Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1386 ทางออก
หลังตื่นขึ้นมาจากโลกแห่งความฝัน โรแลนด์ก็รีบเรียกทิลลีเข้ามาทันที
“รายละเอียดเกี่ยวกับแผ่นดินลอยฟ้าข้าพอจะเข้าใจแล้ว มันเป็นสิ่งที่ปีศาจสร้างขึ้นมาจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังถูกเรียกว่า ‘พระผู้สร้าง’”
ทิลลีตกตะลึง จากตอนที่เธอนำข่าวนี้มาแจ้งจนถึงตอนนี้เพิ่งจะผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น แล้วเขาไปได้ข้อมูลนี้มาจากไหน?
“เอาเป็นว่า ข้ามีแหล่งข่าวพิเศษ” โรแลนด์ย่อมต้องมองเห็นความสงสัยในใจของอีกฝ่าย เพียงแต่เรื่องที่ไนท์แมร์ถูกขังอยู่ในโลกแห่งความฝันมันซับซ้อนมากเกินไป เขาเลยเลือกที่จะข้ามไป “ข้อมูลนี้อาจจะมีผิดพลาด ดังนั้นจึงแค่ใช้อ้างอิงได้เท่นั้น ในสถานการณ์จริงพวกเจ้าต้องไปสำรวจยืนยันดูด้วยตัวเองอีกที”
จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องที่มาของพระผู้สร้างออกมาคร่าวๆ
“อย่างนั้น ความจริงแล้วมันก็คือเมืองลอยฟ้าอย่างนั้นเหรอ?” ทิลลีพูดอย่างตกตะลึง
“อื้อ” โรแลนด์พยักหน้า “แต่มันใหญ่กว่าเมืองๆ หนึ่งมาก”
จากที่วัลคีรีย์บอกมา มันคือการเอาเสาโอเบลิสที่ผลิตหมอกแดงได้กับแกนพลังเวทมนตร์มารวมกัน จนทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าตกตะลึงอย่างมาก ถึงแม้มันจะไม่เคยเข้าไปมีส่วนร่วมในการสร้างพระผู้สร้าง แต่มันกลับรู้เรื่องแผนการนี้ทั้งหมดเป็นอย่างดี เพื่อที่จะได้ตัวเลขพารามิเตอร์ต่างๆ ที่น่าเชื่อถือออกมา ปีศาจได้ทำการทดลองอยู่หลายต่อหลายครั้ง จนในการทดลองที่เมืองทาพูไนซ์เมื่อร้อยปีก่อน มันได้ทำลายเมืองจนพังพินาศเกือบทั้งเมือง พลังเวทมนตร์ที่ระเบิดออกมาฉีกแผ่นออกในพริบตา สิ่งก่อสร้างกระเด็นลอยขึ้นไปบนฟ้าแล้วแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลางอากาศ ปีศาจชั้นต่ำจำนวนนับไม่ถ้วนถูกโยนขึ้นไปข้างบน ก่อนจะร่วงตกลงมากลายเป็นก้อนเนื้อเละๆ
เพื่อที่จะปิดบังข่าวนี้ สุดท้ายจักรพรรดิได้บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุทางเวทมนตร์ ถึงแม้ความเสียหายจะรุนแรง แต่แผนการกลับไม่หยุดลง แถมยังก้าวไปข้างหน้าเร็วขึ้นด้วย นอกจากสงครามแห่งโชคชะตาที่คืบใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว การที่ปีศาจเร่งรีบที่จะหลุดพ้นจากข้อจำกัดของหมอกแดงก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้แผนการนี้ยังคงเดินหน้าต่อไป อย่างน้อยความเสียหายในครั้งนี้ก็ทำให้ปีศาจระดับสูงมองเห็นว่าแผนการนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นจริงอยู่
