Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1373 กลิ่นคาวเลือด
“ชื่ออะไร? มาจากไหน?”
“โนแลน คนนี้คือพี่ชายของข้า บรูนอส พวกข้ามาจากเมืองไอซ์บาวด์”
เมื่อเจอการถามคำถามของเจ้าหน้าที่ประจำด่าน นีแกน มอร์เรย์จึงซี้ซั้วตอบไป
ถึงแม้ก่อนจะมาที่อ่าวดีพพูลทั้งสองคนจะได้ยินมาแล้วว่าหากจากเจอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบของเกรย์คาสเซิล ทางที่ดีที่สุดคือพูดความจริง ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าหากไปถึงทางใต้เมื่อไรอาจจะเจอปัญหาใหญ่ได้ แต่พวกเขาไม่ได้คิดที่จะไปที่เกรย์คาสเซิลตั้งแต่แรกแล้ว
ขอเพียงข้ามเคจเมาเธ่นไปก็จะเป็นดินแดนของอาณาจักรดอว์น ที่นั่นมีเมืองและหมู่บ้านมากมายให้ซ่อนตัว ด้วยฝีมือที่มีอยู่ พวกเขาสองคนไม่กังวลเรื่องการใช้ชีวิตหลังจากนี้
ด้วยเหตุนี้เมื่อเทียบกับการอ้างตัวเป็นขุนนางแล้ว การปลอมตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาๆ กลับจะทำให้สะดุดตาน้อยกว่า
พวกเขาตกลงกันเอาไว้แล้วว่าจะไปเป็นทหารยามอยู่ในคฤหาสน์ของผู้ปกครองซักแห่งหรือไม่ก็ไปเป็นหน่วยลาดตระเวน เวลากลางวันทำงานมีเกียรติ พอตกกลางคืนก็เป็นช่วงเวลาอิสระของพวกเขา ขอเพียงเฝ้าอยู่ตรงปากทางที่รกร้างห่างไกล พวกเขาจะต้องเจอกับชาวบ้านที่หลบหนีมาคนเดียวแน่
เหมือนกับที่พวกเขาเคยทำที่อีเทอร์นอลวินเทอร์
“โอ้? ที่นั่นไกลจากอ่าวดีพพูลมากเลยนะ” เจ้าหน้าที่พูดไปพลางพร้อมบันทึกไปพลาง “ข่าวปีศาจพ่ายแพ้แพร่ไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? ในบรรดาชาวบ้านที่หลบหนีมามีคนทางเหนืออย่างพวกเจ้าแค่ไม่กี่คนเอง”
นีแกนตกใจเล็กน้อย เมื่อดูจากท่าทางและการแต่งตัวของอีกฝ่ายแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง และคนธรรมดาจำนวนมากที่เขาเคยเห็นว่าก็มักจะรู้จักแต่ที่ๆ ตัวเองอยู่เท่านั้น แต่ชาวเกรย์คาสเซิลที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ไม่เพียงแต่จะรู้จักเมืองไอซ์บาวด์ แถมยังบอกระยะทางของเมืองเล็กๆ ที่ไม่เป็นที่รู้จักแห่งนี้ออกมาด้วย!
“งั้นเหรอ…ขอรับ? ข้าเองก็ฟังมาจากเพื่อนพ่อค้าคนหนึ่ง น่าจะอีกไม่นาน คนจากอีเทอร์นอลวินเทอร์คงจะมาที่นี่กันเยอะขึ้นขอรับ”
ภายในใจเขาเองรู้สึกโชคดี ยังดีที่เขาเลือกเมืองที่ไม่ไกลจากวูล์ฟฮาร์ทมากนัก ถ้าเขาบอกว่ามาจากเมืองรีเฟลคสโนว์ที่อยู่ทางเหนือของอีเทอร์นอลวินเทอร์ล่ะก็ เกรงว่าคงจะทำให้อีกฝ่ายสงสัยมากกว่านี้แน่
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” เจ้าหน้าที่มองมาทางทาร์ลอส “เออใช่ หน้าของพี่เจ้า ช่วยเอาผ้าคลุมหัวออกหน่อยได้ไหม?”
