Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1354 ต้องพยายามอีกหน่อย
“ที่ข้าบอกว่ายุติธรรม มันไม่ได้หมายถึงจำนวนคน หากแต่เป็นกฎเกณฑ์”
เดลต้าก้มลงเก็บหน้ากากที่แตกออกขึ้นมา แล้วเอากลับมาสวมไว้บนหน้าใหม่อีกครั้ง รอยแตกที่ถูกแทงทะลุสมานเข้าด้วยกัน ไม่ใช่แค่หน้ากากเท่านั้น เสื้อผ้าที่ขาดกับร่างกายของมันก็ฟื้นตัวกลับเป็นเหมือนเดิมด้วย
“เมื่ออยู่ภายใต้กฎที่เท่าเทียมกัน ผู้สร้างจะไม่ได้รับการปกป้องจากดินแดนอีก ส่วนเทวทูตเองก็ไม่อาจใช้พลังที่เหนือไปกว่าขีดจำกัดของโลกนี้ในการต่อสู้ได้ นี่ต่างหากคือความเท่าเทียมอย่างแท้จริง ส่วนจำนวนคนจะมากจะน้อย หรือว่าจะเป็นความได้เปรียบเสียเปรียบในการต่อสู้ก็ล้วนแต่เป็นผลที่อยู่ในการคำนวณของข้าแล้ว แล้วมันจะไม่เท่าเทียมกันได้ยังไง?”
“หึ…” เฟยอวี่หานเช็ดเลือดที่มุมปาก “ฉันไม่ยักรู้ว่าการถูกดาบแทงเข้าไปในหัวแล้วยังสามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้มันเป็นส่วนหนึ่งของกฎด้วย”
“น่าเศร้า แต่นี่เป็นกฎที่ถูกจารึกเอาไว้จริงๆ” เดลต้ากางสองมือออกพร้อมกับค่อยๆ เดินเข้าไปหาเธอทีละก้าว “ถ้าจะโทษก็ต้องโทษมิสต์เถอะ มันซึ่งเป็นผู้ทรยศได้เหลือประตูหลังเล็กๆ บานหนึ่งเอาไว้ในตอนที่สร้างโลกนี้ขึ้นมา มีเพียงผู้สร้างกับเทวทูตเท่านั้นถึงจะทำลายเทวทูตได้ เจ้าสามารถทำให้ข้าบาดเจ็บได้ แต่สุดท้ายบาดแผลเหล่านี้ก็จะถูกพลังเวทมนตร์ของข้าฟื้นฟูกลับให้เป็นเหมือนเดิม การต่อสู้ครั้งนี้เรียกได้ว่ารู้ผลตั้งแต่เริ่มแล้ว”
“แกก็เลยต้องทำการป้องกันซีโร่?”
“พูดให้ถูกคือป้องกันนางก่อนที่รอยแตกจะเป็นรูปร่างขึ้นมา เมื่อไม่มีการปกป้องจากโลกแล้ว นางก็จะเป็นแค่ผู้ตื่นรู้ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น” เดลต้าชะงักไปเล็กน้อย “การที่ถามคำถามแบบนี้ขึ้นมาได้ แสดงว่าเจ้าแตกต่างจากร่างจิตสำนึกตรรกะพวกนั้น เจ้าไปได้ยินอะไรมา? ในเมื่อรู้ว่าตัวเองมาจากความว่างเปล่า แล้วยังจะฝืนดิ้นรนไปทำไม?”
“อะไรคือความว่างเปล่า อะไรคือความจริง แกคิดว่ามันสำคัญจริงๆ เหรอ?” เฟยอวี่หานยิ้มมุมปากขึ้นมา
“อะไร?”
“มุมมองไม่เหมือนกัน คำตอบนี้มันก็ยังไม่แน่ชัดหรอก แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่าตัวแกไม่ใช่ความว่างเปล่า?” เธอยกดาบขึ้นมา ก่อนจะทำให้พลังแห่งธรรมชาติปกคลุมไปทั่วทั้งตัวอีกครั้ง “แต่สำหรับฉันแล้ว ไม่มีอะไรจะจริงไปกว่าโลกนี้อีกแล้ว!”