และพระผู้สร้างก็คือผลลัพธ์ที่พวกมันได้รับ
พลังเวทมนตร์แทรกซึมลงไปใต้พื้นดินหลายพันเมตร ก่อนจะยกพื้นดินรัศมีหลายสิบกิโลเมตรให้ลอยขึ้นมา เมื่อมองลงมาจากบนฟ้า มันคือแผ่นดินที่ลอยอยู่บนฟ้า แต่ถ้ามองจากด้านล่าง ลักษณะที่ด้านบนกว้างด้านล่างแคบของมัน ทำให้มันดูเหมือนยอดเขากลับหัวที่ลอยอยู่ข้างบน เมื่อทำการปรับพลังเวทมนตร์ของแกนพลังเวทมนตร์ พระผู้สร้างไม่เพียงแต่จะสามารถลอยขึ้นลงได้ แต่มันยังลอยไปมาในอากาศได้เหมือนเรือด้วย
และก็เป็นเพราะจุดเด่นตรงนี้ ปีศาจระดับสูงถึงได้มองว่ามันเป็นวิธีเดียวที่จะใช้โจมตีกลับอาณาจักรซีสกายได้ ทันทีที่ช่วงชิงดินแดนของมนุษย์มาได้ พวกมันก็จะมีเวลาให้พักผ่อนอีกรอบหนึ่ง พอในสงครามแห่งโชคชะตาครั้งหน้ามันก็จะมีพระผู้สร้างจำนวนมากลอยอยู่บนฟ้า แล้วพวกมันก็จะพาปีศาจคุ้มคลั่งจำนวนมหาศาลบุกไปยังอาณาจักรซีสกาย
ข้อมูลเหล่านี้ทำให้โรแลนด์รู้ว่าในช่วงเวลา 400 ปีที่ผ่านมา ความก้าวหน้าของอีกฝ่ายนั้นก็ไม่สามารถดูถูกได้เช่นเดียวกัน พวกมันเดินไปบนเส้นทางแห่งเทคโนโลยีที่แต่งต่างจากมนุษย์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะเป็นฝ่ายล้าหลัง
พลังเวทมนตร์นั้นเป็นพลังที่มีพลังแฝงอย่างมากชนิดหนึ่ง จากแผนการพระผู้สร้างจะสามารถเห็นได้ ไม่ว่าจะเป็นการฉีกแผ่นดิน การทำให้สิ่งก่อสร้างจำนวนนับไปถ้วนลอยขึ้นไปบนฟ้า หรือว่าการทำให้แผ่นดินยกขึ้นมา ปริมาณพลังเวทมนตร์ที่ต้องเปลี่ยนให้กลายเป็นพลังงานล้วนแต่เป็นตัวเลขที่น่าตกใจอย่างมาก ตอนนี้การทดลองของปีศาจเหมือนจะยังเป็นทฤษฎีเชิงประจักษ์อยู่ แต่การเปลี่ยนแปลงทางปริมาณมักจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางคุณภาพ ทันทีที่ประสบการณ์เหล่านี้กลายเป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นระบบ ความแข็งแกร่งของพวกมันก็จะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งในจุดนี้ก็เหมือนกับมนุษย์
เอาไว้สงครามจบสิ้นลงเมื่อไร เขาต้องรีบสร้างสถาบันศึกษาเวทมนตร์ขึ้นมาเสียแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพลังเวทมนตร์ แต่อย่างน้อยมันก็สามารถชักนำให้คนรุ่นหลังทำการศึกษาพลังชนิดนี้ได้
ซึ่งนี่คือแก่นของวิทยาศาสตร์
ขอเพียงสิ่งๆ นั้นมีอยู่ มันก็จะถูกสังเกตและทำการทดลองด้วยวิทยาศาสตร์ได้
“ถึงแม้จะไม่รู้ว่าท่านได้ข้อมูลมาอย่างไร แต่ฟังดูแล้วเหมือนมันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ” ทิลลีพูดเหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ “อย่างนั้น ท่านคิดวิธีที่จะจัดการกับพระผู้สร้างได้หรือยัง?”
