Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1333 สนามรบทางด้านหลัง
ต่อสู้เพื่อมนุษย์ชาติ….
ถึงแม้ชีคจะเคยบอกเอาไว้จริงๆ ว่าสงครามครั้งนี้จะเป็นการตัดสินชะตาชีวิตของมนุษย์ แต่สาเหตุที่โจเดลมาเข้ากองทัพที่หนึ่งนั้นก็เพื่อเผ่าของตัวเอง แล้วไม่เคยคิดเลยว่าจะได้สิ่งตอบแทนอะไรจากคนอื่น
แต่ไม่ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะซาบซึ้งในสิ่งที่เขาทำหรือไม่ นี่มันก็เป็นภารกิจที่เขาต้องทำอยู่แล้ว
ถึงแม้ตอนนี้โจเดลจะคิดเช่นนี้ แต่เมื่อนึกถึงรอยยิ้มของพยาบาลและอาหารร้อนๆ ที่เขากินเข้าไป ภายในใจเขาพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
สิ่งที่เขาทำอยู่นี้ บางทีมันอาจจะสำคัญมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ก็ได้
หลังกินอาหารเสร็จเรียบร้อย โจเดลก็กลับมาหากลุ่มของตน
ในกลุ่มชาวทะเลทรายที่ 9 ของเขามีทหารหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมาหลายคน นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก ด้านหลังมักจะส่งทหารเข้ามายังแนวหน้าอย่างต่อเนื่อง ในนั้นมีทั้งทหารเก่าที่เดินทางตามมาทีหลัง แล้วก็มีทหารใหม่ที่เพิ่งจะรับสมัครเข้ามา เนื่องจากหลังทำศึกใหญ่ทุกครั้ง แนวหน้ามักจะเกิดความเสียหาย ด้วยเหตุนี้การปรับและเติมกำลังพลจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำ
สิ่งที่ทำให้โจเดลรู้สึกดีใจก็คือ เขาพบว่าเพื่อนทหารสองคนที่ไปเฝ้าหอนาฬิกาในตอนนั้นกับเขายังมีชีวิตอยู่
“ข้านึกว่าพวกเจ้าตายอยู่ตรงนั้น แล้วมีแต่ข้ากับคา…ฟาร์รีที่หนีออกมาได้เสียอีก” หลังกอดอย่างดีใจแล้ว โจเดลก็ตบไหล่ของอีกฝ่ายแรงๆ
“ตอนนั้นโชคดีทีเดียว ตอนที่หอนาฬิกาถล่มลงมา พวกข้าสองคนอยู่ด้านนอกแล้ว โชคดีที่หลบหินที่ตกลงมาได้” เพื่อนทหารที่โชคดีตอบ “เจ้านั่นแหละที่น่าตกใจมากกว่า อยู่ในหอนาฬิกาแต่กลับไม่เป็นอะไร รู้อย่างนี้พวกข้าไม่หนีออกมาแต่แรกหรอก”
“ไม่ รีบหนีออกมานั่นแหละถูกแล้ว” โจเดลส่ายหัว ในสถานการณ์แบบนั้น ต่อให้มีชีวิตรอดออกมาได้ แต่ก็อาจจะต้องเจอกับศัตรูที่กำลังเข้ามาทางหอนาฬิกา ถ้าไม่เป็นเพราะคาร์บาร่าช่วยเขาเอาไว้ เขาก็ไม่มีทางที่จะหนีออกมาจากวงล้อมของปีศาจแน่ “เสียดายที่คนอื่นๆ ไม่ได้โชคดีแบบนี้”
