Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1408 คนที่ไม่เหมือนกัน
ในเวลาเดียวกัน โรแลนด์ยืนอยู่ช้้นบนของปราสาท สายตามองดูฝูงบินค่อยๆ บินห่างออกไป
“แบบนี้มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอเพคะ?” ไนติงเกลพพูดอย่างกังวล “เครื่องบินรุ่นใหม่เพิ่งจะส่งมาถึงนี่ได้วันเดียว พวกเขายังไม่มีโอกาสแม้กระทั่งฝึกซ้อมทิ้งระเบิดเลยนะเพคะ”
หลังติดตามโรแลนด์มานาน เธอก็พอจะเข้าใจกระบวนการทำศึกของกองทัพที่หนึ่งอยู่บ้าง ทุกครั้งที่มีแผนการใหม่ออกมา การทดสอบโจมตีนั้นคือสิ่งที่ไม่อาจขาดได้ อันดับแรกคือทางทีมที่ปรึกษาจะทำการอนุมานแผนการบนกระดาษซ้ำไปซ้ำมาเพื่อให้แน่ใจว่าแผนการนั้นสามารถใช้งานได้จริง ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการฝึกซ้อม ถึงแม้ปฏิบัติการครั้งนี้จะเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับแสงแห่งอาทิตย์ แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็เป็นการออกไปทำศึกตามลำพังเหมือนกัน คนที่เข้าร่วมการทดสอบนั้นจริงๆ แล้วควรจะทำการฝึกซ้อมโยนระเบิดให้ชำนาญก่อนที่จะออกไปปฏิบัติจริง
“ถูกต้อง แต่เวลามันไม่คอยท่าน่ะสิ” โรแลนด์พยักหน้า “จากรายงานที่ได้รับมาในตอนนี้ เฮคซอดไม่ได้ปรากฏตัวในศึกโจมตีที่เทือกเขาสิ้นวิถี…พูดอีกอย่างก็คือจดหมายฉบับนั้นใช้ได้ผล ปัญหาก็คือสกายลอร์ดนั้นมีนิสัยขี้ระแวงสงสัย ไม่มีใครรู้ว่าจดหมายฉบับนั้นจะทำให้มันออกไปจากสนามรบได้นานเท่าไร ดังนั้นการโจมตีทางอากาศครั้งนี้จึงยิ่งเร็วยิ่งดี”
เมื่อมองดูดีๆ แล้ว การโจมตีครั้งนี้ก็ถือเป็นการโจมตีเพื่อหยั่งเชิงเหมือนการโจมตีครั้งที่แล้ว — ศัตรูจะตอบโต้การลอบจอมตีทางอากาศอย่างไร? พระผู้สร้างมีการป้องกันการโจมตีทางอากาศไหม? นี่เป็นคำถามที่ต้องรีบหาคำตอบก่อนที่ศึกตัดสินจะเริ่มขึ้น
“อย่างนั้น…ไม่ฝึกซ้อมมันจะไม่เป็นปัญหาจริงๆ เหรอเพคะ?”