“ช่างโง่เง่าสิ้นดี” เดลต้าแค่นเสียงดูถูก ก่อนจะยกมือฟาดใส่เธอ
แต่เธอกลับไม่ถอย หากแต่เหวี่ยงดาบเข้าใส่อีกฝ่าย!
พลังทั้งสองสายปะทะกันจนเกิดเป็นเสียงดังกัมปนาท กระแสอากาศที่ระเบิดขึ้นมาทำเอารถที่พลิกคว่ำอยู่บนพื้นปลิวกระเด็นออกไป ภายใต้การต่อสู้แบบนี้เพียงแค่เดินเข้าไปในพื้นที่ที่ทั้งสองคนสู้กันอยู่ก็อาจจะทำให้รับบาดเจ็บจนตายได้เลย
ร่างกายของเทวทูตมีบาดแผลเกิดขึ้นหลายแห่ง แถมในการปะทะกันอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง มันถูกแสงสีเงินของผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะที่ระเบิดออกมาฟันจนร่างกายขาดสะพายแล่ง
แต่ก็อย่างที่มันได้ว่าเอาไว้ ถึงแม้จะถูกฟันจนบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ก็ยังไม่อาจหยุดการเคลื่อนไหวของมันเอาไว้ได้ เทวทูตใช้มือข้างหนึ่งจับร่างกายของตัวเองเอาไว้ จากนั้นบาดแผลที่ยาวตั้งแต่หัวไหล่จนมาถึงหน้าอกก็ค่อยๆ สมานกัน
แต่เฟยอวี่หานกลับทำเช่นนั้นไม่ได้
ถึงแม้ในเวลานี้เธอจะดูฮึกเหิมกว่าก่อนหน้านี้ แต่บาดแผลบนร่างกายก็ยังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จากรอยถลอกเล็กๆ จนค่อยๆ เป็นบาดแผลที่ลึกจนเห็นกระดูก สถานการณ์ของเธอดูเหมือนจะแย่ลงเรื่อยๆ
ซีโร่เอามือขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเฟยอวี่หานถึงเลือกที่จะสู้กับศัตรูซึ่งๆ หน้า ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองจะต้องบาดเจ็บ!
ทั้งหมดเป็นเพราะตัวเอง!
ถ้าคิดอยากจะลดโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บ อย่างนั้นก็ต้องหลบการโจมตีของศัตรู แล้วมองหาจุดอ่อนของศัตรู จากนั้นค่อยโจมตีกลับไป ด้วยฝีมือของเธอ ถ้าหากจะคาดการณ์การโจมตีของมันล่วงหน้านั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าในรอยแตกมีเธอกับมันอยู่แค่สองคน การโจมตีของเธอคงจะเร็วกว่านี้แน่
แต่ตอนนี้เฟยอวี่หานกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น!
ถ้าหากเธอไม่กดดันศัตรู แล้วเลือกที่จะกระโดดหลบไปหลบมา ศัตรูคงจะไม่สนใจเธอ แล้วก็หันมาโจมตีตัวเองแทน!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ซีโร่ก็ยิ่งรู้สึกปวดใจขึ้นมา
เพื่อที่จะไม่ปล่อยให้ศัตรูเข้ามาทำร้ายตัวเอง เฟยอวี่หานจึงเลือกที่จะทิ้งวิธีสู้อย่างชาญฉลาด แล้วหันมาใช้การโจมตีที่ดุดันในการตรึงศัตรูเอาไว้ตรงกลางสะพาน
พูดอีกอย่างก็คือ อาการบาดเจ็บที่เธอแบกรับอยู่ในตอนนี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เธอแบกรับแทนตัวเองอยู่
สาวน้อยรู้สึกเหมือนน้ำตารื้นขึ้นมา
หลังจากตื่นรู้ เธอก็พอจะเข้าใจเกี่ยวกับพลังในร่างกายของเธอบาง สาเหตุที่เฟยอวี่หานยังสู้ได้เหมือนไม่เป็นไรนั้นเป็นเพราะว่าผลจากการใช้พลังแห่งธรรมชาติออกมาจนถึงขีดสุด เพียงแต่พลังนี้มันไม่อาจขจัดความรู้สึกเจ็บปวดไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีขีดจำกัดด้วย เธอไม่อาจสู้แบบนี้ไปได้ตลอด สุดท้ายถ้าไม่ถูกความเจ็บปวดอย่างรุนแรงเข้าเล่นงาน ก็อาจจะเหนื่อยจนขยับเขยื้อนไม่ไหว ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ล้วนแต่สร้างความเสียหายให้กับร่างกายอย่างรุนแรง!
