Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1331 คนที่หายสาบสูญไป
“แค่กๆ…แค่ก…” ท่ามกลางฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย โจเดลค่อยๆ ลุกขึ้นมา บนหัวของเขายังคงมีเศษสิ่งก่อสร้างตกลงมา อาคารที่เมื่อครู่นี้ยังตั้งตระหง่าน ตอนนี้เหลือเพียงแต่ฐานด้านล่างเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ที่โชคดีก็คือ คานกับกำแพงที่ถล่มลงมาทับกันจนกลายเป็นช่องเล็กๆ ให้เขาพอแทรกตัวได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงยังรอดชีวิตอยู่
“ยังมีใครอยู่ไหม?” เขาตะโกนเสียงดัง แต่ฝุ่นที่คละคลุ้งก็อุดปากเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ความเป็นไปได้ที่เพื่อนๆ จะได้ยินเสียงตะโกนของเขานั้นมีไม่สูงนัก
โจเดลมุดผ่านช่องแคบๆ ระหว่างคานและก้อนหินออกมา แล้วคลานออกไปทางแสงสว่างที่ลอดผ่านช่องเข้ามา
ด้วยแสงสว่างที่ลอดเข้ามา เขามองเห็นแขนและขาของตัวเองถูกเศษไม้ทิ่มแทงจนทะลุอยู่หลายแห่ง เลือดสดๆ ชโลมชุดทหารของเขา ยาชะลอได้แสดงประสิทธิภาพของมันออกมา ถ้าไม่ได้หยุดความเจ็บปวดเอาไว้ล่ะก็ เขาก็ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไรถึงจะฟื้นตัวขึ้นมาได้
โจเดลคลานออกมาจากเศษซากที่ถล่มลงมาอย่างยากลำแบก จากนั้นเขาจึงเห็นปีศาจหลายตัวยืนอยู่ห่างจากเขาไปไม่ถึง 10 เมตร — อีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่าเป็นกลุ่มปีศาจที่พุ่งเข้ามาหาหอนาฬิกาก่อนหน้านี้ ถ้าปีศาจแมงมุมโจมตีมาช้ากว่านี้อีกนิดหนึ่ง เขาคงกำจัดพวกมันไปจนหมดแล้ว
ศัตรูล้อมเข้ามา พวกมันคิดจะกำจัดทุกชีวิตที่คิดจะหนีไปจากที่นี่
โจเดลไม่ได้ลังเลอะไรอีก
เขารู้ว่าโอกาสที่ตัวเองจะรอดไปจากที่นี่นั้นริบหรี่เต็มที ปืนยาวลูกเลื่อนยิงได้แค่ทีละนัด ส่วนทางพวกปีศาจคุ้มคลั่งนั้น ด้วยร่างกายของพวกมันเกรงว่าคงจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆ ก่อนที่เขาจะได้ดึงลูกเลื่อนด้วยซ้ำ
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังยกปืนขึ้นมาอย่างไม่ลังเล
สำหรับชาวทะเลทรายแล้ว ความตายนั้นไม่น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวคือการมองไม่เห็นความหวัง
ถ้าความตายของเขาสามารถทำให้เผ่าอยู่รอดต่อไป ทำให้ลูกเมียของเขามีข้าวให้กิน แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว
วินาทีที่ยิงปืนออกไป โจเดลพลันนึกถึงช่วงเวลาที่เขาต้องแบกรับความกดดันมหาศาลของเผ่าใหญ่ในเมืองไอรอนแซนด์กับตอนที่ไปสวามิภักดิ์ต่อชีค ในคืนวันนั้น เขาตัดสินใจที่จะสู้ตายกับเผ่าไวล์เวฟกับเผ่าคัทโบนด์
ปีศาจคุ้มคลั่งตัวหนึ่งล้มลงไปพร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้น ส่วนปีศาจอีกสามตัวก็พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว
ในระยะเท่านี้ กรงเล็บนั้นใช้ได้ผลดีกว่าหอก
พริบตานั้นเอง มือขนาดใหญ่ข้างหนึ่งก็พุ่งมาที่ข้างหน้าเขา ถ้าถูกจับได้ล่ะก็ หน้าของเขาครึ่งหนึ่งคงต้องถูกบีบจนเละแน่
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ โจเดลพลันรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองมันไม่ฟังคำสั่งของสมอง
ร่างกายเขาโน้มเอนไปด้านหลัง ก่อนจะหลบการโจมตีอันสุดอันตรายนี้ด้วยมุมโค้งอันน่าเหลือเชื่อ จากนั้นก็ใช้ด้ามปืนเป็นเสาค้ำยันดีดตัวเองให้พุ่งขึ้นไปบนอากาศแล้วกลิ้งหลบไปด้านหลังได้อย่างสวยงาม
และในตอนที่ตัวเขาตกลงพื้นนั่นเอง กระสุนนัดที่สองก็ถูกผลักเข้าไปในรังเพลิง!
