Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1362 กลับตาลปัตร
“เดลต้ากับยิปซีรอนแพ้แล้ว” แกมมาเงยหน้าขึ้นมามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังในห้องใต้ดิน เข็มบอกเวลาเลยเวลาที่วางเอาไว้ตามแผนมา 12 ชั่วโมงแล้ว
การที่เทวทูตตายนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะการที่ไปเป็นศัตรูกับผู้สร้างโลกนั้นย่อมต้องเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่คาดไม่ถึงอยู่แล้ว ขอเพียงพวกมันทำภารกิจสำเร็จ ถึงตายไปก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะช้าเร็วพวกมันก็จะเกิดขึ้นมาใหม่ในดินแดนของพระเจ้า
แต่นี่ผ่านไป 12 ชั่วโมงแล้ว โลกนี้กลับไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
ในพื้นที่ที่สร้างขึ้นมาจากเวทมนตร์ มันสัมผัสถึงคลื่นกระเพื่อมไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ทั้งดินแดนจะพังทลายลงมาเลย นี่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนไม่สามารถสังหารร่างจิตสำนึกตรรกะที่ชื่อ ‘ซีโร่’ คนนั้นได้สำเร็จตามแผนที่วางเอาไว้
“ถึงแม้จะรู้สึกเสียดาย แต่พวกเรายังมีภารกิจของตัวเองที่ต้องทำให้สำเร็จ” เบต้าเอาแกนพลัง 5 อันสุดท้ายใส่เข้าไปในร่างกาย จากนั้นมันกางแขนทั้งสองข้างออก
ลำแสงสีแดงสายหนึ่งสว่างวาบขึ้นมา จากนั้นรอยแตกการกัดกินสีแดงสดก็ปรากฏขึ้นตรงกลางห้อง
“สถานการณ์ยังไม่เลวร้ายจนถึงขนาดแก้ไขไม่ได้ ขอเพียงพวกเราทำเป้าหมายให้สำเร็จ เรื่องนี้มันก็ยังพอมีโอกาสอยู่…ไปกันเถอะ อีกเดี๋ยวพลังเวทมนตร์ของที่นี่ก็จะหมดลงแล้ว แล้วการทับซ้อนกันของทั้งสองก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เมื่อถึงตอนนั้นผู้ฝึกยุทธ์อาจจะสัมผัสถึงร่องรอยของพวกเราได้”
มันไม่แม้แต่จะคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้กับสาเหตุของความพ่ายแพ้ ในฐานะที่เป็นเทวทูตของพระเจ้า มันไม่มีทางรู้สึกผิดหวังเพราะความพ่ายแพ้ แล้วก็ไม่มีทางกังวลถึงผลที่ตามมาหลังจากพ่ายแพ้ สิ่งเดียวที่มันคิดถึงมีเพียงแค่พยายามทำตามคำสั่งของพระเจ้าอย่างเต็มที่เท่านั้น
แกมม่าพยักหน้าอย่างเงียบๆ
เบต้าหมุนตัวเดินเข้าไปในรอยแตกเป็นคนแรก
นี่ไม่ใช่รอยแตกธรรมดาๆ
แต่เป็น ‘อุโมงค์’ ที่ใช้แกนพลังของฟอลเลนอีวิลจำนวนมากในการสร้างขึ้นมา และปลายทางอีกด้านหนึ่งที่เชื่อมต่อกับมันก็คือสนามรบสุดท้ายที่จัดขึ้นมาเพื่อรับมือกับผู้สร้างหลัก
ในตอนที่แกมม่ากำลังเตรียมจะเข้าไปในอุโมงค์ตามอีกฝ่าย จู่ๆ ตรงปากทางขึ้นบันไดพลันมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา
มันงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ามองตามเสียงไป ที่นี่ถูกพลังเวทมนตร์ปิดบังเอาไว้ เครื่องมือตรวจจับต่างๆ ไม่สามารถใช้งานได้ อีกทั้งด้านนอกยังมีฟอลเลนอีวิลจำนวนมากเฝ้าอยู่ ปกติแล้วไม่มีทางที่จะมีคนนอกเข้ามาได้
ไม่นาน ร่างผู้มาเยือนก็ปรากฏตัวขึ้นในความมืด
“ทำไมถึงเป็นเจ้า?” แกมม่าถามอย่างงุนงง
อีกฝ่ายคือยิปซีรอนที่อยู่ในร่างของมนุษย์
ตามแผนการแล้ว มันควรจะรับผิดชอบในการถ่วงคนที่มาช่วยเหลือเพื่อยื้อเวลาให้เดลต้าให้ได้มากที่สุด ถ้าหากเดลต้าทำภารกิจไม่สำเร็จ ยิปซีรอนก็ยิ่งไม่มีทางที่จะรอดมาได้
แต่สิ่งที่มันได้รับกลับมากลับไม่ใช่คำตอบ หากแต่เป็นแขนพร้อมกับกรงเล็บทั้งห้า
มือข้างนี้พุ่งทะลุหน้าอกมันอย่างรวดเร็ว!
