Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1364 ความร่วมมือ
“โลกที่ไม่มีพลังเวทมนตร์?” ไนติงเกลถามอย่างสงสัย “อย่างนั้นโลกมันยังจะเป็นแบบนี้อยู่หรือเปล่า? พวกท่านสองคนคิดมากไปหรือเปล่า?”
“…ก็จริง” อันนาได้สติกลับมา “แรงมันจะส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน ต่อให้เป็นแรงขนาดเพียงนิดเดียว แต่เมื่อเข้าไปอยู่ในระบบที่มีความสมดุล มันก็ทำให้ระบบทั้งระบบเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพลังเวทมนตร์ที่มีอยู่ทั่วทุกที่เลย ถ้าเกิดพลังเวทมนตร์มันจู๋ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาจริงๆ อย่างนั้นสภาพของโลกก่อนหน้านี้มันก็ควรจะแตกต่างไปจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิงถึงจะถูก แต่เมื่อดูจากสิ่งที่พระองค์บรรยายมา ที่นี่แทบจะไม่แตกต่างจากโลกที่พระองค์ทรงเคยอาศัยอยู่เลย น้ำสามารถเดือดได้ หิมะสามารถละลายได้ แสงแดดให้ความอบอุ่น พื้นดินสามารถให้กำเนิดชีวิต นอกจากพลังเวทมนตร์แล้ว มันก็แทบจะเหมือนกันทุกอย่าง”
“ดังนั้นมันถึงน่าบูชาไง ข้าคิดว่าตัวหนังสือนั้นบางทีอาจจะหมายความอย่างนี้ก็ได้” แผ่นหลังของโรแลนด์รู้สึกเย็นวาบขึ้นมา “ไม่ได้อยู่ในกรอบของแรงพื้นฐานทั้งสี่ แต่กลับสามารถเข้ามาอยู่ในแรงเหล่านี้ได้อย่างแนบเนียน และก่อให้เกิดอิทธิพลต่อโลกนี้ทุกๆ ด้าน เหมือนกับว่ามันอยู่เหนือทุกสรรพสิ่งอย่างไรอย่างนั้น”
“มันเป็นไปได้จริงๆ เหรอเพคะ?” อันนาขมวดคิ้วขึ้นมา
“ตอนนี้ก็ได้แค่เดาแบบนี้เท่านั้นแหละ” โรแลนด์กุมมือตัวเอง “ยิ่งไปกว่านั้นการปรากฏขึ้นมาของพลังจะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ใช่สิ่งที่คิดฝ่ายคาดคิดเอาไว้” เขาชะงักไปเล็กน้อย “ดังนั้นมันถึงได้เรียกสิ่งนี่ว่า ‘ค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย’”
“ฟังดูแล้วค่อนข้าง..น่ากลัวนะเพคะ” มุมปากไนติงเกลกระตุกขึ้นมา
“ไม่ นี่กลับเป็นเรื่องดีต่างหาก”
“หา? ทำไมล่ะเพคะ?”
“โลกในตอนนี้ยังคงเต็มไปด้วยพลังเวทมนตร์ นี่แสดงให้เห็นว่าแม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถแก้ไขค่าตอบแทนนี้ได้เหมือนกัน ถ้าคิดแบบนี้ หลังจากนี้พลังเวทมนตร์ก็จะยังคงอยู่แบบนี้ไปตลอด” โรแลนด์อธิบายอย่างจริงจัง “และเมื่อมีพลังเวทมนตร์อยู่ พวกเจ้าก็จะไม่มีทางที่จู่ๆ ก็หายไป”
“อะแฮ่มๆ” ไนติงเกลเบือนหน้าไปอีกทาง “ฟังดูเหมือนจะมีเหตุผลนะเพคะ”
“แต่ปีนี้เดือนแห่งปีศาจผ่านมา 3 เดือนแล้ว แต่กลับยังไม่มีแม่มดที่ตื่นรู้ขึ้นมาใหม่แม้แต่คนเดียว แบบนี้ควรจะโทษใครดีล่ะเพคะ” อันนาพูดเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม
“เอ่อ อันนี้ก็…” เขาพูดไม่ออกไปทันที
“เอาล่ะ ไม่ล้อเล่นแล้วเพคะ” อันนายิ้มขึ้นมาเล็กน้อย “ถ้าเราคิดตามสมมติฐานที่ว่านี้ อย่างนั้นก็เท่ากับว่าสงครามแห่งโชคชะตากับการยกระดับของเผ่าพันธุ์ล้วนแต่เกิดขึ้นหลังจากที่พลังเวทมนตร์ปรากฏขึ้นมา แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นโลกที่พวกเราคุ้นเคยใบนี้อย่างนั้นเหรอเพคะ?”
