Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1423 สำรวจ
“ระวัง! พวกมันเข้ามาอีกแล้ว!”
หลังเสียงตะโกนเตือนของฟิชบอลดังขึ้นมา แนวป้องกันชั่วคราวที่มีทหารอยู่ไม่ถึงร้อยคนก็ระเบิดเสียงปืนขึ้นมา
ภายใต้การกระหน่ำยิงนี้ พวกอสุรกายขนาดเล็กที่คล่องแคล่วเหล่านั้นจำต้องผ่อนฝีเท้าลง แล้วค่อยๆ คลานเข้ามาท่ามกลางเศษหินที่ปลิวว่อนและฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจาย
และสิ่งที่ปืนใหญ่สนามขนาด 75 มม. รอคอยอยู่ก็คือช่วงเวลานี้
ในการยิงแนวระนาบระยะ 1000 เมตร ความแม่นยำของมันสูงจนน่าตกใจ พลังทำลายก็รุนแรงกว่ากระสุนระเบิดต่อต้านปีศาจ เรียกได้ว่าเป็นอาวุธที่เหมาะในใช้กำจัด “สัตว์ประหลาดก้อนหินที่ดื้อดึง” เหล่านี้
ไม่นานอสุรกายขนาดเล็กที่อยู่ข้างหน้าสุดก็ถูกปืนใหญ่ยิงเข้าใส่ ร่างกายครึ่งหนึ่งของมันถูกยิงจนระเบิดออก ขาข้างหนึ่งกระเด็นออกไปไกลมากกว่า 100 เมตร
หลังอสูรกายเสียหายไปหลายตัว ปีศาจที่เหลือก็ถอยกลับเข้าไปในหมอกแดงอีกครั้ง
แต่ทุกคนต่างรู้ว่านี่เป็นความสงบแค่ชั่วคราวเท่านั้น พวกมันจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ จากในทุกๆ ด้าน
ภาพเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ทางด้านเหนือของอาณาจักรดอว์นเท่านั้น จากภูเขาแคนทูของอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ทไปจนถึงสันเขาโคลด์วินด์ของอาณาจักรเกรย์คาสเซิ่ลจะมีการต่อสู้ทำนองนี้เกิดขึ้นพร้อมกันอยู่ตลอดเวลา ความแตกต่างมันอยู่ที่ขนาดของการต่อสู้
ด้วยเหตุนี้กองทัพที่หนึ่งจึงปรับแผนรับมือไปตามขนาดของศัตรู ศัตรูกลุ่มใหญ่ก็ใช้กองกำลังขนาดใหญ่เข้าไปรับมือ ศัตรูกลุ่มเล็กก็มอบให้ทหารกลุ่มเล็กเป็นคนจัดการ ทีมที่ฟิชบอลเป็นคนนำก็คือกองกำลังขนาดเล็กที่คอยอุดช่องว่างแบบนี้ พวกเขาได้รับการสนับสนุนจากเมืองต่างๆ ให้คอยหยุดพวกปีศาจที่พยายามจะข้ามเส้นป้องกันเข้ามา เพื่อทำให้มนุษย์สามารถอาศัยอยู่ในพื้นที่หมอกแดงต่อไปได้
ถึงแม้ฟิชบอลจะเป็นแค่นายทหารตัวเล็กๆคนหนึ่ง แต่เขาก็รู้ว่าหน้าที่ของตัวเองนั้นมีความเกี่ยวข้องกับแผนการรบในภาพรวม — จากการคำนวณของเบื้องบนแจ้งว่าอีกไม่กี่เดือน หมอกแดงที่กระจายลงมาจากเฮอร์มีสจะเข้าปกคลุมเมืองกลอรี ด้วยเหตุนี้หลังจากนี้จึงมีแนวโน้มว่าพวกเขาจะต้องสู้รบอยู่ในพื้นที่หมอกแดง พวกเขาจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสนามรบที่ไม่มีแม่มดคอยสนับสนุน และปกป้องอาณาจักรดอว์นให้ดำเนินชีวิตไปได้ตามปกติ