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
โจเดลงุนงง
หรือว่าเป็นผลข้างเคียงของยาชะลอ แต่เขาไม่เพียงแต่จะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ซ้อนทับกัน ทว่าความเคลื่อนไหวเขากลับคล่องแคล่วขึ้นด้วย เพียงแต่การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้มันไม่ได้มาจากความต้องการของเขา
แต่ถึงแม้จะงุนงง ร่างกายของเขาก็ไม่ได้หยุดลงแม้แต่นิดเดียว
ปีศาจส่งเสียงคำรามพุ่งเข้ามา สองมือของชาวทะเลทรายที่จับปืนอยู่ค่อยๆ ยกปืนขึ้นมา เสี้ยววินาทีที่เหนี่ยวไกออกไป ปากกระบอกปืนแทบจะจ่ออยู่ตรงหน้าผากของอีกฝ่าย!
“ปัง…”
ศีรษะของศัตรูระเบิดออก
ปีศาจคุ้มคลั่งตัวที่สองเองก็พุ่งเข้ามาด้านหน้า มันเหมือนจะได้เรียนรู้จากปีศาจตัวที่แล้ว มันจึงไม่ได้พุ่งเข้ามาหาโจเดลในทันที หากแต่ดึงเอาหอกขึ้นมาเหวี่ยงใส่เขา สิ่งเดียวที่โจเดลจะเอามาใช้ป้องกันได้นั้นมีเพียงแค่ปืนที่อยู่ในมือเท่านั้น ซึ่งร่างกายเขาก็ตอบโต้ออกมาเช่นนั้นเหมือนกัน ผลคือด้วยความต่างของเรี่ยวแรงอันมหาศาล ตัวปืนถูกกระแทกจนลอยออกไป ก่อนกระเด็นไปตกอยู่ในซากปรักหักพัง
ในขณะที่โจเดลคิดว่าทุกอย่างมันได้จบลงแล้ว ร่างกายมันเคลื่อนไหวอย่างเหนือความคาดหมายออกมาอีกครั้ง เขายืดตัวขึ้นแล้วพุ่งตรงเข้าไปหาอ้อมอกของปีศาจ ส่วนมือขวาก็ชักเอามีดสั้นออกมาจากข้างเอว
มีดเสียบจากด้านล่างขึ้นด้านบน ปลายมีดทะลุจากใต้คางขึ้นไปถึงกะโหลกด้านบนของศัตรู
หมอกสีแดงพุ่งกระจายออกมาทันที!
ในตอนที่ศัตรูคิดจะใช้สองมือรัดตัวเขาเอาไว้ โดยหวังจะได้ตายไปตามกัน โจเดลพลันหลบหนีออกมาจากการกอดของศัตรูราวกับปลาไหล
ปีศาจเดินโซซัดโซเซ ก่อนจะค่อยๆ คุกเข่าลงไปกับพื้น
สำหรับโจเดลแล้ว การเอาชนะปีศาจที่เรี่ยวแรงเหนือมนุษย์ในระยะประชิดนั้นเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน แต่ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่จะทำเรื่องนี้ได้ แต่ยังจัดการปีศาจไปได้สองตัวในอึดใจเดียวด้วย?
สุดท้ายปีศาจอีกตัวที่เหลืออยู่ก็ยกหอกกระดูกขึ้นมา
แต่เป้าหมายของมันไม่ใช่โจเดล หากแต่เป็นกำแพงแตกๆ ตรงซากหอนาฬิกา!
หอกพุ่งทะลุหน้าต่างไม้ตรงกำแพงราวกับสายฟ้า คนตัวเล็กคนหนึ่งส่งเสียงหวีดร้องพร้อมกระเด็นตกออกมาจากด้านหลังกำแพง
นั่นคือฟาร์รี!
