Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1336 การโจมตีกลับเริ่มต้นขึ้น
วันถัดมา หลังขวานเหล็กนั่งซีกัลกลับมาถึงศูนย์บัญชาการที่เคจเมาเธ่นแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในห้องทำงานของทีมที่ปรึกษาทันที
“เป็นยังไงบ้าง?” เอดิธส์นั่งดื่มชาอย่างใจเย็นอยู่ที่หน้าโต๊ะไม้สีแดง
เห็นๆ อยู่ว่าหลายวันมานี้ทุกคนต่างยุ่งอย่างมาก ทำงานถึงรุ่งเช้านั้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่เธอยังคงรักษาภาพลักษณ์ที่ดูงดงามเอาไว้ได้ ราวกับว่าเธอมีพลังและเวลามากกว่าคนอื่นอย่างไรอย่างนั้น แม้แต่ขวานเหล็กเองก็ยังรู้สึกนับถือความสามารถแบบนี้ของเธอ
“ขวัญกำลังใจใช้ได้” เขาตอบสั้นๆ
“อย่างนั้นพวกเราก็ดำเนินแผนการต่อไปได้แล้ว” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือยิ้มเล็กน้อย “แล้วก็เมื่อคืนนี้ ทหารที่รักษาการณ์อยู่ที่เมืองแซนด์สโตนเองก็ถอยมาที่พื้นที่ป้องกันแล้ว”
“อย่างนั้นก็เหลือแค่อ่าวดีพพูล…” ขวานเหล็กมองไปยังแผนที่ที่อยู่บนกำแพง
“ข้าแนะนำให้พวกเขารีบถอยออกมาให้เร็วที่สุด แล้วก็ส่งทหารกองหนึ่งออกไปรับพวกเขามา ไม่จำเป็นต้องรอให้แนวป้องกันเกิดช่องโหว่ขึ้น”
ขวานเหล็กพยักหน้า เขาเองก็เห็นด้วยกันการวิเคราะห์นี้ ตอนนี้ปีศาจจากทางตะวันตกไปจนถึงตะวันออกอาจจะมีมากกว่า 5 หมื่นตัว ปีศาจจำนวนเท่านี้สามารถล้อมอ่าวดีพพูลได้สบายๆ ทันทีที่กองทัพปีศาจมารวมตัวกัน เกรงว่ากองทัพที่หนึ่งคงยากที่จะมีโอกาสให้ถอยอีก
ในเมื่อแผนการรบของพวกเขาตั้งแต่แรกไม่ได้อยู่ที่เมืองใดเมืองหนึ่งแล้ว อย่างนั้นการทิ้งอ่าวดีพพูลออกมาก่อนถึงเวลาเพื่อรักษากองทัพเอาไว้ก็เป็นการตัดสินใจที่สมเหตุสมผล
นับตั้งแต่ที่ศัตรูเปิดฉากบุกเต็มที่ ภารกิจอพยพก็ไม่เคยหยุดลงเลย พวกชาวบ้านและพ่อค้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อนเมืองถูกส่งออกมาจากเมืองก่อน จากนั้นก็เป็นขุนนางกับตระกูลที่สวามิภักดิ์ต่อโรแลนด์ ในเวลานี้เมืองก็เป็นเหมือนกับเปลืองขนาดใหญ่ ขอเพียงออกคำสั่งไป ทหารรักษาการณ์ก็สามารถเคลื่อนไหวได้ทันที
“ข้า…ไม่ค่อยเข้าใจ..” จู่ๆ อกาธาที่พลิกอ่านรายงานสงครามฉบับใหม่ก็บ่นงึมงำขึ้นมา
“มีปัญหาอะไรเหรอ?” ขวานเหล็กเดินเข้ามาหาเธอ
“ตัวเลขผู้เสียชีวิตของเรากับปีศาจต่างกัน…ตั้งสามสิบเท่า นี่มันเป็นไปได้ยังไง?” เนื่องจากเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เมืองทั้งสี่ล้วนแต่ถูกศัตรูบุกโจมตี แถมรายงานยังแยกกันส่งมาด้วย ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องมานั่งสรุปตัวเลขใหม่อีกครั้ง และเพื่อป้องกันไม่ให้คิดผิดพลาด เธอจึงได้ทำการตรวจสอบสมการที่ใช้คิดคำนวณหลายรอบ คำตอบที่ได้ออกมาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