ต้องยอมรับเลยว่าการต่อสู้แบบนี้เสียเปรียบอย่างมาก เพราะไม่มีใครรู้ว่าพวกมันจะมาจากทางไหนและจะใช้วิธีไหนในการบุกเข้ามาในแนวป้องกัน และการจัดสร้างแนวป้องกันถาวรทอดยาวไปทางเหนือของสี่อาณาจักรใหญ่นั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำลังพลหรือว่าการขนส่งก็ล้วนแต่ไม่พอเพียง ทำให้พวกเขาจำต้องใช้แผนการที่ว่ามาข้างบนเนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่น
ที่โชคดีก็คืออาวุธที่อยู่ในมือของเหล่าทหารนั้นนับวันจะยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้มีกำลังอยู่แค่ไม่กี่สิบคน แต่พวกเขาก็สามารถแสดงพลังทำลายที่รุนแรงออกมาได้ในระยะเวลาสั้นๆ อย่างเช่นทีมของพวกเขาทีมนี้มีปืนกลอเนกประสงค์อยู่ 3-4 กระบอก ม้า 10 ตัว และปืนใหญ่สนาม 2 กระบอก ขอเพียงไม่เจอปีศาจระดับสูง ส่วนใหญ่พวกเขาก็สามารถใช้แผนการสู้เสร็จแล้วถอยได้
สรุปแล้ว สถานการณ์ที่เหมือนยื้อกันไปมาเช่นนี้ล้วนแต่เกิดขึ้นจากการที่กองทัพที่หนึ่งไม่สามารถทำอะไรแผ่นดินลอยฟ้าได้ แล้วก็เป็นเพราะว่าต่อให้บุกเข้าไปยังที่ราบสูงเฮอร์มิส พวกเขาก็ไม่สามารถทำลายป้อมปราการลอยฟ้านั้นได้อยู่ดี ทุกคนถึงได้เน้นการป้องกันเป็นหลัก
ตอนนี้คนที่สามารถเป็นฝ่ายเปิดฉากบุกโจมตีปีศาจได้นั้นมีเพียงแค่กองทัพอัศวินอากาศที่องค์หญิงทิลลีเป็นคนนำเท่านั้น
“รู้อย่างนี้ตอนนั้นไปสมัครเข้าโรงเรียนอัศวินอากาศซะก็ดี” มีคนพูดลอยๆขึ้นมา
“พอเถอะ คุณสมบัติที่ทางนั้นตั้งเอาไว้สูงจะตาย เจ้าคิดว่าอย่างพวกเราแค่ฝึกๆ ก็จะผ่านอย่างนั้นเหรอ?”
“ความจริงเข้ากองทัพที่หนึ่งมาได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ญาติของข้าอยากจะเข้ายังเข้าไม่ได้เลยนะ”
“แต่ทางนั้นมีองค์หญิงทิลลีนะ…”
คำพูดนี้ทำเอาทุกคนเงียบขึ้นมาทันที
แม้แต่ในหัวของฟิชบอลก็ยังมีภาพของท่านขวานเหล็กและภาพขององค์หญิงทิลลีลอยขึ้นมา
ผลการเปรียบเทียบไม่บอกก็คงจะรู้ว่าเป็นยังไง…
“หุบปากไปเลย!” เขาโยนความรู้สึก ‘พ่ายแพ้’ อย่างน่าประหลาดทิ้งไป ก่อนจะตะโกนขึ้นมาอย่างหงุดหงิดว่า “จริงอยู่ที่อัศวินอากาศสามารถสู้กับปีศาจได้อย่างสูสี แต่คนที่สามารถปกป้องชาวบ้านได้มีแค่พวกเราเท่านั้น! อีกเดี๋ยวศัตรูอาจจะกลับมาใหม่ได้ คอยสังเกตดูสัญญาณจากทหารสังเกตการณ์เอาไว้!”
