Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1338 บุกโจมตีหลายทาง
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่ใช่ทหาร แล้วก็รู้ว่าในกองหนุนของกองทัพที่หนึ่งกับกองทัพที่สองมีทหารบางส่วนกำลังฝึกขับรถบรรทุกไอน้ำอยู่ แต่เวลามันไม่คอยท่า” สายตาที่สุขุมของขวานเหล็กกวาดตามองทุกคน “ในเมื่อพวกเจ้าเป็นพลขับกลุ่มแรกที่ผ่านการทดสอบ แถมยังทำคะแนนได้ดีอย่างมากด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเจ้ามีความสามารถมากพอที่จะปฏิบัติภารกิจนี้”
“ภารกิจนั้นง่ายมาก” เขาเดินไปยังแผนที่ที่กางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเอาธงอันหนึ่งเลื่อนไปวางตรงเส้นสีดำที่อยู่ในดินแดนตะวันออกของวูล์ฟฮาร์ท “ที่นี่อยู่ห่างจากด่านส่วนกลางประมาณ 150 กิโลเมตร พวกเจ้าเพียงแค่ขนคนบนรถกับของบนรถไปส่งที่นี่ จากนั้นรอพวกเจ้าโจมตีเสร็จแล้วก็รับกลับมา น่าจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถ้าโชคดีล่ะก็ พวกเจ้าก็จะไม่ได้เจอกับศัตรู”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ขวานเหล็กจึงหยุดชะงักไปเล็กน้อย
ส่วนในกลุ่มคนมีเสียงพูดคุยดังจ๊อกแจ๊กขึ้นมา
เพราะความหมายอีกอย่างหนึ่งของคำพูดประโยคนี้ก็คือถ้าโชคไม่ดี พวกเขาก็จะเจอเข้ากับปีศาจ
หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ขวานเหล็กจึงพูดต่อว่า “แต่แน่นอน คนที่รับผิดชอบการสู้รบยังคงเป็นกองทัพที่หนึ่ง พวกเจ้าเพียงแค่ตั้งใจขับรถก็พอ หน่วยรถบรรทุกที่เดินทางมาถึงเคจเมาเธ่นมีทั้งหมด 10 คัน แต่ตามแผนการแล้ว รถบรรทุกแค่ 4 – 5 คันก็สามารถบรรลุเป้าหมายในการรบได้แล้ว ด้วยเหตุนี้ข้าจะใช้วิธีรับสมัครในการคัดเลือกเหมือนอย่างสำนักบริหาร”
“ทุกครั้งที่ทำภารกิจขนส่งไปกลับเสร็จเรียบร้อย หน่วยรถบรรทุกหน่วยนั้นจะได้รับรางวัลพิเศษ 3 เท่าของเงินค่าจ้าง เงินรางวัลส่วนนี้ทางกองทัพเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่เพียงกับเงินค่าจ้างที่่จ่ายโดยสำนักบริหาร อย่างนั้น…คนที่สมัครใจทำภารกิจเชิญก้าวออกมา”
ฟาร์รีนาก้าวออกไปอย่างไม่ลังเล
แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจเล็กน้อยก็คือ หน่วยรถบรรทุกทุกหน่วยต่างเลือกที่จะสมัครทำภารกิจ มีเพียงสิ่งเดียวที่ต่างกันก็คือความเร็วในการตัดสินใจเท่านั้น
เธอมาที่นี่ก็เพื่อต้องการจะเห็นปีศาจ อีกทั้งตัวเองยังเคยเห็นทหารอยู่ในกองทัพพิพากษา สำหรับเธอแล้ว การก้าวเข้าสู่สนามรบนั้นถือเป็นเรื่องที่เธอเห็นจนชิน แต่คนอื่นๆ นั้นไม่เหมือนกัน หากโยนสถานะพลขับรถบรรทุกทิ้งไป พวกเขาส่วนใหญ่เป็นแค่เพียงชาวบ้านของเมืองเนเวอร์วินเทอร์เท่านั้น
สิ่งที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจเช่นนี้ออกมาได้นั้นคือความมั่นใจที่มีต่อกองทัพที่หนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ขวานเหล็กเลือกหน่วยรถออกมาตามลำดับก่อนหลังเป็นจำนวน 5 หน่วยอย่างรวดเร็ว ฟาร์รีน่าซึ่งเป็นหน่วยที่ 2 ก็เป็นหนึ่งในนั้น
“เจ้าจัดการต่อได้เลย” ขวานเหล็กมองไปทางแวนนา “พรุ่งนี้ทันทีที่ฟ้าสาง สงครามจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ!”
….
“ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย” หลังจากพลขับทุกคนออกไปจากศูนย์บัญชาการแล้ว อกาธาจึงพูดเสียงเบาๆ ขึ้นมา “จำนวนคนที่ออกไปปฏิบัติภารกิจมีไม่เยอะ แต่กลับต้องการความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของทั้งกองทัพ ยิ่งไปกว่านั้นในนั้นยังมีชาวเมืองธรรมดาด้วย แต่เวลาในการฝึกซ้อมกลับมีไม่ถึงวัน การจัดวางแผนแบบนี้มันรีบเร่งเกินไป”
ตอนนี้เธอเข้าใจคำว่า ‘ความเร็ว’ ที่ไข่มุกแห่งดินแดนทางเหนือพูดถึงแล้วว่ามันหมายถึงอะไร เมื่อดูจากแผนการเพียงอย่างเดียว แผนการนี้มีความเป็นไปได้ที่สูงมากจริงๆ
ในเวลานี้ถนนที่ถูกปูให้แข็งขึ้นเพื่อใช้ในปฏิบัติการอพยพได้กลายมาเป็นพื้นฐานในการโจมตีกลับ ถึงแม้ความกว้าง ความหนาและคุณภาพของมันจะไม่สามารถสู้ถนนเส้นเลือดใหญ่ที่เชื่อมระหว่างดินแดนทางเหนือกับทางใต้ได้ แต่มันก็ถือว่าดีกว่าถนนหินกรวดหรือถนนดินมาก หากจำกัดน้ำหนักในการบรรทุกเอาไว้ มันก็จะสามารถวิ่งไปได้เร็วขึ้น
และในระยะทางไปกลับ 200 กิโลเมตร ความเร็วเฉลี่ยของรถบรรทุกไอน้ำนั้นเร็วกว่าอัศวิน ต่อให้อัศวินขี่ม้าโดยไม่หยุดพักอย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลาสองวัน หากเปลี่ยนเป็นรถบรรทุก มันสามารถไปกลับได้ในเวลานี้ 6 – 8 ชั่วโมง แถมมันยังสามารถบรรทุกอาวุธหนักไปได้ด้วย
ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวก็คือมันไม่เพียงแต่จะซ่อนทหารหน่วยต่างๆ ของกองทัพที่หนึ่งเอาไว้ข้างใน แต่มันยังมีพลเรือนที่ไม่ได้เป็นทหารอยู่บนรถด้วย เมื่อถึงตอนนั้นจะเจอกับการซุ่มโจมตีแบบไหนก็ยากที่คาดเดาได้
“จริงอยู่ที่การทำศึกครั้งนี้มันมีปัจจัยที่คาดเดาไม่ได้อยู่ แต่เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่จะได้กลับมาแล้ว ปัจจัยที่คาดเดาไม่ได้เหล่านั้นถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก” เอดิธส์พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ปีศาจมันอาจจะส่งอสูรยักษ์ป้อมปราการตัวใหม่ออกมาได้ทุกเมื่อ แทนที่จะรอเวลาต่อไป สู้ฉวยโอกาสบุกในตอนนี้ดีกว่า”
“ข้าคิดว่าศัตรูไม่มีทางคิดถึงแน่ว่ามนุษย์ที่เพิ่งเสียอ่าวดีพพูลไปได้ไม่ถึงวันจะเปิดฉากโจมตีกลับใส่พวกมัน ถ้าแผนการล้มเหลว อย่างมากก็กลับมามือเปล่า แต่ถ้าสำเร็จมันจะทำให้การเคลื่อนไหวของปีศาจหลังจากนี้เป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องตัดสินใจแบบไหนไม่บอกก็คงจะรู้ ยิ่งไปกว่านั้นสงครามมันก็เต็มไปเรื่องที่คาดคิดไม่ถึงอยู่แล้ว บางครั้งแผนการที่ดูเหมือนจะรัดกุมก็อาจจะพังทลายเพียงเพราะเรื่องบังเอิญเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้”
…..