“วางใจได้” โรแลนด์ยิ้มๆ “ทิลลีคิดแผนรับมือเอาไว้แล้ว”
การทิ้งระเบิดนั้นเป็นงานทางเทคนิคที่ต้องอาศัยการประสานงานกันระหว่างคนและอุปกรณ์บนเครื่องบิน หากไม่มีเวลาฝึกซ้อมซักครึ่งเดือนก็คงไม่มีทางแสดงประสิทธิภาพของระเบิดออกมาได้อย่างเต็มที่ ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อที่จะแข่งกันเวลา ฟิวรี่เฟลมล็อทแรกที่ส่งมาจึงไม่ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์ในการเล็งเพื่อทิ้งระเบิดเอาไว้ ต่อให้อยากจะฝึกซ้อมก็คงทำไม่ได้
ส่วนแผนการที่ทิลลีคิดออกมาก็คือให้ซิลเวียเป็นศูนย์กลางในการบัญชาการ — ขอเพียงรู้ความเร็วและความสูงของเครื่องบิน อย่างนั้นจุดสำหรับระเบิดก็สามารถใช้วิธีคำนวณออกมาได้ ด้วยเหตุการณ์กระบวนการทิ้งระเบิดจึงกลายเป็นเรื่องที่ง่ายอย่างมาก นักบินแทบจะไม่ต้องสำรวจดูพื้นดินด้านล่างเลย พวกเขาแค่รอฟังคำสั่งให้ทิ้งระเบิด จากนั้นดึงคันปลดล็อกก็พอ
แนวคิดนี้ค่อนข้างคล้ายกับเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนภัยทางอากาศ การค้นหาศัตรู ระบุตำแหน่งและไล่ตามล้วนแต่กระทำโดยบุคคลที่สาม ในตอนที่ข้อมูลการยิงถูกส่งมาที่เครื่องบินขับไล่ เครื่องบินขับไล่ถึงจะเปิดระบบเรดาร์ควบคุมการยิงเพื่อทำการโจมตีสุดท้าย
และซีกัลก็คือเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนภัยทางอากาศที่จะควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดลำนั้น
“อย่างนี้นี่เอง” หลังฟังโรแลนด์อธิบายจบ ไนติงเกลก็ทำหน้าเหมือนเข้าใจออกมา “สมแล้วที่เป็นองค์หญิงทิลลี….”
“โอ้?” โรแลนด์เลิกคิ้ว “ข้านึกว่าเจ้าจะทอดถอนใจออกมา แล้วบอกว่าตัวเองนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเสียอีก”
“หึหึ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็อาจจะใช่เพคะ” เธอกรอกตาใส่ “แต่อันนาอยู่ตรงนั้นทั้งคน ต่อให้เป็นคนที่รู้เรื่องเยอะแค่ไหนก็คงจะรู้สึกว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหมือนกันแหละเพคะ หม่อมฉันชินแล้วล่ะเพคะ”
โรแลนด์พูดไม่ออกไปทันที นี่ไม่ใช่เรื่องที่มีเกียรติอะไรเลย ทำไมเธอถึงได้พูดออกมาตรงๆ แบบนี้ แต่ว่าอีกฝ่ายสามารถพูดถึงเรื่องในอดีตได้อย่างสบายๆ นี่ก็ทำให้เขารู้สึกค่อนข้างแปลกใจเหมือนกัน
“นอกจากนี้หลายปีมานี้หม่อมฉันยังเข้าใจเรื่องๆ หนึ่งด้วยเพคะ…” ไนติงเกลยักไหล่
“เรื่องอะไร?”
“เห็นไหมเพคะ พระองค์เองก็ไม่ใช่ว่าจะทรงรู้ไปทุกเรื่อง?” เธอมองไปทางพระอาทิตย์ยามเช้าที่อ่อนโยน ผมหน้าม้าตรงหน้าผากส่องประกายสีทอง “แต่ในเมื่อพระองค์ทรงถามมา อย่างนั้นหม่อมฉันจะบอกให้ก็ได้เพคะ — นั่นก็คือทุกคนต่างก็มีข้อดีของตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องไปหลับหูหลับตาเลียนแบบคนอื่น ซื่อสัตย์ต่อตัวเองคือสิ่งที่สำคัญที่สุด หรือว่าพระองค์…ทรงชอบแต่คนที่รู้เยอะล่ะเพคะ?”