“รับทราบ…” น่าจะเป็นเพราะรู้ว่าทั้งสองไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ หัวหน้าจึงเปลี่ยนประเด็น
“หัวหน้า” แฮนสันถือปืนเดินเข้ามา “เมื่อกี้ลูกน้องของข้ามารายงานว่าทางด้านตะวันตกมีเนินที่ทัศนวิสัยค่อนข้างดีอยู่เนินหนึ่ง มันสามารถใช้จับตาดูความเคลื่อนไหวของศัตรูได้ อีกทั้งศัตรูยังปีนขึ้นมาไม่ได้ง่ายๆ ด้วย แค่ตั้งปืนกลเอาไว้กระบอกนึงก็สามารถหยุดพวกแมลงหินพวกนั้นได้แล้ว”
ในที่สุดในทีมก็มีคนที่พึ่งพาได้สักที
ฟิชบอลมองไปตามทิศทางที่เขาชี้ ก่อนจะทำการตัดสินใจออกมาอย่างรวดเร็ว “ข้าจะพาคน 5 คนไปดู แนวป้องกันด้านหน้าฝากเจ้าด้วยล่ะ เมื่อไหร่ต้องถอย เมื่อไหร่สู้ได้ ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะรู้ดี”
“ท่านจะไปดูเองเหรอ?”
“ที่นี่พวกเราเพิ่งจะเคยมาเป็นครั้งแรก ข้าต้องไปดูด้วยตาตัวเองถึงจะวางใจได้”
ปีกด้านข้างมักจะสำคัญกว่าด้านหน้าเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้จักนิสัยของรองหัวหน้าคนนี้ดี แฮนสันที่มีฝีมือในการยิงปืนที่ดีนั้นมีทั้งความระมัดระวังและความสุขุม เพียงพอที่จะใช้ควบคุมแนวป้องกันได้
“ข้าเข้าใจแล้ว” แฮนสันทำวันทยาหัตถ์รับคำสั่ง
ฟิชบอลพยักหน้า ก่อนจะเลือกทหารรวมถึงทหารที่สอดแนมคนนั้นออกมารวม 5 คน แล้วปีนขึ้นไปบนยอดเนิน
พื้นที่ที่ยกตัวสูงขึ้นมานี้ดูแล้วค่อนข้างคล้ายกับเนินนอร์ธบาวด์ เนินค่อยๆยกตัวสูงขึ้นไป จากนั้นจู่ๆก็หยุดลงอย่างกะทันหัน กลายเป็นหน้าตัดที่สูงจากพื้นดินขึ้นไป 20 – 30 เมตร บนยอดเนินมีต้นไม้หนาแน่น เหมาะที่จะใช้ซ่อนตัวอย่างมาก
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือหมอกที่อยู่บนนั้นก็หนามากเหมือนกัน หมอกแดงที่ตกตะกอนตรงนี้ยากที่จะไหลต่อไปได้ ทำให้ทัศนวิสัยภายในป่านั้นไม่ดีเท่าไหร่ ถึงแม้มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อการสังเกตการณ์ออกไปด้านนอกของพวกเขา แต่การถูกหมอกแดงที่เปียกชื้นห่อหุ้มร่างกายเอาไว้มันก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีสักเท่าไหร่เลย
“จุดไฟไล่หมอกหน่อย แล้วตรวจสอบพื้นที่รอบๆ ให้เรียบร้อย” ฟิชบอลหาตำแหน่งยิงเหมาะๆ แล้ววางปืนกลลงไป
ตำแหน่งตรงนี้นั้นไม่เลวจริงๆ ยอดเนินที่ยื่นไปข้างหน้านั้นเป็นเหมือนแนวป้องกันตามธรรมชาติ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับอสูรแมงมุมที่ด้านหลังไม่มีการป้องกัน เขาคิดจะฉวยโอกาสตอนที่ศัตรูยังไม่โจมตีเข้ามาใหม่ ทำสัญลักษณ์ที่นี่ลงไปบนแผนที่ ไม่แน่ต่อไปอาจจะได้ใช้ประโยชน์
แต่หลังจากที่เพื่อนทหารกระจายตัวไปเป็นเวลานานแล้ว ฟิชบอลก็ยังไม่ได้ยินเสียงเผาฟืนอย่างที่คิดเอาไว้
เกิดอะไรขึ้น? แค่เก็บฟืนมันใช้เวลาไม่นานไม่ใช่เหรอ?