“เขาถูกสัตว์ป่าทำร้ายมาน่ะก็รับ ไม่ค่อยสะดวกให้คนอื่นดู…”
“ขอโทษด้วย แต่นี่เป็นกฎ ถ้ามีลักษณะพิเศษอะไร ข้าก็จำเป็นต้องจดลงไป”
นีแกนขมวดคิ้วขึ้นมา
บัดซบ แกเป็นแค่หมาเฝ้าประตูเท่านั้น
แต่พี่ข้าเป็นอัศวินที่ได้รับการอวยยศมานะ!
ถ้าตอนนี้อยู่นอกเมือง เขาคงจะตัดลิ้นของอีกฝ่ายออกมาแล้ว!
“เอาล่ะ ไม่เป็นไร” ทาร์ลอส มอร์เรย์พูดอย่างใจเย็น “แต่ว่าให้ดูแค่แวบเดียวเท่านั้นนะ” เขาเลิกผ้าคลุมหัวขึ้นมา เผยให้เห็นใบหน้าซีกหนึ่งที่บิดเบี้ยว น่าจะเป็นเพราะตกใจกลัว เจ้าหน้าที่คนนั้นจึงถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว คนที่อยู่รอบๆ เองก็ส่งเสียงอุทานตกใจขึ้นมา แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ยังจดบันทึกลงไปจนเสร็จเรียบร้อย
“อย่างนั้น…นี่คือป้ายชื่อของพวกเจ้า” เขายื่นแผ่นโลหะสองแผ่นให้นีแกน “นี่เป็นหลักฐานเพียงอย่างเดียวที่จะใช้แลกสถานะ อย่าทำหายล่ะ ตอนนี้พวกเจ้าไปรอในพื้นที่กักกันก่อน”
เจ้านี่มันกลัว
นีแกนรับเอาป้ายชื่อมาพร้อมกับแอบหัวเราะอยู่ในใจ
สีหน้าของพี่ชายดูเรียบเฉยๆ แต่ความจริงกลับแผ่จิตสังหารออกมา จิตสังหารที่ฝึกฝนมาจากการผ่านความเป็นความตายมาไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะแบกรับได้ บวกกับสีหน้าที่ดูน่าเกลียดน่ากลัวในตอนนี้ จึงยิ่งทำให้น่ากลัวขึ้นไปอีกหลายเท่า อีกฝ่ายไม่ล้มก้นกระแทกไปกับพื้นก็ถือว่าดีมากแล้ว
เสียดายที่ตรงนี้ไม่สามารถทำอะไรได้มาก ด้านข้างของด่านมีทหารของเกรย์คาสเซิลยืนถือปืนอยู่ ต่อให้พวกเขาสองคนจะมีฝีมือแค่ไหนก็ยากที่จะหลบลูกดอกเหล็กที่มองไม่เห็นพวกนั้นได้
“ไปกันเถอะ” ทาร์ลอสปล่อยผ้าคลุมหัวลง ก่อนจะพยักหน้าสงสัญญาณ
“อื้อ” นีแกนแหวกทางออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปในพื้นที่ท่าเรือเป็นคนแรก แต่ไม่นานฝีเท้าของเขาก็ช้าลง “พี่ พวกมันจะเอาทุกคนไปหมดเลย..”
ทาร์ลอสเองก็สังเกตเห็นการจัดการของคนเกรย์คาสเซิลอย่างรวดเร็ว
แผนการที่จะผ่านเข้ามาในด่าน แล้วค่อยหาโอกาสแอบหนีไปที่คิดเอาไว้ในตอนแรกนั้นฟังดูไม่เลว แต่อีกฝ่ายไม่ได้ปล่อยให้ผู้อพยพมีโอกาสที่จะแยกตัวออกไปเลย ตั้งแต่ผ่านเข้าด่านมาจนถึงพื้นที่กักกันล้วนแต่มีแถบผ้าสีสดใสกั้นเอาไว้อยู่ ขอเพียงผู้อพยพเดินไปตามแถบผ้านี้ พวกเขาก็จะต้องเข้าไปในท่าเรือ จากนั้นก็ขึ้นไปบนเรือที่จอดอยู่ริมฝั่งอย่างแน่นอน
ถึงแม้แถบผ้าพวกนี้จะไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ แต่บริเวณรอบๆ นั้นมีทหารของเกรย์คาสเซิลเคยเดินลาดตระเวนอยู่ ถ้าทั้งสองคนข้ามแถบหน้านี้แล้วหนีออกไป ทหารพวกนั้นไม่มีทางนั่งมองพวกเขาหนีเฉยๆ แน่
แต่สิ่งที่แตกต่างจากที่คิดเอาไว้มากที่สุดก็คือตัวเมือง
พื้นที่ในอ่าวดีพพูลล้วนแต่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง อย่าว่าแต่ชาวเมืองเลย แม้แต่บ้านที่อยู่ในสภาพดีๆ ซักหลังก็ยังไม่มี นี่ไม่เพียงแต่จะทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะพรางตัวปะปนเข้ากับพวกชาวเมือง แต่มันยังจะทำให้การปิดบังร่องรอยกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากอีก
ในจุดนี้ไม่เหมือนกับอีเทอร์นอลวินเทอร์เลย!