จากตัวเลขที่ทำการรวบรวมออกมา ตัวเลขทหารที่เสียชีวิตของทั้งสี่เมืองรวมกันได้ 1,500 กว่าคน แต่ตัวเลขของปีศาจที่ตายไปกลับมีสูงถึง 5 หมื่นตัว นี่มันเรียกได้ว่าน่าเหลือเชื่ออย่างมาก
หากเป็นสมัยสมาพันธ์ อกาธาจะต้องคิดว่าเป็นการทำรายงานปลอมขึ้นมาแน่นอน แต่เธอติดตามกองทัพที่หนึ่งออกรบมาหลายครั้งแล้ว ภายใต้ระบบที่มีการตรวจสอบกันไปมาหลายฝ่าย โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดขึ้นนั้นมีน้อยมาก ต่อให้ตัดตัวเลขความผิดพลาดทิ้งไป 10 – 20% ผลลัพธ์ที่ได้มันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะว่าตอนที่กองทัพที่หนึ่งออกไปรบยังที่ราบลุ่มบริบูรณ์ กองทัพปีศาจที่พวกเขาเผชิญหน้านั้นมีแค่ 2 หมื่นเท่านั้น! ในตอนนั้นพวกเขาพึ่งพารางเหล็กที่ทอดยาวเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรในการสร้างป้อมปราการขึ้นมาป้อมแล้วป้อมเล่า ซึ่งใช้เวลาในการสร้างและการรบไปทั้งหมดเกือบปี! พวกเขาถึงได้คว้าชัยชนะในศึกทาคิลามาได้
แต่แผนการของทีมที่ปรึกษาในครั้งนี้กลับมีแต่ถอยอย่างเดียว ทว่าจำนวนศัตรูที่สามารถสังหารได้ในเวลา 8 วันกลับมากกว่าศึกที่ราบลุ่มบริบูรณ์ถึงสองเท่า?
ถึงแม้ตอนนี้เธอจะมั่นใจในตัวมนุษย์ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาเช่นนี้ก็ยังทำให้เธอรู้สึกตกใจอยู่
เดิมอกาธาคิดว่าศึกครั้งนี้จะสู้กันอย่างยากลำบากมากกว่า
“อย่างนี้นี่เอง” หลังดูตัวเลขที่แม่มดน้ำแข็งสรุปออกมา เอดิธส์ก็ยิ้มขึ้นมา “บอกตรงๆ ผลลัพธ์จากแผนการนี้ก็เหนือกว่าที่ข้าคาดเอาไว้เหมือนกัน แต่ว่ามันไม่ได้เป็นความดีความชอบของกองทัพที่หนึ่งไปซะทั้งหมด ความร่วมมือของปีศาจเองก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากเหมือนกัน น่าจะเป็นเพราะการซุ่มโจมตีครั้งนั้นทำให้เฮคซอดบาดเจ็บไม่น้อย มันจึงไม่มีสมาธิมานั่งดูและรายละเอียดต่างๆ ของแนวหน้าอีก”
“แค่เหตุผลนี้น่ะเหรอ?” อกาธาพูดเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังสงสัยอะไร” เอดิธส์โบกมือ “ดูเผินๆ แล้วเหมือนพวกเราใช้การถอยแค่ไม่กี่ครั้งก็สามารถสังหารศัตรูได้มากขนาดนี้ แผนการรบนั้นสรุปได้ด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วมันกลับไม่ได้ง่ายแบบนั้น ในยุคสมัยทาคิลาเจ้ามักจะคอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง การที่เจ้าไม่เข้าใจมันก็เป็นเรื่องปกติ สรุปง่ายๆ ก็คือ มีแต่กองทัพที่หนึ่งในตอนนี้ถึงจะใช้แผนการนี้ได้”
“กองทัพที่หนึ่งที่เดินทางไปทำศึกทาคิลาก็ไม่ได้เหรอ?”
