Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1409 ระเบิด (1)
นั่นคือเป้าหมายของภารกิจครั้งนี้ ซิลเวียรู้ได้ทันที
ภาพที่อยู่ตรงกลางแผ่นดินลอยฟ้านั้นตรงกับข้อมูลที่ฝ่าบาทโรแลนด์ทรงให้ม้า เมืองของปีศาจสร้างขึ้นล้อมรอบเสาโอเบลิสเอาไว้ ส่วนตัวเสากับเมืองก็มีหลุมลึกที่เหมือนกับคูเมืองกั้นเอาไว้อยู่ ปีศาจชั้นต่ำจำนวนนับไม่ถ้วนเกาะติดอยู่บนผนังในหลุมลึกเหมือนกันหนอนปรสิตที่เกาะอยู่บนเปลือกของต้นไม้ แต่เมื่อดูอย่างละเอียดแล้ว พวกมันกำลังขุดผนังหน้าผาอยู่เพื่อทำให้หลุมขยายกว้างมากขึ้น
หมอกแดงรวมตัวอยู่ในหลุมลึกนี้จนกลายเป็นทะเลสาบสีแดง ส่วนหอคอยที่อยู่ใกล้ผนังของหลุมก็จะทยอยตกลงไปในทะเลสาบและกลายเป็นส่วนหนึ่งของหลุมยักษ์
ว่ากันว่าเสาหินโอเบลิสไม่ได้ใหญ่โตขนาดนี้ตั้งแต่แรก มันงอกออกมาจากดินเหมือนกับสิ่งมีชีวิต ก่อนจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหลุมที่รองรับหมอกแดงเองก็จะขยายออกไปเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถคาดคะเนอายุของเมืองปีศาจได้จากสองสิ่งนี้
เมืองแห่งนี้นั้นเก่าแก่จนน่าตกใจ
เมื่อเทียบกันแล้ว เครื่องบินปีกสองชั้นนั้นเรียกได้ว่าเล็กน้อยไม่มีค่าให้พูดถึงเลย อย่าว่าแต่ระเบิดที่พกมาด้วยด้วยเลย ต่อให้เครื่องบินพุ่งลงไปทั้งลำก็ยากที่จะทำให้ทะเลสาบหมอกแดงลุกไหม้ขึ้นมาได้
ทันใดนั้น ซิลเวียก็ส่งเสียง ‘เอ๋’ ออกมาเบาๆ
“ทำไมเหรอ?” เวนดี้ที่เป็นคนละเอียดถามขึ้นมาทันที
“เจอปีศาจ…แปลกๆ ตัวนึง”
เธอสังเกตเห็นปีศาจตัวหนึ่งปรากฏตัวอยู่บนยอดเสาโอเบลิส — ตามธรรมเนียมของพวกปีศาจที่บูชาท้องฟ้าแล้ว ปีศาจที่สามารถขึ้นไปยืนบนเสาหินได้จะต้องไม่ธรรมดาแน่ และเมื่อดูจากรูปร่างของอีกฝ่ายแล้วก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ปีศาจธรรมดา มันสวมผ้าใบขนาดใหญ่ที่สามารถคลุมคนได้ 3 – 4 คน บนผ้าใบนั้นมีเครื่องประดับติดอยู่เต็มไปหมด เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ ก็จะเห็นว่ามันมีตั้งแต่กระดูก มีดดาบ ไปจนถึงเกราะโลหะ นอกจากนี้เธอยังมองเห็นสกรูอยู่อีก 3 – 4 อันด้วย
ศีรษะของศัตรูเองก็มีความพิเศษอย่างมาก มันมีรูปร่างเหมือนกับเสา บนนั้นมีหน้ากากติดอยู่หลายอัน ดูแล้วทำให้เธอเกิดความรู้สึกขนลุกอย่างน่าประหลาด
“คลื่นพลังเวทมนตร์ของมันรุนแรงไหม?”