ไม่…ไม่ต้องสู้แล้ว เธออยากจะตะโกนออกไป แต่เธอกลับทำได้เพียงส่งเสียงอึกอักอยู่ในลำคอ
เดลตาฟันเข้าไปเต็มแรงอีกครั้ง มีเสียงแตกดังขึ้นมา ดาบที่เฟยอวี่หานใช้ป้องกันแตกออก เธอยังไม่ทันจะหาอาวุธใหม่ ข้อเท้าของเธอก็ถูกอีกฝ่ายคว้าจับเอาไว้แล้วโยนขึ้นไปบนอากาศ!
เมื่ออยู่กลางอากาศซึ่งไม่มีอะไรให้ใช้ยืมแรงได้ ต่อให้มีเทคนิคการต่อสู้ดีแค่ไหน มันก็ยากที่จะควบคุมทิศทางการตกลงมาได้
ส่วนด้านล่าง เทวทูตรอคอยเธออยู่นานแล้ว
หมัดที่เร็วปานสายฟ้าถูกเหวี่ยงออกไป เฟยอวี่หานลอยออกไปหลายสิบเมตรราวกับกระสุนปืนใหญ่ เสียงกระแทกพื้นดังสนั่นหวั่นไหว เธอกลิ้งไปหลายสิบตลบก่อนจะหยุดลง
ครั้งนี้ แสงสีขาวบนร่างกายเฟยอวี่หานดูเบาบางลงกว่าตอนแรกมาก
เธอคิดอยากจะลุกขึ้นมา แต่ไม่ว่าจะพยายามยังไงก็ไม่สำเร็จ เลือดไหลลงมาตามแก้มของเธอ ก่อนจะผสมกับน้ำเหงื่อแล้วย้อมชโลมไปบนเสื้อผ้า
“ไม่!”
ซีโร่ควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เธอพุ่งตัวออกมาจากที่ซ่อนแล้ววิ่งเข้าไปหาเฟยอวี่หาน
“อาจารย์…”
“รีบออกไป!” แต่เสียงตะคอกของอีกฝ่ายทำให้ร่างกายสาวน้อยที่พยายามจะพยุงเธอขึ้นมาต้องหยุดชะงักลง “รีบกลับไปที่ๆ เธอควรอยู่ แค่กๆ…อย่าเข้าใกล้ที่นี่!”