ทั้งสองที่ต่างก็เป็นที่ๆ ปีศาจเข้ามายึดครอง แต่ไม่ว่าจะเป็นเมืองรีเฟลคสโนว์หรือว่าเมืองอื่นก็ล้วนแต่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ คิดไม่ถึงเลยว่าทางทิศใต้กลับกลายเป็นสภาพแบบนี้
“พวกเราจะทำยังไงดีพี่?” นีแกนแสดงสีหน้าร้อนใจออกมา ทันทีที่ขึ้นไปบนเรือ หลังจากนี้พวกเขาก็ได้แต่ต้องฟังโชคชะตาเท่านั้น ถ้าเกิดเรือพวกนั้นล่องไปที่เกรย์คาสเซิลเลย อย่างนั้นพวกเขาก็จะไม่มีที่ให้หนีอีก
ส่วนการหยุดอยู่กับที่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ความคิดที่ดี สำหรับผู้อพยพแล้ว พวกเขาล้วนแต่อยากจะหนีไปจากดินแดนของปีศาจให้เร็วที่สุด ถ้าพวกเขาสองคนหยุดเดิน แบบนั้นก็จะตกเป็นเป้าสายตาของหน่วยลาดตระเวนอีกเหมือนกัน
“ก็เพราะใจร้อนอย่างนี้ เจ้าถึงไม่ได้รับการอวยยศจากฝ่าบาทซักที” ทาร์ลอสสบถออกมา “ค่อยๆ เดินไปก่อน อย่าหยุด ท่าเรือใหญ่ขนาดนี้ คนเกรย์คาสเซิลมันดูแลได้ไม่ทั่วหรอก แค่ดูจำนวนของพวกมันก็รู้แล้ว อย่างมากมีไม่เกินร้อยคน ขอเพียงค่อยๆ หา พวกเราจะต้องมีโอกาสหนีออกไปแน่นอน”
เมื่อได้ยินพี่ชายพูดเช่นนี้ นีแกนก็ค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลง
ไม่ว่าเวลาที่พี่ชายฆ่าคนจะบ้าคลั่งแค่ไหน แต่เวลาปกติเขามักจะสงบเยือกเย็นเหมือนดั่งน้ำแข็ง ขอเพียงทำตามที่เขาบอก ก็ไม่มีปัญหาอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้
หลังจากนั้นสิบห้านาที นีแกนก็มองเห็นโอกาส
“พี่ ดูนั่น!” เขาอุทานออกมาเบาๆ
“….น่าเหลือเชื่อ” ทาร์ลอสสังเกตอยู่ครู่ ก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยออกมา “ต้องยอมรับเลยว่า คนเกรย์คาสเซิลเก่งเรื่องพวกนี้จริงๆ แม้แต่รถม้าที่ใช้ขนของก็ยังสร้างออกมาได้แบบนี้”
ตรงมุมหนึ่งของท่าเรือมีรถสี่ล้อขนาดใหญ่สิบกว่าคันจอดอยู่ ขนาดของพวกมันใหญ่จนน่าตกตะลึง ของที่บรรทุกมาก็ไม่ใช่สิ่งที่รถม้าธรรมดาจะขนมาได้ ข้าวของเครื่องใหญ่อื่นๆ และอาหารที่ผู้อพยพต้องการเหมือนว่ามันจะเป็นคนขนมา อย่างน้อยตรงพื้นที่ระหว่างท่าเรือกับรถก็มีคนงานขนของวิ่งไปวิ่งมาอยู่จำนวนไม่น้อยเพื่อขอของไปขึ้นเรือ
คนงานที่อยู่ตรงนั้นค่อนข้างวุ่นวาย แถมพื้นที่ยังทับซ้อนกับพื้นที่กักตัวด้วย การจะเข้าใกล้รถจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