“อันดับแรก เจ้าสิ่งนี้มันไม่กลัวปืนใหญ่ ตอนนี้กองทัพที่หนึ่งควรจะรักษากำลังของตัวเองเอาไว้เป็นสำคัญ อันดับต่อมา หลังจากนี้อัศวินอากาศจะเป็นหัวใจสำคัญในการรบ” โรแลนด์ค่อยๆ พูด “วิธีที่จะจัดการกับมันไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่มันจะสำเร็จหรือเปล่านั้น เราก็ยังไม่อาจรู้ได้”
เมื่อต้องเจอกับแผ่นดินลอยฟ้า ต่อให้ใช้แสงแห่งอาทิตย์ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลดีอย่างที่ดีคิดเอาไว้ ในจุดนี้เคยมีการยืนยันมาก่อนแล้วในประวัติศาสตร์ ในปฏิบัติการครอสโรดส์ ระเบิดพลูโตเนียมขนาด 23 กิโลตันสองลูกถูกจุดระเบิดกลางอากาศและในน้ำ โดยระเบิดที่ถูกจุดกลางอากาศไม่สามารถจมเรือขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปจากจุดศูนย์กลางของระเบิด 300 กว่าเมตรได้ ส่วนขอบเขตความเสียหายของระเบิดที่ถูกจุดขึ้นใต้น้ำก็ไม่ถึงหนึ่งพันเมตร ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ว่าในตอนที่ต้องเผชิญกับเป้าหมายขนาดใหญ่ อานุภาพของอาวุธนิวเคลียร์จะลดลงอย่างมาก
แถมพระผู้สร้างยังใหญ่กว่าเรืออย่างมากด้วย
มันก็เหมือนกับการเอาระเบิดต้นแบบที่เขามีอยู่ในตอนนี้ไประเบิดเทือกเขาสิ้นวิถี ถึงจะโยนลงไป 100 ลูก แต่ก็คงจะทำลายได้แค่เสี้ยวหนึ่งของเทือกเขาเท่านั้น
ถ้าหากระเบิดมีน้ำหนักมากพอ ปัญหาทุกอย่างก็จะสามารถแก้ไขได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์มีอยู่ในตอนนี้ น้ำหนักของระเบิดที่ผลิตได้มากที่สุดเกรงว่าจะอยู่ที่ 10 กิโลตันเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้นอกจากต้องใช้พลังของแสงแห่งอาทิตย์แล้ว เขายังต้องคิดแผนการขึ้นมาอีกแผนหนึ่งเพื่อใช้สำหรับการโจมตีครั้งนี้
หัวใจสำคัญของพระผู้สร้างนั้นอยู่ที่เสาโอเบลิสต้นนั้น จากสิ่งที่วัลคีรีย์บรรยายมา มันตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางเมือง เพื่อเป็นการสะดวกต่อการเก็บหมอกแดง พวกปีศาจชั้นต่ำจะล้อมรอบเสาโอเบลิสแล้วขุดหลุมลึกลงไป ซึ่งนี่คืองานที่พวกปีศาจที่ไม่มีพลังเวทมนตร์ต้องทำไปตลอดชีวิต หมอกแดงที่มีน้ำหนักมากกว่าอากาศจะค่อยๆ จมลงไปด้านล่าง แล้วรวมกันเป็นบ่อละอองชีวิต พอนานวันเขามันก็จะค่อยๆ สะสมจนกลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่
นี่ทำให้โรแลนด์นึกถึงภาพเมืองปีศาจที่เขาเคยเห็นในเศษเสี้ยวความทรงจำมา หอคอยจำนวนนับไม่ถ้วนถูกสร้างเรียงไปตามหน้าผา กลางหลุมคือหมอกแดงที่รวมตัวกันเป็นเหมือนผลึก หลังผ่านการสะสมมาเป็นเวลาพันปี ความลึกของทะเลสาบหมอกแดงเกรงว่าคงจะลึกจนน่าตกใจ แรงกดดันอันมหาศาลทำให้ความเข้มข้นของหมอกแดงที่อยู่ด้านล่างเพิ่มขึ้นจนทำให้ทำมันเปลี่ยนจากของเหลวกลายเป็นผลึก
เมืองที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นพระผู้สร้างก็เป็นเมืองเก่า ด้านล่างของเสาโอเบลิสเองก็มีทะเลสาบหมอกแดงอยู่ และตรงนั้นก็คือทางออกของปัญหาในครั้งนี้