หน้ากากตกลงพื้น วงแหวนดวงดาวที่อยู่ภายใต้หมวกคลุมศีรษะปรากฏขึ้นมา
แกมม่ามองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อ สติเริ่มเชื่องช้าขึ้นมาทันที “เจ้า…ทำไม…”
“ต่างกันจริงๆ ด้วย” ยิปซีรอนดึงมือกลับ พร้อมกับปล่อยให้แกมม่าล้มลงมาบนร่างกายของตน “….เจ้ากับมิสต์”
“เจ้า…คิดจะหักหลังพระเจ้าเหรอ?”
หลังนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ยิปซีรอนจึงพูดเสียงเบาๆ ขึ้นมาว่า “พระเจ้าคือใคร?”
“พระเจ้าคือ…” แกมม่าอ้าปาก แต่เสียงมันกลับดังซ้ำๆ ไม่หยุดเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง สุดท้ายมันก็ไม่สามารถพูดคำตอบที่แน่ชัดออกมาได้
“ถูกต้อง…พวกเราไม่เคยคิดถึงปัญหาแบบนี้มาก่อน ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถตอบมันออกมาได้ หลังจากที่ฆ่ามิสต์ จู่ๆ ข้าก็มีความคิดเยอะแยะมากมายผุดขึ้นมา เหมือนกับว่ามันถูกฝังเอาไว้ในหัวข้ามาโดยตลอด เพียงแต่ถูกอะไรบางอย่างปิดเอาไว้ ซึ่งในนั้นก็มีคำถามอยู่คำถามหนึ่งด้วย นั่นคือ ‘มิสต์ทรยศพระเจ้าจริงหรือเปล่า?’” ยิปซีรอนกระซิบอยู่ข้างๆ หูมัน “ซึ่งคำตอบที่ได้คือข้าไม่รู้ เทวทูตคือร่างจำแลงของพระประสงค์ของพระเจ้า ถ้าหากเราไม่ทำตาม เรายังถือเป็นแทวทูตอยู่หรือเปล่า?”
แกมม่าไม่ตอบ พูดอีกอย่างคือมันไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้
“ภารกิจต่อไปต้องการคนแค่สองคน อย่างนั้นจะเปลี่ยนเป็นใครก็เหมือนกัน ถ้าเจ้ามีโอกาสได้เจอท่านพระเจ้า อย่างนั้นข้าฝากเจ้าถามคำถามนี้ด้วยแล้วกัน?”
ยิปซีรอนกางผ้าคลุมขึ้นมาคลุมตัวแกมม่าเอาไว้ จากนั้นครู่หนึ่ง ร่างกายของมันก็กลายร่างกลายเป็นแกมม่า
มันหยิบหน้ากากขึ้นมาใส่ไว้บนหน้าตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปในรอยแตก
ในตอนที่ยิปซีรอนเดินผ่านอุโมงค์ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากพลังเวทมนตร์และลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ภาพที่แตกต่างกันออกไปก็ปรากฏขึ้นมาสู่สายตาของมัน
โครงสร้างรูปถังที่สร้างขึ้นมาจากคอนกรีตเสริมเหล็กตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้ามันราวกับหอคอย
ด้านในหอคอยมีทางเดินเรียงเป็นชั้นๆ และเชื่อมต่อกันด้วยลิฟท์ทรงกระสวย
บนทางเดินแต่ละชั้นมีช่องสี่เหลี่ยมจำนวนนับไม่ถ้วนตั้งเรียงราย มันรู้ว่าในช่องสี่เหลี่ยมพวกนั้นคือเป้าหมายในการลงมือครั้งนี้ — นั่นคือแกนพลังเวทมนตร์ที่โลกนี้ขโมยมาจากดินแดนของพระเจ้า
ด้วยแกนพลังเหล่านี้ เทวทูตถึงจะมีพลังมากพอที่จะวางกับดักเพื่อสังหารผู้สร้าง
“ทำไมช้าขนาดนี้” เบต้าหันกลับมาเหลือบมองดูมัน “ถ้าพร้อมแล้วก็เริ่มเลย”
“ได้เลย เดี๋ยวข้าจัดการเอง” ยิปซีรอนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
….