แต่ถึงแม้จะไปถึงข้างรถก็ไม่ได้หมายความว่าจะหนีออกไปจากพื้นที่ควบคุมของคนเกรย์คาสเซิลได้ นอกเสียจากจะวิ่งเร็วกว่าอาวุธของพวกเขา ไม่อย่างนั้นช้าเร็วก็จะถูกหน่วยลาดตระเวนที่รู้ตัวไล่ตามมา
วิธีเดียวที่จะหนีไปได้ก็คือขโมยรถหนีไป
รถสี่ล้อเหล่านี้ถึงแม้จะมีขนาดใหญ่ แต่มันก็ยังต้องใช้คนขับอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังไม่เหมือนกับรถม้าตรงที่ว่าคนขับเหมือนจะถูกหัวรถห่อหุ้มเอาไว้ พูดอีกอย่างก็คือในเวลาเดียวกับที่พวกเขาชิงเอาตำแหน่งคนขับมา พวกเขาก็มั่นใจได้ว่าตัวเองจะไม่ถูกคนอื่นเห็น
นีแกนกับทาร์ลอสสบตากัน ก่อนจะมั่นใจว่าอีกฝ่ายนั้นคิดเหมือนกับตน
ใช้ประโยชน์จากตัวรถที่ใหญ่โตมาเป็นที่กำบังให้ตัวเอง แล้วค่อยหารถที่พร้อมจะออกเดินทาง จากนั้นใช้มีดไปจ่อที่คอหอยคนขับ หลังจากนั้นทุกอย่างก็จะกลายเป็นคนเรื่องง่าย
ทั้งสองคนลงมือทันที
การหลบหนีของพวกเขาเหมือนจะไม่มีอันตรายอะไร
ถึงแม้จะมีคนงานจำนวนไม่น้อยที่สังเกตเห็นคนสองคนที่เดินออกไปไกลเรื่อยๆ แต่อย่างมากพวกเขาก็ทำได้แค่เตือนเรื่องทิศทางที่จะไปขึ้นเรือ ไม่มีใครที่จะมาสอบถามพวกเขาให้มากความ พวกเขาเองก็แสร้งทำเป็นถูกรถขนาดยักษ์ดึงดูดความสนใจเอาไว้ แล้วก็หลอกเหล่าคนงานที่กำลังยุ่งอยู่กับการทำงานได้อย่างง่ายดาย เพราะทุกคนต่างมีเรื่องที่ต้องทำ ไม่มีใครที่อยากจะมาเสียเวลากับเรื่องอื่น
เมื่อเข้ามาในพื้นที่ลับตาคน นีแกนกับทาร์ลอสก็รีบย่อตัวแล้ววิ่งเลียบตัวรถไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานพวกเขาก็เข้ามาใกล้รถที่จอดอยู่ด้านนอกซึ่งขนของเสร็จเรียบร้อยแล้ว
อีกเพียงก้าวเดียวแผนการของพวกเขาก็จะสำเร็จ
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ด้านหลังของพวกเขาพลันมีเสียงถามอย่างสงสัยดังขึ้นมา
“พวกเจ้าเป็นใคร?”
นีแกนขนลุกขึ้นมาทันที
เขารีบหันหน้ากลับไป ก่อนจะเห็นว่าด้านหลังมีผู้หญิงสวมเสื้อคลุมคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา
อีกฝ่ายเอียงหัวเล็กน้อย หมวกเสื้อคลุมตกลงมาปกคลุมใบหน้าเอาไว้ครึ่งหนึ่ง
เขาเอื้อมมือไปที่เอว แต่ทาร์ลอสกลับแอบส่งสัญญาณห้ามเขาไว้ “ขอโทษที…พวกข้าเป็นผู้อพยพมาจากเมืองไอซ์บาวด์ ตอนแรกแค่อยากจะมาดูเจ้ารถพวกนี้หน่อย แต่เดินไปเดินมาไม่รู้เดินมาถึงตรงนี้ได้ยังไง”
“อย่างนี้นี่เอง ผู้อพยพเหรอ…” หญิงสาวยิ้มๆ แต่กลับไม่ได้มีทีท่าว่าจะเดินจากไป “แต่ว่า ทำไมบนตัวพวกเจ้าถึงได้เหม็นคาวเลือดขนาดนี้ล่ะ?”
………………………………………………………….