“…..” โรแลนด์พูดไม่ออกไปทันที
ซึ่งคำตอบนี้ไม่จำเป็นต้องตอบออกมา
เมื่อดูจากสีหน้าของอีกฝ่าย เขารู้ว่าเธอเข้าใจในเรื่องนี้ดี
“แค่นี้แหละเพคะ เช่นนั้นอย่าลืมเอาเครื่องดื่มยุ่งเหยิงไปใส่เอาไว้ในตู้ให้เยอะหน่อยนะเพคะ” ไนติงเกลโบกนิ้วมือ ก่อนจะหมุนตัวเดินลงไปด้านล่างปราสาท “เอาไว้ทุกคนกลับมาพร้อมชัยชนะ หม่อมฉันจะลากพวกนางมาฉลองให้เต็มที่เพคะ”
โรแลนด์มองดูแผ่นหลังของอีกฝ่ายเดินจากไป ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงรู้สึกตัวขึ้นมา ที่นี่ไม่ใช่เมืองเนเวอร์วินเทอร์ แล้วเขาจะเอาเครื่องดื่มยุ่งเหยิงไปยัดไว้ที่ไหน…ยิ่งไปกว่านั้นที่เธอบอกว่า ‘ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง’ พูดอีกอย่างมันก็คือข้ออ้างให้หาความสุขให้ตัวเองไม่ใช่เหรอ!
เขาส่ายหัวพร้อมหัวเราะแห้งๆ ออกมา ก่อนจะก้าวเท้าเดินตามไป
…..
“นี่คือซีกัล องค์หญิง พระองค์ทรงเข้าไปในเขตเฝ้าระวังของป้อมปราการลอยฟ้าแล้วเพคะ” ตอนเช้า 8. 35 น. ซิลเวียส่งคำเตือนแรกผ่านทางรูนสดับ “อย่างมากอีก 15 นาที ฝูงบินก็จะบินผ่านเส้นโจมตีของเสาหินแล้วเพคะ”
“รับทราบ” ทิลลียิ้มอย่างเยือกเย็น “ข้ามองเห็นพวกมันแล้ว”
เธอไม่ได้คิดที่จะปิดบังพวกปีศาจแต่แรกแล้ว บนพระผู้สร้างจะต้องมีปีศาจดวงตาเฝ้าระวังอยู่อย่างแน่นอน — ในตอนที่ซิลเวียมองเห็นพวกมัน พวกมันก๋จะมองเห็นซิลเวียทันที ถ้าซีกัลเป็นฝ่ายเผยตัวก่อน แบบนั้นกลับจะไม่เป็นผลดีต่อแผนการ ด้วยเหตุนี้สู้บุกเข้าไปตรงๆ เพื่อดึงเอาความความสนใจส่วนใหญ่ของศัตรูมาอยู่ที่ฝูงบินดีกว่า
ในวินาทีที่ซิลเวียแจ้งเตือน ศัตรูก็ได้ทำการตอบโต้ออกมา
จุดสีดำจำนวนมากได้ลอยขึ้นมาจากกึ่งกลางของแผ่นดิน ก่อนจะรวมกลุ่มบินมาทางอาณาจักรดอว์น
หึ การเฝ้าระวังดีมากเลยนี่ ทิลลีเปิดสถานีวิทยุไร้สายด้วยสีหน้าราบเรียบ ก่อนจะหมุนช่องความถี่ไปยังช่องความถี่รวม “ระวัง ปีศาจมันปรากฏตัวแล้ว เตรียมตัวรับศึก! กลุ่มหนึ่ง กลุ่มสอง พวกเจ้าทำตามแผนที่วางไว้!”