เป็นครั้งแรกที่เฟยอวี่หานทำสีหน้าร้อนใจออกมา
“แต่ว่าหนู…อ๊าาาา” ซีโร่ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกมือที่มองไม่เห็นคว้าจับเอาไว้แล้วยกขึ้นไปกลางอากาศ
“จับได้แล้ว” มือข้างหนึ่งของเทวทูตจับเธอเอาไว้ ส่วนอีกข้างหนึ่งก็เตรียมที่จะเหวี่ยงออกมา ทันใดนั้นเอง เฟยอวี่หานกัดฟันแล้วถ่ายพลังแห่งธรรมชาติไปที่ขาทั้งสองข้าง ก่อนจะพุ่งเข้าไปชนศัตรูอย่างไม่คิดชีวิต
เสียงกระแทกดังสนั่น ทั้งสองคนกลิ้งกระเด็นออกไปด้วยกัน
ซีโร่ร่วงตกลงมา
“สามารถทนอยู่ได้ 30 นาทีในการต่อสู้แบบนี้ ความแข็งแกร่งของเจ้านี่น่านับถือจริงๆ แต่ฝืนยื้อต่อไปมันจะมีประโยชน์อะไร?” เดลต้าคว้าจับผู้ฝึกยุทธ์ที่นอนแน่นิ่งขึ้นมา “เจ้าน่าจะรู้นี่นาว่าการปรากฏขึ้นมาของโลกนี้มันเป็นความผิดพลาด มันเป็นเหมือนดอกไม้ในกระจก เป็นเหมือนพระจันทร์ในน้ำ จะเปิดใช้งานหรือหยุดใช้ก็ล้วนแต่ต้องอาศัยความคิดของผู้สร้าง ข้าไม่คิดว่าเขาจะมองพวกเจ้าเป็นพวกเดียวกัน ที่เจ้าทำอยู่นี่มันเป็นแค่เรื่องไร้สาระ”
เฟยอวี่หานที่ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องบอบช้ำไปทั้งตัว ขาทั้งสองข้างของเธอหักเนื่องจากระเบิดพลังออกมาอย่างไม่คิด ไหล่และแขนขวาที่กระแทกซึ่งๆ หน้าเหมือนถูกวัตถุขนาดใหญ่บดขยี้ ผิวหนังที่เปิดออกกับกระดูกแยกออกจากหัน สภาพของเธอเรียกได้ว่าแทบจะทนดูไม่ได้ แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้เธอก็ยังยิ้มมุมปากขึ้นมา แล้วใช้สายตาดูถูกมองดูอีกฝ่าย
“ฉัน…เคยบอกแล้ว แล้วมันยังไงล่ะ? ฉันไม่สามารถเลือก…โลกที่ตัวเองจะเกิดได้ แต่อย่างน้อยฉันก็เลือก…ที่จะทำในสิ่งที่ฉันอยากทำได้ แล้วแกล่ะ นอกจาก…พระเจ้าแล้ว แกยังมีอะไรอีก? เผลอๆ แม้แต่หน้าตาที่แท้จริงของพระเจ้าแกก็ยังไม่เคยเห็นเลยด้วยมั้ง…” เธอหอบหายใจแล้วพูดต่อ “แล้วก็ ฉันไม่คิดว่าผู้สร้างจะคิดเหมือนอย่างแกหรอกนะ”
“หมายความว่าไง?” เดลต้าขมวดคิ้ว ไม่รู้ด้วยเหตุใด จู่ๆ มันพลันรู้สึกสับสนและหงุดหงิดขึ้นมา
“พวกเขาเป็นคนจากอีกโลกหนึ่ง…แค่กๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นคนของโลกนี้ แต่กลับพยายามอย่างหนักเพื่อโลกใบนี้ ถ้าพวกเขามองที่นี่เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง แล้วพวกเขาจะทำแบบนี้ไปทำไม คนต่างโลกยังพยายามขนาดนี้ แล้วฉันจะมีเหตุผลอะไรที่จะไม่พยายามล่ะ? ถ้าไม่เชื่อ…เดี๋ยวรอพวกเขามาแล้วแกลองถามเขาดูก็ได้ ฉันคิดว่าคำตอบของเขาคงจะไม่ค่อยเหมือนกับที่แกคิดหรอกนะ”
“หรือว่าที่เจ้าอดทนมาจนถึงตอนนี้ ก็เพื่อรอให้ผู้สร้างอีกคนหนึ่งมาช่วยงั้นเหรอ?” เดลตาส่ายหัว “เลิกหวังเถอะ ข้าวางแผนมานานขนาดนี้ ไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยให้พวกแกมีโอกาสนั้นแน่ นอกรอยแตกยังมีเทวทูตอีกตนหนึ่งเฝ้าอยู่ ถึงแม้มันอาจจะไม่สามารถเอาชนะผู้สร้างหลักได้ แต่ถ้ายื้อเวลาเอาไว้ล่ะก็ มันกลับไม่เป็นปัญหา ส่วนตัวเจ้าตอนนี้ก็ได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว”