เวลา 7 โมงของเช้าวันถัดมา ลมพัดเบาๆ หิมะตกเล็กน้อย
ภายใต้ท้องฟ้าที่อึมครึม รถบรรทุก 5 คันขับเรียงเป็นแถวยาว ค่อยเคลื่อนที่ออกจากค่ายมุ่งหน้าไปทางตะวันออกอย่างเงียบๆ
ลักษณะของขบวนรถในตอนนี้ไม่เหมือนกับเวลาที่ขนของ ด้านหลังรถบรรทุกคลุมผ้าใบสีเทาเขา มองไกลๆ แล้วเหมือนกับกองหิมะเล็กๆ ที่กำลังเคลื่อนไหว ในนั้นมีอยู่ 3 คันที่ลากปืนใหญ่ป้อม 152 มม. มาด้วย ลำกล้องปืนยาวๆ สีดำกับรอยล้อรถรวมเข้าด้วยกัน มีแต่ตอนที่เข้าไปมองใกล้ๆ ถึงจะมองเห็นประกายที่สะท้อนออกมาจากรีคอยล์ไฮโดรลิคของตัวปืน
หลังจากนั้นสองชั่วโมง เครื่องบินปีกสองชั้นที่บรรทุกน้ำมันและกระสุนมาเต็มถังจำนวน 25 ลำก็บินขึ้นท้องฟ้าจากเมืองธอร์น ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเมืองธอร์นภายใต้การนำของซีกัล เหล่าอัศวินอากาศไม่ได้เลือกที่จะบินระยะต่ำเหมือนอย่างทุกที หากแต่บินขึ้นไปอยู่ในชั้นเมฆตั้งแต่แรกเริ่ม
นี่หมายความว่าพวกเขาจะสูญเสียทัศนวิสัยส่วนใหญ่ไป นอกจากเข็มทิศแล้ว สิ่งเดียวที่สามารถนำทางให้พวกเขาได้มีเพียงแค่ซีกัลที่บินผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ข้างหน้าเท่านั้น ถ้าหากหลุดออกจากแถว การจะหาฝูงบินให้เจออีกครั้งนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองหลุดออกจากแถว ทุกคนจึงตั้งสมาธิแบบ 120% นอกจากเสียงเครื่องยนต์แล้วก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงพูดคุยกันเลยแม้แต่ประโยคเดียว
ขณะเดียวกัน ไลต์นิ่งกับเมซี่เองก็ไปปรากฏตัวอยู่เหนือน่านฟ้าของสนามรบ พวกเธอแยกย้ายกันไปค้นหาปีศาจดวงตา
ปฏิบัติการเริ่มต้นไปได้ 2 ชั่วโมง 15 นาที เหตุการณ์ไม่คาดฝันแรกก็เกิดขึ้นกับหน่วยรถบรรทุก เนื่องจากคุณภาพของพื้นถนนที่ไม่ดี หน่วยรถที่ 4 เกิดเหตุการณ์รถดับในตอนที่กำลังจะข้ามหลุม หลังทำการเปลี่ยนไปขึ้นรถคันใหม่แล้ว หน่วยรถบรรทุกก็ออกเดินทางอีกครั้ง เหลือเพียงแค่พลขับของรถคันที่เสียที่อยู่ซ่อมรถของตัวเอง
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง หน่วยอัศวินอากาศเองก็เจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เครื่องบินสองลำคลาดกับแถวที่อยู่ข้างหน้าในตอนที่บินข้ามชั้นเมฆที่ซ้อนทับกัน พวกเขาเลยได้แต่ต้องบินกลับไปในทิศทางเดิมที่ออกเดินทางจาก พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกมาจากชั้นเมฆ
โชคดีที่ทุกอย่างหลังจากนั้นราบรื่น
3 ชั่วโมง 6 นาที หน่วยรถบรรทุกมาถึงที่หมายเป็นกลุ่มแรก
“พระเจ้า ฟาร์รีน่า…” โจโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยพร้อมกับพูดเสียงเบาๆ
“อื้อ ข้าเห็นแล้ว” ฟาร์รีน่าจอดรถ ก่อนหน้านี้จ้องมองด้านข้างห้องคนขับด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง เมื่อมองผ่านกระจกออกไป เธอมองเห็นบนยอดเขาที่อยู่อีกฟากหนึ่งมีสิ่งที่เหมือนโครงกระดูกสีขาวตั้งอยู่ ดูเผินๆ แล้วมันมีขนาดประมาณ 1 ใน 3 ของปลายนิ้ว แต่เมื่อคำนึงถึงระยะห่างของมันแล้ว เธอพอจะจินตนาการออกเลยว่ามันเป็นสิ่งที่มีขนาดใหญ่จนน่าตกใจ
รอบๆ กระดูกสีขาวมีหมอกหนาสีแดงปกคลุมอยู่จนเกือบเต็มทั้งยอดเขา ดูแล้วตัดกับภาพหิมะสีขาวที่อยู่รอบๆ อย่างชัดเจน
นั่นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาอย่างแน่นอน
เพียงแค่มองดูมัน เธอก็สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกหนาวเย็นที่ลอยขึ้นมาจากภายในใจแล้ว
ฟาร์รีน่าจับพวงมาลัยไว้แน่น
ปีศาจได้มาถึงโลกแล้ว
…………………………………………………………………..