“อย่างน้อยก็ทำได้ไม่ดีเท่าตอนนี้” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือพูดอธิบาย “การถอยกับการพ่ายแพ้นั้นต่างกันแค่เส้นบางๆ กันอยู่ การที่ยังสามารถรักษาระเบียบเอาไว้ได้ทั้งๆ ที่ต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาล เพียงแค่จุดนี้ก็ถือว่ายากลำบากอย่างมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการถอยอย่างเป็นระเบียบเลย หากเปลี่ยนเป็นกองทัพขุนนาง เกรงว่าแค่พวกเขาถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัยก็ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะกองทัพที่หนึ่งเคยผ่านศึกลอบโจมตีที่ทาคิลามา แล้วก็การปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดที่หน่วยอพยพแสดงออกมาให้เห็น ข้าเองก็ไม่กล้าเสี่ยงที่จะใช้แผนนี้เหมือนกัน”
“นอกจากนี้อาวุธใหม่เองก็มีส่วนสำคัญอย่างมากเช่นเดียวกัน อย่างน้อยตามถนนในเมือง พวกเขาก็สามารถใช้ปืนกลเอนกประสงค์กับปืนใหญ่สนามในการสู้กับปีศาจทั้งๆ ที่ไม่มีปืนใหญ่ป้อมได้ ซึ่งความได้เปรียบของอาวุธปืนก็คือระยะห่าง ทันทีที่สามารถทำให้ทั้งกองทัพเคลื่อนไหว แล้วก็รักษาความได้เปรียบในมือเอาไว้ได้ มันก็ไม่แปลกที่จะสร้างผลลัพธ์แบบนี้ออกมาได้”
เอดิธส์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพูดถึงตรงนี้ “แต่พวกเราก็สูญเสียแนวป้องกันรอบนอกไปเหมือนกัน ดังนั้นหลังจากนี้จึงเป็นหัวใจสำคัญของแผนการนี้ ทันทีที่ปีศาจยึดทั้งสี่เมืองเอาไว้ได้ พวกมันจะต้องเริ่มวางแผนการโจมตีรอบต่อไปแน่นอน ซึ่งเคจเมาเธ่นนั้นเป็นทั้งเกราะกำบัง แล้วก็เป็นทั้งแหล่งผลิตวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตแสงแห่งอาทิตย์ ดังนั้นแผนการใช้สถานที่แลกคนนั้นจึงไม่สามารถใช้ต่อไปได้ พวกเราจึงจำเป็นต้องทำการตัดกำลังของศัตรูก่อนที่พวกมันจะฟื้นตัว”
“หมอกแดง..” อกาธาพูดเสียงเบาๆ
“ถูกต้อง ทั้งสี่เมืองนี้ต่างก็อยู่นอกเขตหมอกแดง การพึ่งพาเส้นทางการขนส่งหมอกแดงของปีศาจจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน มีโอกาสสูงมากที่บลัดไลน์จะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นแนวรบในตอนนี้แทบจะพาดผ่านไปทั้งอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ท ข้าไม่คิดว่าพวกมันจะสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง”