มันปล่อยมือ เฟยอวี่หานร่วงตกลงมาบนพื้น “ข้าไม่ฆ่าเจ้า ถ้าตอนนี้ใช้พลังเวทมนตร์ปกป้องจุดสำคัญ บางทีเจ้าอาจจะรอดชีวิตได้ เอาไว้โลกนี้ได้กลับคืนสู่แหล่งกำเนิดเมื่อไร เจ้าจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าเอง”
พอพูดจบเดลตาก็ก้าวเข้าไปหาเป้าหมายที่แท้จริง
เพียงแต่มันยังไม่ทันจะได้ก้าวออกไป จู่ๆ มันก็ต้องหยุดลง
มันหันหน้ากลับไป ก่อนจะเห็นเฟยอวี่หานยื่นแขนซ้ายที่ยังใช้งานได้อยู่ออกมาคว้าจับเท้าของมันเอาไว้
“เจ้า….ช่างโง่เง่าเสียจริง!” มันคำรามออกมาอย่างโมโห ก่อนจะยกมือขึ้นมาแล้วฟาดลงไปที่หลังของเฟยอวี่หาน ฝ่ามือที่มองไม่เห็นกระแทกร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์จนจมลงไปในพื้นดิน บริเวณรอบๆ มีรอยแตกลามออกไปเหมือนใยแมงมุม
ในที่สุดมือข้างที่จับมันเอาไว้ก็ค่อยๆ ตกลง
“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้วนะ”
“ม่ายยย! อาจารย์!” ซีโร่ตะโกนออกมาด้วยหัวใจที่แหลกสลาย
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเจ้าจะเป็นคนต่อไป” เดลต้าสะกดอารมณ์ที่พุ่งพล่านอยู่ในใจ ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปหาซีโร่อีกครั้ง ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นสะท้อนไปทั่วทั้งรอยแตก
ลำแสงสว่างวาบผ่านผลึกรอยแตกเหมือนกับคลื่นที่วาดผ่านผิวน้ำ จากนั้นก็เป็นระลอกที่สอง ระลอกที่สาม ราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังกระแทกรอยแตกอยู่ จนทำให้ที่นี่สั่นสะเทือนขึ้นมาเป็นจังหวะ
“ทำไมถึง…เร็วขนาดนี้?” เดลต้าตกตะลึง เป็นไปไม่ได้! ถึงแม้หลุมกับดักการกัดกินที่ใช้แกนเวทมนตร์สร้างขึ้นมาจะไม่สามารถปัดกั้นจากโลกภายนอกได้เหมือนรอยแตก แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะขังอีกฝ่ายเอาไว้ได้ 2 – 3 ชั่วโมงนี่นา
“ยิปซีรอน ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น?” มันตะโกนเสียงดัง
“ตอบข้า ยิปซีรอน!”
แต่อีกด้านของรอยแตกกลับไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา
“บ้าเอ้ย!” เดลต้ายื่นมือเข้าไปหาซีโร่ ทันใดนั้นเอง ลำแสงที่สว่างเจิดจ้าพลันส่องทะลุลงมาจากด้านบนของรอยแตก บนผลึกมีร่องรอยเหมือนโดนไหม้เป็นแถบ
จากนั้นลำแสงก็ส่องสว่างไปทั่วทุกทิศทุกทาง ความมืดมิดของโลกถูกปัดเป่าออกไป ภาพทิศทัศน์สองฝั่งของสะพานที่ดูห่างออกไปในตอนแรกปรากฏขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
รอยแตกพังทลายลงแล้ว
………………………………………………………………….