ในกลุ่ม 10 คนมีอยู่แค่ครึ่งหนึ่งที่รอดชีวิตมาได้ ถึงจะบอกว่าชาวทะเลทรายเคยชินกับความตาย การแยกจากถือเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขา แต่ภายในใจเขาก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่
เพราะในการฝึกซ้อมมาด้วยกันครึ่งปี พวกเขาต่างผูกพันกันจนไม่ได้ต่างอะไรกับคนที่อยู่ในเผ่าเดียวกันเลย
แต่เศร้าใจมันก็เรื่องหนึ่ง ตอนนี้ภายในใจโจเดลมีความรู้สึกสงสัยบางอย่าง
ความสำคัญของเมืองกัสต์นั้นเป็นที่รู้กันดี แม้แต่ตัวเขาก็ยังรู้ในจุดนี้ เป็นเพราะเมืองเมธัลสโตนตกอยู่ในมือของปีศาจถึงได้ทำให้ปีกของแนวป้องกันเสียไปทั้งหมด ดังนั้นการที่ทิ้งเมืองกัสต์ไป ก็จะทำให้แรงกดดันในส่วนนี้ตกไปอยู่ทางตะวันตก ทำให้เมืองแซนด์สโตนกับอ่าวดีพพูลต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้เหมือนกัน
เดิมเขานึกว่ากองทัพที่หนึ่งจะสู้ตายรักษาเมืองนี้เอาไว้จนกว่าจะถูกปีศาจกลืนกินไปจนหมด
รอดชีวิตกลับมาได้นั้นย่อมต้องเป็นเรื่องดี แต่ภายในใจเขากลับไม่ได้รู้สึกโล่งใจเหมือนที่คิดเอาไว้ ถ้าแนวป้องกันของกองทัพที่หนึ่งพ่ายแพ้ทั้งหมด การตายของคนในเผ่าเขาไม่เพียงแต่จะไร้ความหมาย แต่ความหวังที่เผ่าได้มาอย่างยากลำบากก็อาจจะต้องหายไปด้วย
เพียงแต่เป็นเพราะความรับผิดชอบในการรับฟังคำสั่งและความเชื่อใจที่มีให้ชีค เขาจึงไม่ได้พูดความสงสัยนี้ออกไปต่อหน้าเพื่อนทั้งสองคน
“ขอสามเทพได้โปรดรับดวงวิญญาณของพวกเขาเอาไว้ด้วย”
“ขอชีคได้โปรดคุ้มครองชีวิตหน้าของพวกเขาด้วย”
หลังสวดภาวนาตามธรรมเนียมของชาวทะเลทรายแล้ว อีกฝ่ายก็เปลี่ยนประเด็น “ไม่ต้องคิดเรื่องพวกนี้แล้ว พูดเรื่องที่มันสบายใจหน่อยดีกว่า เจ้ารู้หรือเปล่าว่าคืนนี้ท่านขวานเหล็กจะมาเยี่ยมที่ค่าย ยิ่งไปกว่านั้นคืนนี้จะมีการแสดงละครเวทีด้วย!”
“แสดง…ละครเวที?”
ท่านผู้บังคับบัญชามาที่นี่ด้วยตัวเอง นอกจากจะมาปลุกขวัญและกำลังใจแล้ว เขาจะต้องมีคำสั่งใหม่มาถ่ายทอดด้วยแน่นอน นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร แต่ละครเวทีนี่มัน เหมือนจะไม่ค่อยเข้ากับสงครามเลย…ชาวทะเลทรายไม่มีงานอดิเรกอะไรแบบนี้ เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมทั้งสองคนถึงดูตื่นเต้นขนาดนี้
เพื่อนทหารเหมือนจะมองเห็นความคิดของเขา “ใช่ คนที่มาแสดงก็คือคณะละครสตาร์ฟลาวเวอร์ชื่อดังอันนั้นแหละ!”
“หรือเจ้าไม่เคยได้ยิน? ท่านซิลเวอร์มูนแห่งพราวแซนด์คือหนึ่งในสมาชิกของคณะละครเวทีนะ!”
…..