“ก่อนที่หอเก็บหมอกแดงจะถูกสร้างขึ้นมา สิ่งที่ปีศาจจะพึ่งได้ก็คือแต่อสูรยักษ์ป้อมปราการที่เป็นเหมือนเสาโอเบลิสขนาดเล็กกับแรงงานคนในการขนส่งหมอกแดง” ขวานเหล็กพูดเสริม “ก่อนหน้านี้การบุกโจมตีจากทางด้านข้างทั้งหมดของพวกมันล้วนแต่เริ่มจากอสูรยักษ์ แต่ว่าจากการสำรวจของไลต์นิ่งกับเมซี่ หลังจากที่พวกมันสูญเสียปีศาจคุ้มคลั่งไปเป็นจำนวนมาก การปกป้องอสูรยักษ์ของพวกมันก็ไม่ได้แน่นหนาเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนี้ในตอนที่บุกโจมตีเมืองทั้งสี่ เส้นทางของขนส่งหมอกแดงของกองทัพหลักของปีศาจก็ล้วนแต่แอบซ่อนอยู่ในพื้นที่หมอกแดงทั้งหมด แต่หลังจากนี้มันจะเปิดเผยออกมาอยู่ตรงหน้ากองทัพที่หนึ่ง”
“ปัญหาคือนี่หมายความว่าพวกเราจำเป็นต้องเป็นฝ่ายบุกโจมตี” อกาธาพูดอย่างสงสัย “อสูรยักษ์สามารถเคลื่อนไหวได้เองอย่างอิสระ ตัวมันไม่กลัวการกราดยิงลงมาจากบนฟ้าของอัศวินอากาศ ถ้าอยากจะกำจัดพวกมันก็มีแต่ต้องส่งทีมภาคพื้นดินออกไป แต่พวกเรามองเห็นศัตรู ศัตรูมันก็มองเห็นพวกเราเหมือนกัน ต่อให้การคุ้มกันอสูรยักษ์ไม่แน่นหนาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่พวกมันก็อาจจะส่งกองหนุนมาช่วยก็ได้ เมื่อคำนวณเส้นทางดูแล้ว พวกเราอาจจะสูญเสียความได้เปรียบในเรื่องระยะทางไป ถ้าหากถูกปีศาจไล่ตามขึ้นมาทันล่ะก็…”
ในการทำศึกโดยที่ไม่มีอะไรคุ้มกัน ต่อให้กองทัพที่หนึ่งโจมตีปีศาจจนถอยไปได้ แต่พวกเขาก็ต้องเสียหายอย่างมากเช่นเดียวกัน
“ดังนั้นความเร็วจึงเป็นสิ่งสำคัญ” เอดิธส์ยิ้มมุมปากขึ้นมา “ขอเพียงพวกเราโจมตีกลับให้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่ศัตรูจะได้ทันตั้งตัวก็พอ”
แต่ต้องทำยังไงถึงจะทำแบบนั้นได้? สายตาของอกาธาเลื่อนไปมองแผนที่เพื่อพยายามหาทางลัดจากเคจเมาเธ่นไปถึงเมืองทั้งสี่ เส้นทางที่จะเดินทางไปมาระหว่างทั้งสองที่นั้นมีอยู่ไม่น้อย ในนั้นมีทั้งเส้นทางการค้าก่อนหน้าานี้ แล้วก็มีเส้นทางที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ในการอพยพ เส้นทางเหล่านี้เชื่อมโยงไปมาระหว่างเมืองทั้งสี่กับเคจเมาเธ่นเหมือนกับใยแมงมุม
แต่ว่าเส้นทางเหล่านี้ไม่สามารถช่วยร่นระยะระยะทางได้ กองทัพที่หนึ่งไม่มีกองทหารม้า ต่อให้มีม้าเป็นจำนวนมากก็ไม่แน่ว่าจะไล่ตามอสูรยักษ์ป้อมปราการทัน ยิ่งไปกว่านั้นอาวุธที่ทหารม้าสามารถพกพาไปได้ก็ยังมีจำกัดอีกด้วย จึงไม่เหมาะที่จะใช้รับมือกับสัตว์ประหลาดร่างยักษ์พวกนั้น
“แน่นอนว่าไม่ใช่ตอนนี้” ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือเหมือนจะมองเห็นความไม่เข้าใจของเธอ “แผนการนี้ยังขาดปัจจัยที่สำคัญอยู่อย่างหนึ่ง เอาไว้มันมาถึงเมื่อไร เงื่อนไขทุกอย่างก็จะครบสมบูรณ์ แต่ตามแผนการที่วางเอาไว้ อีกไม่นานเจ้าก็จะได้เห็นมันแล้วล่ะ”
…………………………………………………………………….