“ไม่…ไม่รุนแรง” นี่เป็นจุดที่ทำให้ซิลเวียงุนงงมากที่สุด เมื่อดูจากภายนอกแล้ว อย่างน้อยๆ มันก็เป็นปีศาจระดับสูง แต่หลังจากปรากฏกายขึ้นมา มันก็ไม่ได้มีความพยายามที่จะรวบรวมพลังเวทมนตร์เพื่อแสดงความสามารถออกมาเลย สิ่งเดียวที่มันทำก็คือเพ่งบอกดูอัศวินอากาศที่กำลังต่อสู้กับอสูรสยองอยู่ ดูแล้วไม่ได้มีความคิดที่จะเข้าไปร่วมต่อสู้ด้วยแม้แต่น้อย
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ทำอะไร ซิลเวียก็ไม่ได้ไปสนใจอะไรนัก ตอนนี้ฟิวรีออกเฮฟเว่นที่รับหน้าที่ทิ้งระเบิดสองลำได้เข้าไปใกล้ชายขอบของเมืองปีศาจแล้ว เธอจำเป็นต้องรวบรวมสมาธิถึงจะสามารถวิเคราะห์ตำแหน่งโยนระเบิดที่เหมาะสมออกมาได้
หลังจากนั้นสองนาที เธอก็ออกคำสั่งทิ้งระเบิดผ่านทางวิทยุ
“ทีมที่หนึ่ง ทิ้งระเบิดได้”
“กู๊ดรับทราบ”
ถึงแม้ท้องฟ้าจะแจ่มใส แต่ชั้นเมฆที่ลอยอยู่บนเทือกเขาสิ้นวิถีนั้นลอนไม่ค่อยสูงนัก บวกกับระดับความสูงของตัวป้อมปรากการลอยฟ้า ทำให้ศัตรูไม่ทันสังเกตเห็นฟิวรี่ออฟเฮฟเว่นที่บินเข้ามา
เครื่องบินปีกสองชั้น 5 ลำเรียงเป็นแถมหน้ากระดาน ก่อนจะปล่อยระเบิดน้ำหนัก 150 กิโลกรัมที่ติดอยู่ใต้ท้องเครื่องบินออกไป
วินาทีที่ระเบิดที่หนักอึ้งหลุดออกไปจากตัวเครื่อง กู๊ดพลันรู้สึกได้ว่าตัวเครื่องบินนั้นยกลอยขึ้นไปด้านบนเหมือนกับว่าตัวเครื่องนั้นเบาขึ้นมาหน่อย
สิ่งที่น่าเสียดายคือเขาไม่สามารถมองเห็นผลงานด้วยตาตัวเองได้
แต่ซิลเวียกลับเห็นมันอย่างชัดเจน
เนื่องจากจุดศูนย์ถ่วงนั้นอยู่ด้านหน้า ระเบิดทั้ง 5 ลูกจึงพุ่งลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว ด้วยแรงเฉื่อยที่ได้มาจากเครื่องบิน ทำให้มันลอยเป็นเส้นโค้งตกไปศูนย์กลางของเมืองปีศาจ ในตอนที่พุ่งมาถึงระยะ 500 สุดท้าย พวกมันก็แถมจะพุ่งลงมาตั้งฉากกับพื้นแล้ว
ส่วนปีศาจเองก็สังเกตเห็น ‘แขกที่ไม่ได้รับเชิญ’ จากท้องฟ้าเหล่านี้
อสูรสยองอีกฝูงหนึ่งบินขึ้นมาจากในเมือง ก่อนจะพุ่งขึ้นไปหาชั้นเมฆ — แต่เมื่อเทียบกับความเร็วของระเบิดที่ตกลงมาแล้ว การเคลื่อนไหวของพวกมันถือว่าค่อนข้างช้าอย่างมาก
เงาดำห้าสายทยอยตกลงไปในเมือง ระเบิดกลายเป็นดอกไม้เพลิงขนาดใหญ่ทันทีที่สัมผัสกับพื้น ฝุ่นควันและเศษหินฟุ้งกระจายสูงขึ้นไปหลายสิบเมตร ความรุนแรงของมันเหนือกว่ากระสุนระเบิดขนาด 152 มม. มาก! จึงแม้จะไม่ได้ยินเสียง แต่ซิลเวียก็สามารถรับรู้ได้ถึงความตกตะลึงสังเกตเห็นลมระเบิดที่รุนแรงและเศษเห็นที่ปลิวกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทุกทาง
ขณะเดียวกันภายใต้แรงดันของคลื่นอากาศอันร้อนแรง ภายในหมอกแดงได้เกิด ‘รู’ ขึ้นมา 3 – 4 รูปอย่างชัดเจน ดูแล้วเหมือนกับฟองอากาศที่อยู่ในเนื้อขนมปัง
เมื่อมองลงมาจากที่สูง เสาควันสีดำที่ค่อยๆ กระจายตัวออกดูตัดกับหมอกสีแดงอย่างชัดเจน —- บางทีในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อน เมืองแห่งนี้อาจจะไม่ค่อยถูกศัตรูบุกโจมตี ทว่านับตั้งแต่ที่มันลอยข้ามเทือกเขาสิ้นวิถีมาจนถึงตอนนี้เพิ่งผ่านไปได้แค่ครึ่งเดือน พื้นที่ใจกลางของมันก็ถูกมนุษย์มาเยี่ยมเยือนถึงสองครั้งแล้ว
แต่หัวใจของซิลเวียกลับหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ถึงแม้จุดตกของระเบิดจะกระจายตัวกันค่อนข้างห่างเนื่องจากได้รับอิทธิพลของลม แต่ถึงอย่างไรมันก็ตกลงในเมือง เมื่อเทียบกับปืนใหญ่แล้วถือว่ามีความแม่นยำกว่ามาก เพียงแต่ระเบิดที่ยิงถูกทะเลสาบหมอกแดงนั้นมีเพียงแค่สองลูกเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองลูกยังระเบิดกลางอากาศโดยไม่ได้สัมผัสถูก ‘ผิวทะเลสาบ’ อีกด้วย
พริบตาที่ลูกบอลเพลิงสว่างวาบขึ้นมา เธอก็มองเห็นคลื่นแสงสีน้ำเงินกระเพื่อมเป็นวงกระจายออกมา — ดูแล้วเหมือนกับบาเรียที่อยู่นตัวปีศาจระดับสูงไม่มีผิด!