หลังบินวนรอบหนึ่ง ซีกัลป์ก็ค่อยๆ ลงจอดบนสนามบินทางตะวันตกของเคจเมาเธ่น
นาน่าเดินลงมาจากบันไดแล้วรีบเดินตามพยาบาลเข้าไปในค่ายพยาบาลทันที
“รายงานสถานการณ์คนเจ็บมา” เธอด้านหนึ่งก็สวมเสื้อคลุมแพทย์สีขาว อีกด้านก็พูดพร้อมเดินไม่หยุด “ลำดับเตียงเรียงตามที่กำหนดเอาไว้ในคู่มือปฐมพยาบาลฉุกเฉิน สิ่งสำคัญคือรักษาผู้ที่อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บก่อน”
“รับทราบ” พยาบาลที่มารับหน้าที่เป็นผู้ช่วยรีบตอบ “ตอนนี้ในค่ายมีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 326 คน ในนั้นมีคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 55 คน เตียงทั้งหมดถูกตั้งเอาไว้ในเต็นท์หมายเลข 1 เพื่อที่จะต่อชีวิตให้พวกเขาได้ พวกเขาส่วนใหญ่จึงกินยาชะลอไปเกินขนาด”
“ยาชะลอไม่เป็นปัญหา แค่ระวังเรื่องการป้องกันการช็อกหลักจากที่ยาหมดฤทธิ์ก็พอ ถ้าอาการเจ็บปวดมันรุนแรงมากเกินไป ก็ใช้น้ำยาแห่งความฝันมาช่วย พวกเจ้าน่าจะเตรียมน้ำยาแห่งความฝันเอาไว้แล้วใช่ไหม?”
“ชะ ใช่เจ้าค่ะ”
ผู้ช่วยตอบ
ถึงแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่มาเป็นผู้ช่วยคุณหนูนางฟ้า แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่คุ้นชินกับการที่สาวน้อยที่น่ารักที่ดูเผินๆ แล้วไม่ได้ต่างอะไรกับเด็กสาวข้างบ้านมาออกคำสั่งอย่างชัดถ้อยชัดคำราวกับเป็นปราชญ์ที่มากไปด้วยประสบการณ์
“เออใช่” นาน่าหยุดยืนอยู่ที่หน้าเต็นท์หมายเลข 1 “เครื่องมือรักษาที่ข้าขอไปก่อนหน้านี้ เจ้าเตรียมเอาไว้ให้ผู้ป่วยทุกคนแล้วใช่ไหม?”
“ใช่เจ้าค่ะ แต่ว่า…” พยาบาลลังเลเล็กน้อย ก่อนจะใช้คำสุภาพออกมาโดยไม่รู้ตัว “ท่านคิดจะรักษาคนป่วยเยอะขนาดนั้นทีเดียวจริงๆ หรือเจ้าคะ?”
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผู้บาดเจ็บสาหัส 50 กว่าคน อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลารักษาอยู่หลายวันกว่าจะพ้นขีดอันตรายจริงๆ
“แน่นอน” นาน่ายิ้มให้เธอ “วางใจได้ ขอเพียงข้าอยู่ พวกเขาไม่เป็นอะไรแน่นอน”
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่มั่นใจของอีกฝ่าย พยาบาลพลันรู้สึกว่าความกังวลหายไปไม่น้อย
เธอสูดหายใจแล้วเดินตามคุณหนูไพน์เข้าไปในเต็นท์
…..
หลังจากนาน่าสวมถุงมือแมลงยางที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เธอก็ไปยืนอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยเตียงแรก
การวิวัฒนาการในวันบรรลุนิติภาวะทำให้เธอได้รับความสามารถที่มีลักษณะพิเศษอันใหม่มา นั่นทำให้ความสามารถที่เดิมเป็นแบบเรียกใช้สามารถเกาะติดไปบนวัตถุได้ แล้วก็จะทำการรักษาบาดแผลที่อยู่บริเวณรอบๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