หลังจากนั้นทั้งวันโรแลนด์ก็เอาแต่นั่งฟุบถอนใจอยู่ที่โต๊ะทำงาน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกแห่งความฝันทำเอาเขาตั้งตัวไม่ทัน การตื่นขึ้นมาไม่ได้หมายความว่าเขาจะหยุดคิดเรื่องพวกนั้นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพที่เขาเห็นตอนที่หลอมรวมเข้ากับวงแหวนดวงดาว หรือว่าการพูดคุยกับวัลคีรีย์ ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ล้วนแต่ทำให้เขารู้สึกปวดหัวทั้งนั้น
โดยเฉพาะเรื่องแรก
ก่อนที่เขาจะเข้าไปในบอทธ่อมเลสแลนด์และได้เจอกับพระเจ้า ภาพเหล่านั้นคือแหล่งข้อมูลเพียงหนึ่งเดียวของเขา จากคำพูดของมิสต์ทำให้เขารู้ว่าข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญมากแค่ไหน แต่เขาคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกก็คิดไม่ถึงว่าภาพที่เขาเห็นก่อนหน้านี้มันเกี่ยวข้องกับภาพที่เขาเห็นครั้งล่าสุดอย่างไร
แล้วก็ยังมีตัวหนังสือแถวนั้นที่ทำให้เขารู้สึกสนใจอย่างมาก
‘‘นับแต่นี้เป็นต้นไป แรงดึงดูดจะไม่ใช่แรงที่น่าบูชาที่สุดในโลกนี้อีกต่อไป’
ทำไมต้องเป็นแรงดึงดูด?
ในบรรดาแรงทั้งสี่ แรงดึงดูดนอกจากจะมีขอบเขตการใช้งานที่กว้างที่สุดแล้วมันก็ไม่ได้มีความพิเศษอะไรอย่างอื่นเลย ถ้าพูดถึงเรื่องการใช้งานมันก็ไม่อาจสู้แรงแม่เหล็กไฟฟ้าได้ ถ้าพูดถึงเรื่องความเข้มข้นก็ไม่อาจรู้แรงนิวเคลียร์ชนิดเข้มได้ มันมักจะเป็นแรงพื้นฐานแรงที่อารยธรรมสังเกตเห็น นั่นจึงทำให้มันมีความลี้ลับน้อยที่สุด
ส่วนเรื่องหลัง หลังจากที่ไนท์แมร์ลอร์ดแสดงออกถึงความร่วมมือ ทั้งสองคนก็กลับไปยังภัตตาคารหรูที่เจอกันครั้งแรกเพื่อพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงหน้า และกลายเป็นที่จับตามองของแขกคนอื่นๆ อีกครั้ง
จากที่วัลคีรีย์บอกมา ทันทีที่มันได้รับการยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในแนวหน้าเป็นเรื่องจริง มันก็จะเปลี่ยนเป้าหมายจาก ‘เอาชนะสงครามแห่งโชคชะตา’ เป็น ‘หยุดยั้งสงครามแห่งโชคชะตา’ นี่รวมไปถึงการพูดกล่อมสกายลอร์ดให้ช่วยเหลือมนุษย์ในการเดินทางไปยังบอทธ่อมเลสแลนด์ด้วย
เมื่อเทียบกับการล้วงเอาข้อมูลจากอีกฝ่ายเพียงอย่างเดียวแล้ว การร่วมมือแบบนี้ดูจะให้ประโยชน์มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ปัญหาอยู่ที่สกายลอร์ดจะให้ความร่วมมือหรือเปล่าก็ยังไม่อาจรู้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นราชาปีศาจไม่ได้มีแค่ตัวเดียวด้วย และเหนือจากราชาขึ้นไปยังมีจักรพรรดิอยู่อีก แค่เฮคซอดเพียงตัวเดียวจะสามารถกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของกองทัพตะวันตกได้หรือเปล่าก็เป็นปัจจัยที่ยังไม่อาจมั่นใจได้
……………………………………………………………….