Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1394 แสงดาวกลางเทือกเขา
“บ้าเอ้ย….นั่นมันคืออะไรเนี่ย?”
ไลต์นิ่งที่บินวนอยู่เหนือพระผู้สร้างมองเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นบนนั้นในทันที
“จิ๊บ….พวกมันขุดเอาเสาหินที่อยู่ในดินขึ้นมาเหรอ?” เมซี่หรี่ตามองอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะพูดออกมา
เมื่อมองลงไปจากทองฟ้า แผ่นหินสีดำพวกนั้นมันเหมือนกับเสาหินที่ตั้งขึ้นมาจริงๆ แต่การที่มันโผล่ขึ้นมาแค่ครึ่งออกจะดูแปลกไปเสียหน่อย แถมมันยังตั้งล้อมแผ่นดินลอยฟ้าเป็นวงกลมด้วย ดูแล้วเหมือนว่าตั้งขึ้นมาด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
ภายในใจไลต์นิ่งเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างรุนแรง
เธอกระตุ้นรูนสดับ “นี่คือทีมนักสำรวจ! เจอความเคลื่อนไหวผิดปกติบนแผ่นดินลอยฟ้า! ย้ำ เป้าหมายมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ!”
“ฟินิกส์รับทราบ!” ทิลลีรีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “ข้าเองก็สังเกตเห็นควันที่ลอยขึ้นมาเหมือนกัน ทำการจับตามองต่อไป ข้าจะแจ้งทางอัศวินอากาศให้เพิ่มการเฝ้าระวัง”
“นี่คือซีกัล” เสียงของแอนเดรียดังขึ้นมา “อธิบายให้ละเอียดหน่อยได้ไหมว่าเจ้าเห็นอะไร?”
“เอ่อ…” ไลต์นิ่งเรียบเรียงคำพูด “เสาสีดำพวกนั้นมันงอกขึ้นมาจากขอบของแผ่นดิน ดูแล้วคล้ายๆ กับหอคอยที่อยู่ในเมืองของปีศาจ ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ขนาดของมันค่อนข้างใหญ่….”
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ เธอก็ตกตะลึงไปทันที
เสาหินแท่งหนึ่งพลันส่องแสงสีน้ำเงินที่เจิดจ้าขึ้นมา และแสงนั้นก็เหมือนจะเปล่งออกมาจากด้านในและสะท้องผนังด้านนอกที่เป็นเหมือนผลึกของมันจนสว่างขึ้นมา จากนั้นอะไรบางอย่างก็พุ่งออกมาจากเสาหิวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะบินตรงขึ้นไปบนฟ้า!
“ข้างในเสาหินมันกลวงจิ๊บ!” เมซี่อุทานตกใจ
“หา? อะไรกลวง?” แอนเดรียยังคงไม่เข้าใจ
ไลต์นิ่งตะโกนเสียงดังขึ้นมา “ฝูงบิน รีบถอย!”
เจ้าของสิ่งนั้นพุ่งผ่านหน้าทั้งสองคนไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งเป็นเส้นโค้งตกลงไปตรงพื้นที่สู้รบของทั้งสองฝั่ง ครั้งนี้เธอมองเห็นได้อย่างชัดเจน เจ้าสิ่งที่ถูกยิงออกมามันเป็นเสาหินเหมือนกัน ลักษณะของมันเหมือนกับ ‘เข็มหิน’ ที่อสูรยักษ์แมงมุมยิงออกมาไม่มีผิด เพียงแต่มีขนาดที่ใหญ่กว่าหลายเท่า! ขณะเดียวกันรอบๆ มันยังมีคลื่นพลังเวทมนตร์ปกคลุมเอาไว้อย่างชัดเจน ตอนที่บินด้วยความเร็วสูงมันส่องแสงวูบวาบออกมาเหมือนกับแสงที่สะท้อนอยู่บนผิวที่ถูกลมพัด
เมื่อเจอกับการโจมตีที่มาอย่างกะทันหันแบบนี้ ทั้งอัศวินอากาศและอสูรสยองต่างพากันแตกตื่นทันที ทั้งสองฝ่ายต่างพากันหันหัวพุ่งลงไปด้านล่าง โดยหวังว่าจะหลบเจ้าสิ่งที่โจมตีมาให้ได้เร็วที่สุด
แต่บนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเฮฟเว่นเฟลมหรือว่าอสูรสยองก็ล้วนแต่เป็นเพียงจุดเล็กๆ ที่อยู่บนท้องฟ้าเท่านั้น ระยะห่าง 10 กว่ากิโลเมตรเองก็ทำให้เวลาบินของเสาหินนั้นนานขึ้น ในตอนที่เสาหินบินผ่านพื้นที่สู้รบไป มันกระแทกถูกอสูรสยองที่ได้รับบาดเจ็บและความเร็วในการบินช้าลงจนเละเพียงแค่ตัวเดียว ก่อนจะพุ่งตรงลงไปที่พื้นด้านล่าง
แค่นี้เหรอ? ไลต์นิ่งงุนงง
ยิงเสาหินขนาดใหญ่จากระยะที่ไกลขนาดนี้ แถมยังไม่ระเบิดออกแล้วก็ไม่แตกกลายเป็นฝนเข็มหิน หรือศัตรูคิดจะใช้การโจมตีแบบนี้ยิ่งเฮฟเว่นเฟลมทั้งหมดให้ร่วงลงไป? นี่มันจะต่างอะไรกับการใช้ท่อนไม้ไปตียุง?