“รับทราบ” กู๊ดกับแมนเฟลตอบพร้อมกัน
รูปแบบขบวนทัพของอัศวินอากาศนั้นเรียบง่ายอย่างมาก เครื่องบินปีกสองชั้น 50 ลำถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ทีมที่รับหน้าที่ทิ้งระเบิดจะบินอยู่ด้านบนชั้นเมฆ เพื่อพยายามลดเวลาที่ปีศาจจะสังเกตเห็นให้ได้มากที่สุด ส่วนเฮฟเว่นเฟลมอีก 35 ลำจะรับหน้าที่ทำลายแนวป้องกันของปีศาจ
ไม่นานเครื่องบินขับไล่ก็เข้าไปในระยะ 10 กิโลเมตรจากแผ่นดินลอยฟ้า ในระยะนี้สามารถใช้ตาเปล่ามองเห็นหินสีดำที่เป็นเหมือนเกล็ดปลาและเมืองที่อยู่ตรงกลางบนแผ่นดินลอยฟ้าได้ ส่วนเสาหินที่อยู่รอบๆ แผ่นดินลอยฟ้านั้นยังไม่ยกขึ้นมา เหมือนกับว่ามองไม่เห็นพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น
เจ้าสิ่งนั้นมันไม่ได้ใช้สำหรับโจมตีอัศวินอากาศจริงๆ ด้วย
“นี่คือฟินิกส์ พบราชาปีศาจที่บุกโจมตีทีมภาคพื้นดินเมื่อครั้งที่แล้วไหม?” ทิลลีถาม
“….” ซิลเวียค้นหาอยู่ครู่หนึ่ง “ตอนนี้ยังไม่พบ”
ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างมนุษย์ ทิลลีหันหน้ากลับไปเหลือบมองดูพระอาทิตย์ที่กำลังค่อยๆ ขึ้นมาทางด้านหลัง แสงที่เจิดจ้านั้นช่วยบดบังทิศทางการโจมตีของอัศวินอากาศได้พอดิบพอดี
“อากาศดีมาก ช่างเป็นวันที่เหมาะสำหรับนอนหลับยาวจริงๆ เลย”
เธอเหยียบคันเร่ง เครื่องยนต์คำรามเสียงดังก่อนเครื่องของเธอจะพุ่งเข้าไปหาศัตรูเป็นคนแรก —
…..
“องค์หญิงทิลลีทรงเข้าไปปะทะกับศัตรูแล้ว” ซิลเวียรายงานด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง เมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ อัศวินอากาศกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบในเรื่องจำนวน เพื่อว่าครั้งนี้เป็นพวกเขาเป็นฝ่ายบุกเข้ามาโจมตีรังของปีศาจ การเคลื่อนไหวของอสูรสยองจึงเร็วกว่าครั้งที่แล้วมาก “จำนวนของศัตรูยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป…พวกเขาต้องถูกล้อมแน่”
เวนดี้เหมือนจะมองเห็นถึงความกังวลใจของเธอ “สบายใจได้ ถึงแม้ปีศาจมันจะมีจำนวนเยอะกว่า แต่อัศวินอากาศไม่จำเป็นต้องโจมตีพวกมันให้ร่วงทุกตัว ขอเพียงยื้อเวลาเอาไว้สิบกว่านาทีก็พอ ในเรื่องความเร็ว อสูรสยองพวกนั้นมันสู้เฮฟเว่นเฟลมไม่ได้หรอก เจ้าเอาสมาธิไปอยู่ที่เป้าหมายหลักดีกว่า”
ถูกต้อง…รีบโยนระเบิดให้เสร็จแล้วรีบถอยดีกว่า ห่วงหน้าพะวงหลังไปมีแต่จะทำให้ตัวเองพลาดเปล่าๆ ซิลเวียกัดริมฝีปาก ก่อนจะเพ่งสมาธิไปยังกึ่งกลางแผ่นดินลอยฟ้า
หลังบินผ่านหมอกแดงมา เสาหินโอเบลิสขนาดใหญ่มหึมาเสาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ
ถึงแม้จะมองลงมาจากบนฟ้าในระยะไกล แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงความใหญ่โตของมัน ระดับความสูงหลายร้อยเมตรทำให้มันเป็นเหมือนเสาค้ำฟ้าที่ตั้งอยู่ในหลุมลึก สิ่งก่อสร้างใดๆ ของมนุษย์ล้วนแต่ดูเล็กไปทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน
……………………………………………………….