‘ทฤษฎีละอองชีวิต’ ของวัลคีรีย์เองก็ช่วยพิสูจน์การทดลองและสมมติฐานของลิลลีที่ผ่านมาก ตัวตนที่้แท้จริงของหมอกแดงคือปรากฏการณ์หมอกที่เกิดขึ้นมากลุ่มสิ่งมีชีวิตเล็กๆ รวมตัวกัน ขนาดของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้มีขนาดเล็กมาก แล้วก็ยากที่จะสำรวจมันด้วยกล้องจุลทรรศน์ได้ ขณะเดียวกันมันยังมีพลังเวทมนตร์ แล้วก็สร้างการกัดกร่อนอย่างรุนแรงต่อสิ่งมีชีวิตเวทมนตร์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ปีศาจ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ลิลลีไม่สามารถใช้พลังในการควบคุมหมอกแดงได้เสียที
หมอกแดงมีลักษณะพิเศษของสิ่งมีชีวิตอยู่มากมาย อย่างเช่นกลัวไฟ เมื่ออยู่ภายใต้อุณหภูมิสูง มันจะสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว ในตอนที่อุณหภูมิสูงขึ้นถึงระดับหนึ่ง มันจะลุกติดไฟได้ นี่ไม่ได้ต่างอะไรจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่มีธาตุคาร์บอนเป็นธาตุพื้นฐาน การที่มันมีจุดติดไฟ 800 – 900 องศาเซลเซียสก็ถือว่าแปลกประหลาดอย่างมากแล้ว
มีเพียงสิ่งเดียวที่มันไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตอื่น นั่นคือมันมีขนาดเล็กมาก ด้วยเหตุนี้เวลาที่มันผสมเข้ากับอากาศ มันจะเกิดการระเบิดขึ้นมา ขวานเหล็กเคยทำการระเบิดหมอกแดงที่เมืองทัสก์ที่เป็นเมืองหลวงของวูล์ฟฮาร์ทมาแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือจุดไฟเผาท้องฟ้า
การเผาไหม้ของละอองชีวิตจะทำให้พลังงานลดลงอย่างรวดเร็ว แล้วก็เผาไหม้ออกซิเจนที่อยู่รอบๆ ไปจนหมด ด้วยเหตุนี้อุณหูมิตอนตั้งต้นจึงต้องสูงมากพอถึงจะได้ ตามหลักแล้วระเบิดเพลิงจำนวนมากก็ทำให้เกิดผลเช่นนี้ได้เหมือนกัน แต่การจะขนเอาระเบิดนาปาล์มจำนวนนับร้อยนับพันถังขึ้นไปบนพระผู้สร้าง เขาจำเป็นต้องมีหน่วยเครื่องบินทิ้งระเบิดถึงจะทำได้
ส่วนแสงแห่งอาทิตย์ไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่หรือเล็ก อุณหภูมิตรงใจกลางของมันก็จะไม่ถูกลดลง
ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวที่ต้องแก้ไขคือจะทำยังไงถึงจะฝ่าแนวป้องกันที่มีปีศาจและอสูรสยองจำนวนมากคอยเฝ้าอยู่ แล้วตรงเข้าไปด้านบนของเสาหินโอเบลิสเพื่อทิ้งระเบิดลงมา
“มีวิธีก็ดี” สีหน้าของทิลลีเหมือนจะเบาใจขึ้น “ไม่ว่าโอกาสสำเร็จมันจะมีมากน้อยเท่าไร ทุกคนก็จะช่วยทำให้มันกลายเป็นจริงให้ได้ เรื่องนี้ปล่อยให้พวกเราเป็นคนจัดการเองท่านพี่ เดี๋ยวข้าจะเอาข่าวดีนี้ไปแจ้งทางศูนย์บัญชาการ”
ความรู้สึกที่ได้รับความเชื่อใจอย่างเต็มที่อย่างนี้ทำให้โรแลนด์เกิดความรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา
เขาชะงักไปเล็กน้อย หลังสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เขาจึงหยิบเอาปากกาขนนกขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างลงไปบนกระดาษ “แล้วก็ ข้ามีของบางอย่างอยากจะให้เจ้าเอาไปให้เอดิธส์ เคนท์หน่อย”
หลังเขียนเสร็จเขาก็ไม่ได้เอาจดหมายใส่เข้าไปในซอง หากแต่ส่งไปให้ทิลลีดู
อีกฝ่ายกวาดตามอง ก่อนจะขมวดคิ้วขึ้นมา “นี่มัน…”
“ภาษาของปีศาจ” โรแลนด์ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
………………………………………….