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” แวนดี้สัมผัสได้ถึงสีหน้าที่ผิดปกติของเธอ
“รอบๆ เสาโอเบลิส…มีบาเรียเวทมนตร์ป้องกันอยู่” ซิลเวียพูดงึมงำเสียงเบาๆ ขึ้นมา “ระเบิดไม่ได้ผล…”
“เฮ้ๆ” ซาวีหันหน้ามาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าจะบอกว่าปีศาจมันสร้างบาเรียได้ใหญ่เท่ากับเมืองอย่างนั้นเหรอ? มันจะเป็นไปได้ยังไง?”
เธอย่อมต้องรู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าเหลือเชื่อ ผลของความสามารถมักจะเชื่อมโยงกับปริมาณพลังเวทมนตร์ ถ้าจะทำให้ขอบเขตการแสดงผลของเวทมนตร์ใหญ่ขนาดนี้ ต่อให้เอาแม่มดทั้งหมดมารวมกันก็ไม่มีทางทำได้ แต่เรื่องจริงมันวางให้เห็นอยู่ตรงหน้า เธอจะไม่เชื่อก็ไม่ได้
ใช่แล้ว….ปีศาจระดับสูงที่อยู่บนยอดเสาตัวนั้น
ในตอนที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา ซิลเวียก็หันกลับไปมองดูอีกฝ่ายอีกครั้ง แต่การมองครั้งนี้ทำให้เธอขนลุกขึ้นมา ความรู้สึกที่ยากจะบรรยายได้พลันไหลทะลักออกมาจากใจของเธอ
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ปีศาจระดับสูงตัวนั้นกางแขนที่ผอมแห้ง 7 – 8 ข้างออก ก่อนจะถอดเอาหน้ากากจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่บนหัวออก ภายใต้หน้ากากเผยให้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวอย่างมาก ศีรษะที่ซ้อนทับกันสิบกว่าชั้นเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า ในนั้นมีทั้งศีรษะของปีศาจและของมนุษย์ แล้วก็มีของสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้จักด้วย ใบหน้าที่เป็นของมนุษย์ของผู้หญิงคนหนึ่งในนั้นดูสะดุดตาอย่างมาก พวกมันกำลังฉีกยิ้มที่ไม่เหมือนกัน เรียกได้ว่าดูแปลกประหลาดและน่าสะอิดสะเอียนที่สุด
ซิลเวียทนไม่ไหว เธอก้มตัวลงพร้อมส่งเสียงอาเจียนออกมา ความสามารถของเธอเองก็หยุดลงตามไปด้วย
เวนดี้ที่เห็นเหตุการณ์รีบหยิบไมค์สื่อสารขึ้นมา “นี่คือซีกัล กลุ่มสองรีบทิ้งระเบิดแล้วถอยออกมา”
“รับทราบ กลุ่มหนึ่งทิ้งระเบิดสำเร็จแล้วเหรอ?”
“ไม่….รอบเสาหินมีบาเรียเวทมนตร์ ระเบิดไม่สามารถลงไปในหลุมลึกได้”
“บาเรีย?” อีกฝั่งเงียบไปครู่ “ทราบแล้ว แต่ข้าอยากลองดูหน่อย”
“แต่ตรงนี้มีเรื่องนิดหน่อย เกรงว่าตอนนี้ซิลเวียคงไม่สามารถระบุตำแหน่งให้พวกเจ้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นอสูรสยองของทางฝั่งศัตรูก็เข้าไปใกล้ชั้นเมฆแล้วด้วย!”
“วางใจได้ เดี๋ยวกลุ่มหนึ่งจะปกป้องพวกข้าเอง”
เวนดี้ได้แต่ต้องติดต่อทิลลีแล้วรายงานสถานการณ์คร่าวๆ ให้เธอฟัง แต่อีกฝ่ายกลับพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย “ไม่เป็นไร ให้กลุ่มที่สองลองหน่อยแล้วกัน ทางฝั่งพวกเรายังไม่ถึงเวลาที่ต้องถอย”
……………………………………………………………….