้ได้
แต่นั่นล้วนแต่เป็นการตัดสินใจของเจตจำนงที่เป็นอิสระ
ท่ามกลางหิมะที่ตกโปรยปรายลงมา ทั้งสองคนเดินฝ่าฝูงคนตรงไปยังจัตุรัสที่ส่องสว่างภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน
………………………………………………………………..