“ถ้ามองจากเรื่องตรรกะเพียงอย่างเดียวก็คิดแบบนี้ได้ เพราะว่าชิ้นส่วนสืบทอดกับโลกแห่งจิตสำนึกล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องกับพลังเวทมนตร์ ซึ่งโบราณสถานต่างๆ ที่ขุดค้นพบตอนนี้ก็ล้วนแต่พิสูจน์ว่าที่นี่เคยมีอารยธรรมที่อยู่มาก่อนที่พวกเราจะปรากฏขึ้นมา” โรแลนด์ถอนใจออกมา “ตอนนี้เรื่องที่ข้าค่อนข้างสนใจมีอยู่สองเรื่อง หนึ่งคือวัตถุทรงกลมที่อยู่ด้านหลังโพรงสีแดงที่ค่อยๆ ประกอบกันเป็นรูปเป็นร่างแล้วถูกผลึกปกคลุม กับสองคือการปลดปล่อยเทวทูตผู้ทรยศเฝ้าตามหา”
“พระองค์ทรงสงสัยว่ามันจะเป็นโลกที่พวกเราอาศัยอยู่เหรอเพคะ?”
เขาพยักหน้า “ถ้าสามารถบินขึ้นไปดูได้ก็คงจะดี…เสียดายที่ด้วยระดับเทคโนโลยีของเนเวอร์วินเทอร์ในตอนนี้นั้นยังไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ส่วนการปลดปล่อยที่มิสต์พูดถึงจะต้องเกี่ยวข้องกับการหยุดยั้งสงครามแห่งโชคชะตาอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่ามันหมายความว่าอะไร เกรงว่าคงต้องรอให้เข้าไปในบอทธ่อมเลสแลนด์แล้วถึงจะรู้ได้”
….
เดิมโรแลนด์คิดว่าองค์กรขนาดใหญ่อย่างสมาคมผู้ฝึกยุทธ์จะทำงานช้า ถึงแม้จะเห็นพ้องต้องกันในขั้นแรกแล้ว แต่กว่าจะออกระเบียบการต่างๆ ก็น่าจะใช้เวลาอีกเป็นสิบวัน แทนที่จะรอผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสมาคม สู้เขาเป็นฝ่ายยื่นขอเสนอไปทางสมาคมเลยดีกว่า อย่างเช่นขอข้อมูลทางด้านเทคโนโลยีให้กับบุ๊คหรือขอให้ทางแม่มดทาคิลาอย่างเซนต์มิลานกับโดโด้ได้รับการฝึกซ้อมพิเศษ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับแตกต่างจากที่เขาคิดไว้มาก
เพียงแค่วันเดียว หรือก็คือในเย็นวันนั้นตอนที่เขาเข้าไปในโลกแห่งความฝันอีกครั้ง เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากการ์เซีย
“เลขาของคุณร็อคให้ฉันมาแจ้งนายว่าทางเมืองปริซึมได้หารือกันแล้ว และได้อนุมัติแผนการสนับสนุนแรกออกมา รายละเอียดในการปฏิบัติของแผนการนี้จำเป็นต้องให้นายมีส่วนร่วมด้วย สถานที่ในการจัดประชุมคือแผนกโครงการเมืองยานยนต์พลังงานใหม่ของกลุ่มทุนโคลฟเวอร์ ถ้าไม่มีแผนอะไรอื่น พวกเราก็ออกเดินทางตอนนี้เลย”
“เดี๋ยวๆ ตอนนี้เหรอ?” ขณะที่โรแลนด์กำลังงุนงง อีกฝ่ายก็วางสายไปเสียแล้ว
หลังจากนั้นประตูด้านนอกห้องรับแขกพลันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
โรแลนด์รีบใส่เสื้อคลุมแล้วเดินออกไปเปิดประตู
คนที่ยืนอยู่นอกประตูก็คือการ์เซีย
“ทำไมเรื่องนี้ถึงต้องให้เลขาของร็อคแจ้งเธอ จากนั้นค่อยให้เธอมาแจ้งฉันล่ะ?” โรแลนด์ถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณผู้คุมโทรหาฉันโดยตรงเลยก็ได้นี่นา? ทำไมถึงต้องลำบากเธอมาแจ้งฉันด้วย”
“นายนี่มันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ” การ์เซียพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “นี่แสดงให้เห็นว่าทางสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ให้การยอมรับนาย และนี่ก็เป็นมาตรฐานในการติดต่อสื่อสารกันของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในสมาคมด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคนที่มาร่วมประชุมครั้งนี้ก็มีหลายคนที่ไม่ใช่คนของสมาคม ถ้าให้นายไปคนเดียว อย่างนั้นไม่เท่ากับทำให้สมาคมขายหน้าหรอกเหรอ? แล้วก็นะ หลังจากนี้ฉันต้องเป็นคนรับผิดชอบติดต่อประสานงานในการประชุมแบบนี้ ถ้าเตรียมตัวเสร็จแล้วก็ไปได้แล้ว”
“เอ่อ…ฉันยังไม่ได้ล้างหน้าเลย”
เธอกรอกตาใส่เขา “อย่างนั้นก็รีบไปสิ!”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่คิดจะออกไป โรแลนด์จึงได้แต่ต้องปฏิบัติตาม แต่เมื่อเดินลงมาข้างล่างตึก ทั้งสองคนก็คิดขึ้นมาได้ทันที รถหรูสองประตูของการ์เซียได้ชนจนกลายเป็นเศษเหล็กไปในการช่วยเหลือเมื่อครั้งก่อนแล้ว
สุดท้ายทั้งสองคนก็ได้แต่ต้องขับรถตู้เก่าๆ ของโรแลนด์ออกมา
“รถของเธอ…เอาไว้ฉันจะใช้คืนให้นะ” โรแลนด์ที่นั่งอยู่ข้างคนขับพูดขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วน “แต่ว่าเราขับรถคันนี้ไป…มันจะไม่ทำให้สมาคมขายหน้าจริงๆ เหรอ?”