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะโล่งใจ เมซี่ที่อยู่บนหัวพลันใช้กรงเล็บดึงหัวของเธอให้หันไปทางที่เสาหินตกลงไป
“ดูนั่นจิ๊บ!”
ในตอนที่สายตาของไลต์นิ่งไปบรรจบกับแท่นที่ปลอมเป็นแนวยิงปืนใหญ่ เธอพลันเข้าใจทันที
เป้าหมายของปีศาจคือแนวยิงปืนใหญ่ตั้งแต่แรกแล้ว!
เสาหินพุ่งตกลงไปด้านล่าง ก่อนจะระเบิดแสงสีน้ำเงินที่สว่างจ้าออกมา แค่มันกระแทกลงไปก็ทำให้บนภูเขามีหมอกหิมะฟุ้งขึ้นสูงหลายเมตร เสียงกระแทกทึบๆ ที่ดังขึ้นมาไม่ได้ด้อยไปกว่าเสียงปืนใหญ่เลย เนื่องจากขนาดที่ใหญ่โต เสาหินจึงไม่ได้หยุดลงทันทีที่ตกลงไป หากแต่กลิ้งกระเด็นออกไปไกลเกือบร้อยเมตร บดขยี้สิ่งที่ขวางหน้ามันจนกลายเป็นชิ้นๆ
ทันใดนั้นเอง พื้นที่ตรงนั้นพลันดูวุ่นวายขึ้นมา
ไลต์นิ่งสูดหายใจ
ถ้าตรงนั้นเป็นแนวโจมตีจริงๆ จะทำยังไงเนี่ย?
“ไลต์นิ่ง รีบตอบมา ด้านล่างเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” แอนเดรียรีบถามอย่างร้อนใจ “หรือว่าองค์หญิงทรงมีอันตราย?”
“ไม่ ฝูงบินยังคงปลอดภัยดี แต่ตอนนี้เจ้าอย่าไปรบกวนพระองค์จะดีกว่า” ไลต์นิ่งมองไปทางแนวรบบนอากาศ หลังเสาหินบินผ่านไป ทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะกันอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้นั้นยังไม่จบลง จากนั้นก็เธอก็เลื่อนสายตากลับไปยังแนวรบปลอมอีกครั้ง จากนั้นจึงพูดเสียงคร่ำเคร่งขึ้นมาว่า “ทีมที่อยู่ด้านล่างนี่สิ…ข้าเกรงว่าอีกเดี๋ยวพวกเขาคงจะต้องเจอปัญหาหนักแล้ว!”
นั่นไม่ใช่เสาหินธรรมดา
ท่ามกลางหมอกที่ฟุ้งกระจาย แสงสีน้ำเงินค่อยๆ มืดลง จดสุดท้ายก็หายไป ในขณะเดียวกันนั้นเอง ผิวที่อยู่บนเสาหินก็ค่อยๆ หลุดร่อนออก ก่อนจะเผยให้เห็นโครงสร้างที่เป็นเหมือนก้อนเนื้อที่อยู่ข้างใน
เธอเหมือนจะมองเห็นอะไรบางอย่างคลานออกมาจากด้านใน
“เจ้ามองเห็นไหม?” ไลนต์นิ่งตีเมซี่ที่อยู่บนหัว
เมซี่เชิดหน้าขึ้นมา ก่อนจะหรี่ตามองไปบนพื้นอยู่ครู่ใหญ่ “อื้อ…นั้นมันปีศาจแมงมุมจิ๊บ! ปีศาจแมงมุมขนาดเล็กจิ๊บ!”