เขาขมวดคิ้วพร้อมส่งเสียงตะโกนเรียก แต่ภายในป่าก็ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา
ฟิชบอลตื่นตัวขึ้นมาทันที
นี่มันแปลกๆแล้ว…
ต่อให้มีศัตรูจริงๆ อย่างน้อยพวกเขาก็น่าจะยิงปืนออกมาสักนัดนี่นา
ยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะเป็นลูกน้องของแฮนสัน หรือว่าพวกเขาทั้ง 6 คนก็ไม่เห็นร่องรอยของศัตรูเลยในระหว่างทางที่เดินมา การที่จู่ๆเขาก็เงียบไปอย่างนี้มันออกจะแปลกไปเสียหน่อย
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ เขาพลันได้ยินเสียง ‘แกรบ’ ดังเบาๆขึ้นมาจากทางด้านขวา เหมือนว่ามีอะไรบางอย่างทับผ่านพื้นหญ้าไปเบาๆ
ฟิชบอลหมุนตัวไปทันที ขณะเดียวกันก็ยกปืนขึ้นมา—
เขาเห็นเงาๆ หนึ่งไหววูบผ่านด้านหน้าไป แสงอันเยือกเย็นทำให้ใบหน้าของเขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด
‘แครก’
ในมือของเขาพลันรู้สึกเบาขึ้นมา ปืนกลถูกฟันขาดออกเป็นสองท่อน ก่อนจะตกลงไปบนพื้น
ตรงหน้าเขามี ‘ผู้หญิง’ ที่รูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งปรากฏขึ้นมา ผิวหนังของอีกฝ่ายเป็นสีน้ำเงินเข้ม สองเท้าเปลือยเปล่า นอกจากดาบยาวที่อยู่ในมือแล้วก็ไม่มีวัตถุที่เป็นโลหะอื่นอีก เกรงว่านี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้มันสามารถเข้ามาได้อย่างไร้ซุ่มเสียง
จบกัน
ภายในหัวฟิชบอลมีเพียงแค่ความคิดแบบนี้ผุดขึ้นมา
ลักษณะเด่นของปีศาจระดับสูงคือร่างกายที่เหมือนมนุษย์ จากในคู่มือที่เบื้องบนทำเอาไว้ให้ ปีศาจที่ยิ่งคล้ายมนุษย์ก็จะยิ่งแข็งแกร่ง นอกจากร่างกายที่สูงใหญ่และผิวหนังที่เป็นสีแล้ว หน้าตาของมันแทบจะไม่ได้ต่างอะไรจากมนุษย์เลย ความสามารถของมันจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็พอจะรู้ได้
ที่น่าแปลกก็คือตอนที่กำลังใกล้จะตาย แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความหวาดกลัว เรื่องเดียวที่เขาคิดอยู่ในใจก็คือทำอย่างไรถึงทำให้เพื่อนๆ รู้ว่ามีปีศาจระดับสูงแอบเข้ามาในพื้นที่นี้แล้ว
แต่ดาบเล่มนั้นก็ไม่ได้ฟันลงมาที่เขา
อีกฝ่ายดึงกระดาษออกมาแผ่นหนึ่งโยนให้เขา
“เอามัน กลับไป มอบให้สามผู้นำแม่มด”
น้ำเสียงแปลกกๆ พูดไม่ลื่นไหล แต่นั่นมันภาษาของมนุษย์ไม่ผิดแน่
“ข้าไม่รู้ว่าสามผู้นำแม่มดที่เจ้าพูดถึงหมายถึง….” ฟิชบอลค่อยๆ เอามือคลำไปที่ปืนพกที่อยู่ตรงเอว “ยิ่งไปกว่านั้นข้าไม่มีทาง….”
“ส่ง เพื่อนของเจ้าก็ไม่ตาย” คำพูดของปีศาจทำเอามือเขาหยุดไปทันที “สามผู้นำคือผู้บัญชาการ เจ้าเอากลับไป ย่อมต้องมีคนรู้แน่”
จากนั้น ประตูพลังเวทมนตร์สีม่วงบานหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาด้านหลังของมัน
มันค่อยๆ ถอยหลังเข้าไปในประตู ก่อนจะหายตัวไปพร้อมกับประตูอย่างรวดเร็ว
………………………………………………………………..