เมื่อเทียบกับการใส่พลังเวทมนตร์ลงไปตรงๆ เพื่อรักษาแล้ว ผลจากความสามารถอันใหม่นั้นไม่สามารถสู้ความสามารถแบบเก่าได้ อย่างน้อยมัยก็ไม่สามารถทำให้บาดแผลหายได้ในทันที แต่ขณะเดียวกัน มันก็ใช้พลังเวทมนตร์น้อยกว่ามากด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่จำเป็นต้องมีคนมาใช้พลังอยู่ข้างๆ ด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นข้อได้เปรียบที่เห็นได้ชัดที่สุดของพลังแบบเกาะติด
ขอเพียงวัตถุที่ถูกใส่พลังเวทมนตร์เข้าไปยังอยู่ บาดแผลของผู้ป่วยก็จะค่อยๆ ฟื้นตัว ทำให้นาน่ามีโอกาสที่จะรักษาคนป่วยหลายๆ คนพร้อมกัน ที่สำคัญก็คือมันช่วยแก้ปัญหาการรอคิวรักษาเป็นเวลานานเนื่องจากพลังเวทมนตร์ไม่เพียงพอและความเจ็บปวดจากการทำลายบาดแผลผู้ป่วยซ้ำๆ หลังตื่นรู้ระดับสูง เธอเคยทำการทดลองในค่ายอ่าวดีพพูล ผ้าก๊อตที่เธอใส่พลังเวทมนตร์ลงไปชิ้นหนึ่งสามารถแสดงผลการรักษาได้หลายวันไปจนถึงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเพียงพอที่จะให้ผู้บาดเจ็บสาหัสรอดพ้นจากขีดอันตรายได้
ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือหลังจากพลังเวทมนตร์หมดฤทธิ์ไปแล้ว วัตถุอันนั้นจะไม่หายไปไหน หากแต่ยังคงอยู่ในร่างกายของผู้บาดเจ็บ ขณะเดียวกันถ้าอยากจะให้พลังเวทมนตร์แสดงผลออกมาให้ดีที่สุด วัตถุที่ใส่พลังเวทมนตร์จะต้องอยู่ใกล้บาดแผลที่ได้รับบาดเจ็บหนักให้ได้มากที่สุด ด้วยเหตุนี้นาน่าจึงใช้ไหมเย็บสำหรับรักษาบาดแผลภายในและผ้าก๊อตสำหรับบาดแผลภายนอกตามตำราทางการแพทย์ของโลกแห่งความฝัน
เธอหยิบเอามีดผ่าตัดขึ้นมาแล้วผ่าเปิดท้องที่เต็มไปด้วยเลือดสดๆ ของผู้บาดเจ็บอย่างชำนาญ หลังหาบาดแผลในสำไส้ที่ถูกหอกกระดูกแทงทะลุเจอ เธอก็รีบเย็บมันอย่างรวดเร็ว
เส้นไหมที่ทำมาจากลำไส้แพะสามารถถูกร่างกายมนุษย์ดูดซึมไปตามธรรมชาติได้ หลังบาดแผลหายแล้วไม่จำเป็นต้องเอาออกมา ทำให้สามารถมองว่าเป็นวัสดุทางการแพทย์ที่สมบูรณ์แบบได้
แต่สำหรับพวกบาดแผลกระดูกหักแล้ว ไหมเย็บดูจะไม่ค่อยเหมาะซักเท่าไร แต่บาดแผลประเภทนี้ก็ไม่ได้มีอันตรายถึงแก่ชีวิต ส่วนใหญ่สามารถส่งต่อให้หมอและพยาบาลดูแลต่อได้
ระบบการรักษาของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ได้พัฒนาจากการรักษาแบบฉุกเฉินในตอนเริ่มแรกสุด จนตอนนี้ได้ผลิตบุคลากรทางการแพทย์ที่สามารถทำการรักษาอย่างง่ายๆ ด้วยตัวเองได้ออกมากลุ่มหนึ่ง
“หลังเอาเลือดออกแล้วก็เย็บปากแผล คนต่อไป”
“เจ้าค่ะ!”
“ใส่สายยางเข้าไปตรงปากแผล คอยจับตาดูอาการของเขาไว้”
“เดี๋ยวข้าจัดการเองเจ้าค่ะ”
“ขาข้างนี้ตัดออกไปก่อน เอาไว้ค่อยมาคิดหาทางรักษาใหม่”
“รับทราบ!”
“….”
ในขณะที่นาน่า ไพน์ออกคำสั่งมาคำสั่งแล้วคำสั่งเล่า เหล่าพยาบาลก็พากันทำตามคำสั่งอย่างตื่นเต้นและเป็นระเบียบ ในค่ายพยาบาลกลายเป็นสนามรบแห่งใหม่ที่ยุ่งวุ่นวาย
……………………………………………………………….