“นายเงียบปากซะ” การ์เซียพูดด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง
โรแลนด์เบี่ยงสายตามองไปทางอื่น
หลังขับรถออกมานอกเขตเมือง สีหน้าของเธอจึงค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ “เรื่องก่อนหน้านี้ ในเมื่อมันเป็นการช่วยคน แล้วก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องด่วนอย่างมาก ฉันก็จะไม่เอาเรื่องนาย ส่วนตอนนั้นมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ฉันก็จะทำตามกฎของสมาคมด้วยการไม่ถามนายในตอนนี้”
โรแลนด์งุนงง เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรออกไปดี ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงพูดออกไปว่า “ขอบคุณนะ”
“แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าหนี้ที่นายติดฉันมันจะหายไปนะ เข้าใจไหม?” การ์เซียเปลี่ยนประเด็น ก่อนจะพูดเน้นย้ำว่า “เอาไว้คำสั่งรักษาความลับถูกยกเลิกไปแล้ว นายจะต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นทั้งหมดให้ฉันฟัง รวมไปถึงสถานะของซีโร่กับประวัติความเป็นมาของญาติๆ นายด้วย”
เธอสังเกตเห็นถึงความผิดปกติจริงๆ ด้วย
แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่โรแลนด์คิดเอาไว้แล้ว ตอนที่ช่วยเฟยอวี่หานการ์เซียก็ยืนดูเหตุการณ์อยู่ตรงนั้นด้วย เธอย่อมต้องเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เฟยอวี่หานฟื้นขึ้นมาจากความตาย ไม่ว่าจะเป็นบุ๊คที่นำเอาไหมเย็บแผลเวทมนตร์มาหรือว่าจะเป็นเหล่าแม่มดอาญาสิทธิ์ที่ไม่รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์นี้ก็ล้วนแต่ไม่ใช่คนปกติธรรมดาแน่นอน
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้เธอก็ยังยินดีที่จะรอฟังเขาอธิบาย ความเชื่อใจตรงนี้ทำให้โรแลนด์รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมา
แล้วก็ยังมีเฟยอวี่หาน ร็อค….ภายใต้การผลักดันของหลายๆ คน โลกนี้กำลังก้าวไปยังทิศทางที่เขาที่เขาไม่รู้จักจริงๆ ด้วย
แต่ก็เป็นเพราะความรู้นี่แหละถึงได้ทำให้น่าปกป้อง
“เอาไว้ทุกอย่างจบลงแล้ว ฉันจะเล่าทุกอย่างให้เธอฟังแน่นอน” โรแลนด์ตอบอย่างจริงจัง
หลังรถขับเข้ามาในเขตโรแงงาน โรแลนด์ก็พบว่าป้ายโครงการเมืองยานยนต์พลังงานใหม่อันสะดุดตาที่เดิมตั้งอยู่ตรงประตูทางเข้าโรงงานนั้นหายไปเสียแล้ว สิ่งที่เข้ามาแทนที่มันกลับเป็นป้ายสีทองใหม่เอี่ยม
เขาตกตะลึงไปทันที
ตัวหนังสือบนป้ายเขียนเอาไว้ว่า ‘ศูนย์ออกแบบเกรย์คาสเซิล’
…………………………………………………………………………..
Comments for chapter "ตอนที่ 1364 ความร่วมมือ"
MANGA DISCUSSION
Leave a Reply Cancel reply
This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.
Crystal
อ่านแปปเดียวก็จบ~มันสั้นลง!!!!