….
แคทคลอว์กับโพเมโล่เองก็เห็นเหตุการณ์ที่แนวรบปลอมถูกทำลาย ถึงแม้มุมมองพวกเขาจะมีจำกัด อีกทั้งยังมองไม่ชัดว่าสิ่งที่ตกลงมาจากฟ้ามันคืออะไร แต่หิมะที่ฟุ้งกระจายขึ้นมาบนยอกเขากับเสียงที่ยังคงดังสะท้อนต่างแสดงให้เห็นว่าตอนนี้ระยะห่าง 18 กิโลเมตรจากแผ่นดินลอยฟ้านั้นไม่ใช่ระยะที่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว ปีศาจสามารถยิงถูกแนวรบหลอกได้ อย่างนั้นพวกมันก็ยิงถูกเขาได้เช่นเดียวกัน
“หัวหน้า ศัตรูเข้ามาในระยะยิงแล้ว!” เสียงเตือนของทหารสังเกตการณ์อีกคนดังขึ้นมา “แผ่นดินลอยฟ้าไม่มีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนทิศทาง ปืนใหญ่สามกระบอกสามารถยิงได้ทันที!”
แคทคลอว์กัดริมฝีปากพร้อมกับสบตากับโพเมโล่
ถ้าเลือกที่จะเปิดฉากยิงตอนนี้ นั่นเท่ากับพวกเขาต้องเสี่ยงอย่างมาก แต่ถ้าเลือกที่จะถอย การออกไปสู้อย่างกล้าหาญของอัศวินอากาศและแผ่นการที่กองบัญชาการวางเอาไว้ก็จะไร้ความหมาย
“บางครั้ง มันไม่มีความจำเป็นที่เราจะไปคิดว่าทำแล้วจะมีประโยชน์อะไร” โพเมโล่ค่อยๆ พยักหน้า
ความกลัวมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
ความล้มเหลวเองก็เช่นกัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะทหารให้เรียบร้อย
และหน้าที่ของพวกเขาก็คือ…ยิงปืนใหญ่
แคทคลอว์สูดหายใจ ก่อนจะมุดตัวออกไปนอกป้อม พร้อมกับเป่าแตรให้สัญญาณ!
“ทุกคนเข้าประจำที่ ยิงใส่ศัตรูก่อนที่มันจะรู้ตัว! เร็วๆๆๆ รีบวิ่งเร็วเข้า ทำให้อัศวินอากาศพวกนั้นเห็นหน่อยว่าใครกันแน่ที่เป็นไพ่ตายที่แท้จริง!”
ในแนวรบที่ไม่มีคนพลันมีคนจำนวนมากแห่ออกมา ผ้าพรางตาสีขาวถูกดึงออก เผยให้เห็นกระบอกปืนใหญ่ที่มีมันวาวอยู่ด้านล่าง รูปร่างของมันไม่เหมือนกับปืนใหญ่ปลอมที่ทำขึ้นมาจากไม้ ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน อาวุธสงครามที่ทำขึ้นมาจากเหล็กกล้าเหล่านี้ก็ล้วนแต่มีความรู้สึกน่าเกรงขามอยู่ตลอดเวลา
ทุกคนต่างบรรจุกระสุนเรียบร้อยโดยไม่ต้องให้แคทคลอว์เร่งแต่อย่างไร ขั้นตอนทุกอย่างเป็นไปอย่างลื่นไหล เรียกได้ว่าแตกต่างกับตอนที่เจอกองทัพอัศวินลองซองเมื่อหลายปีก่อนอย่างสิ้นเชิง
ถูกต้อง ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่เติบโต
กองทัพนี้เป็นก็กลายเป็นพลังที่สามารถควบคุมชะตาชีวิตมนุษย์ได้เหมือนกัน
“รายงาน ปืนใหญ่หมายเลขหนึ่ง หมายเลขสอง หมายเลขสามพร้อมยิงแล้ว!”
แคทคลอว์มองไปทางแผ่นดินลอยฟ้าที่เคลื่อนที่เข้ามาเหมือนดั่งภูเขาพร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“ยิงได้!”
เสียงยิงดังสนั่นไปทั่วทั้งภูเขา
เปลวไฟที่พ่นออกมาจากปากกระบอกปืนใหญ่กลายเป็นแสงดาวที่เจิดจ้าบนเทือกเขา!
……………………………………………………………..