ปีศาจคุ้มคลั่งไม่สนใจแขนที่หกลีบลง มันก้าวยาวๆ วิ่งเข้าไปหาเขา ส่วนโจเดลเองก็หมุนตัววิ่งเข้าไปหาศัตรูโดยอัตโนมัติ ทั้งสองคนวิ่งมาถึงตรงหน้าฟาร์รีแทบจะพร้อมกัน ในวินาทีที่ปีศาจคุ้มคลั่งลงมือ มีดของเขาก็พุ่งทะลุลำคอของอีกฝ่ายจากทางด้านหลัง
หมอกสีแดงพุ่งออกมาจากบาดแผล ก่อนจะสาดเข้าใส่แขนของฟาร์รีที่ยกขึ้นมากันเอาไว้
ฟาร์รีส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา สิทธิ์ในการควบคุมร่างกายของโจเดลกลับมาเป็นของเขาอีกครั้ง
“หรือว่าเจ้าเป็น…”
เมื่อเห็นแขนที่กำลังเปื่อยยุ่ยอย่างรวดเร็วของอีกฝ่าย เขาก็เข้าใจทันที
“ทำไม…เจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
ชาวโมเกนนั้นไม่เหมือนกันศาสนจักรของอาณาจักรทางเหนือ พวกเขาไม่ได้มองแม่มดเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย หากแต่มองเป็นเทพีที่มีพลังเหนือมนุษย์ เนื่องจากมีจำนวนที่น้อย ดังนั้นเผ่าที่มีเทพีอยู่ ปกติจึงมักจะมักศักยภาพที่จะเข้าไปอยู่ในเมืองไอรอนแซนด์
โจเดลเคยได้ยินมาว่ามีเผ่าๆ หนึ่งชื่อเผ่าแซนด์สโตนเคยติดตามราชินีเคลียร์วอเทอร์ขึ้นไปยังทางเหนือที่ไกลแสนไกลภายใต้การนำของเทพีของเผ่า แต่สุดท้ายพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้กลับมา ส่วนเทพีคนนั้นมีชื่อว่าคาบาร่า ความสามารถของเธอคือสั่งให้คนอื่นทำงานให้ตนได้
พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้รับผลตอบแทนได้ๆ อย่างที่ควรจะได้รับ การจากไปของชายหนุ่มของเผ่าจำนวนมากทำให้เผ่าไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ เด็กและผู้หญิงที่ยังอยู่ที่ดินแดนทางใต้สุดถูกเผ่าอื่นๆ กลืนกิน จนกระทั่งชีคได้มาตั้งกฏหมายให้กับทะเลทราย เผ่านี้ถึงได้อยู่รอดมาได้
เทคนิคการต่อสู้ระดับสูง ร่างกายที่ได้โดนควบคุม และการเป็นชาวโมเกนแต่กำเนิด….หลังจากที่ได้เห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อนี้ด้วยตาตัวเอง นอกจากเทพีของเผ่าแซนด์สโตนคนนั้นแล้ว เขาก็หาคำอธิบายอื่นไม่ได้เลย
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมานั่งคิดเรื่องนี้ เขาหยิบเอาผ้าพันแผลออกมาจากกระเป๋าข้างเอวแล้วพันให้ฟาร์รี จากนั้นก็ใช้มีดเฉือนผิวที่เปื่อยยุ่ยทิ้งไป ก่อนจะแบกอีกฝ่ายขึ้นมา
“อย่า…พูดเรื่องนี้ออกไป…” เพื่อนที่อยู่ด้านหลังส่งเสียงงึมงำออกมาเบาๆ
“แต่ว่า…”
“ขอร้องเจ้าล่ะ” อีกฝ่ายพูดตัดบทออกมาอย่างอ่อนล้า
โจเดลลังเลอยู่ครู่ สุดท้ายจึงพยักหน้าออกมาเล็กน้อย “ก็ได้ ข้าไม่พูด”
เสียงปืนรอบๆ ยังคงดังขึ้นไม่หยุด แต่ความถี่ลดน้อยลงแล้ว
เขามองเห็นปีศาจแมงมุมที่บุกเข้ามาในเมืองตัวนั้นโดยปืนใหญ่สนามยิงจนเสียหายไปครึ่งหนึ่ง ตอนนี้มันอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
กระทั่งเข้ามาในเขตเมืองชั้นในแล้ว ทุกๆ ช่วงถนนจะมีคนวิ่งออกมาจากที่ซ่อนเพื่อคุ้มครองพรวกเขาให้ถอยเข้าไปยังพื้นที่ปลอดภัย ในตอนที่บนท้องฟ้ามีอัศวินอากาศปรากฏตัวขึ้นมา โจเดลก็รู้แล้วว่าในที่สุดครั้งนี้พวกเขาก็หยุดการโจมตีของปีศาจเอาไว้อีกครั้ง
บางทีในการต่อสู้ครั้งหน้าอาจจะเป็นการป้องกันครั้งสุดท้ายของพวกเขาแล้วก็ได้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ชัยชนะก็ยังเป็นของพวกเขาอยู่
แต่สิ่งที่โจเดลคิดไม่ถึงก็คือ หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ทหารทุกคนจะได้รับคำสั่งให้ทิ้งเมืองกัสต์ แล้วถอนกลับไปยังปากทางเข้าทางตะวันตกของภูเขาเคจเมาเธ่น
………………………………………………………………..