Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1425 “หลับตา”
“บอกตามตรง ข้าไม่รู้” วัลคีรีย์ตอบโดยไม่หลบสายตาแม้แต่นิดเดียว “นี่ไม่เหมือนกับที่ข้าคิดเอาไว้เท่าไร เรื่องที่เจ้าสนใจคือเรื่องนี้ใช่ไหม?”
โรแลนด์แอบยอมรับคำพูดของมันเงียบๆ เขาพบว่าไนท์แมร์มีความสามารถในการอ่านใจคนที่ยากจะบรรยายได้ ถึงแม้จะอยู่ในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ แต่ตอนนี้เธอก็ค่อนข้างได้รับความนิยมทีเดียว เรียกได้ว่ากำลังเข้ากับคนอื่นได้เป็นอย่างดี เมื่ออยู่ต่อหน้าคนแบบนี้ การแสร้งทำเป็นมึนงงนั้นไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไร สู้พูดไปเลยตรงๆ จะได้ผลมากกว่า
จากการวิเคราะห์ของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ การปรากฏตัวของพระผู้สร้างนั้นหมายความว่าสกายลอร์ดได้ตัดสินใจแล้ว ในเมื่อมันเอ่ยปากขอกับทางจักรพรรดิ อย่างนั้นก็แทบจะเป็นการตัดความเป็นไปได้ที่จะชักจูงมันมาเป็นพวก นอกเสียจากต้องทำลายพระผู้สร้างทิ้ง ไม่อย่างนั้นมันก็ไม่มีทางที่จะกลับใจแน่
“ตามหลักแล้ว เฮคซอดที่เป็นคนขี้ระแวงจะต้องแอบคอยสังเกตดูสถานการณ์อยู่อย่างเงียบๆ ก่อนที่เจ้าจะแสดงความแข็งแกร่งที่มากพอออกมา มันไม่มีทางที่จะทำการเคลื่อนไหวใดๆ” วัลคีรีย์เหมือนกำลังพูดอยู่กับตัวเอง แล้วก็เหมือนกับกำลังบอกถึงความสงสัยที่อยู่ในใจของมันออกมา “ตอนนี้มันกลับมาเป็นปกติ แถมยังไปเข้าพวกกับเซโรเชส การที่เจ้าเกิดความรู้สึกระวังขึ้นมาเช่นนี้มันก็ไม่แปลก แต่ว่า…”
“แต่ว่าอะไร?”
“ถ้าสถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้วล่ะ” มันพูดพร้อมผายมือ “ทุกอย่างบนโลกมันไม่มีความแน่นอน ไม่ว่าจะวางแผนเอาไว้ดีแค่ไหน แต่ถ้ามันหลุดออกจากเงื่อนไขอย่างที่ควรจะเป็นมันก็ไร้ประโยชน์ ข้าทำได้เพียงแค่เดาแบบนี้ บางทีมันอาจจะมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เฮคซอดเปลี่ยนเจตนารมณ์ที่มีอยู่ในตอนแรกของมันก็ได้”
“แต่เจ้าไม่รู้ว่าปัจจัยที่ว่านั้นมันคืออะไร”
“ถูกต้อง แม้แต่เจ้ายังไม่รู้ ข้าก็ยิ่งไม่มีทางรู้ได้” วัลคีรีย์จิบกาแฟอีกครั้ง “ถ้าไม่ถามดู ถึงเดาต่อไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา”
“เจ้าเลยจะเขียนจดหมายอีก?”
“จริงอยู่ที่การเขียนจดหมายก็เป็นวิธีหนึ่ง แต่เกรงว่าแบบนั้นมันคงต้องใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะได้ติดต่อกันจริงๆ และในระหว่างนี้เงื่อนไขต่างๆ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอีก ปัจจัยที่ไม่แน่นอนเหล่านี้มันจะนำมาซึ่งความเสี่ยงที่ไม่แน่นอน
โรแลนด์นิ่งเงียบไปครู่ จากนั้นจึงมองไปทางวัลคีรีย์ด้วยสายตาเหมือนกำลังขบคิดอะไรอยู่ “เจ้ากำลังชักจูงข้าอยู่อย่างนั้นเหรอ?”
“อำนาจการตัดสินใจอยู่ในมือเจ้า” สีหน้าอีกฝ่ายดูผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด
“…” โรแลนด์ไม่ได้ตอบออกไปทันที เขายักไหล่แล้วเปลี่ยนประเด็น “เออใช่ ทำไมเจ้าถึงพูดถึงแต่เฮคซอด แต่ไม่พูดถึงไซเลนท์ดิสแอนเตอร์เลยล่ะ? หรือว่ามันไม่มีทางเป็นส่วนหนึ่งของ ‘ปัจจัยอื่น’ ที่ว่า?”
“เพราะข้ารู้จักมันดี” สายตาวัลคีรีย์พลันมีความรู้สึกทอดถอนใจปรากฏขึ้นมา มันเบือนหน้าไปทางหน้าต่าง “การพูดกล่อมเฮคซอดจำเป็นต้องใช้เหตุผลจำนวนมาก แต่การพูดกล่อมไซเลนท์นั้นไม่จำเป็น ขอเพียงมันรู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ มันจะต้องไม่อยู่เฉยแน่”
……
พระผู้สร้าง ด้านล่างของบ่อละอองชีวิต
“ทำแบบนี้มันจะมีประโยชน์จริงๆ เหรอ?” ไซเลนท์จ้องมองดูสกายลอร์ดที่กำลังหลับตาพักผ่อนพร้อมถามขึ้ันมา
“อาจจะมีหรืออาจจะไม่มีก็ได้” หลังพักผ่อนมาหลายวัน ร่างกายของเฮคซอดก็ฟื้นตัวขึ้นมาไม่น้อย “แต่ในเมื่อเจ้าคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้ อย่างนั้นก็ได้แต่ต้องวัดดวงดูก่อน”
มันรู้ว่าถ้าอยากจะให้อีกฝ่ายมายืนอยู่ข้างตัวเอง อย่างนั้นมันก็จำเป็นต้องจัดการแก้ไขเหตุผลสองข้อที่ไซเลนท์ปฏิเสธมันเสียก่อน การที่จักรพรรดิสั่งให้ใช้แผนสอง มันไม่สามารถทำอะไรได้ แล้วก็ไม่กล้าที่จะไปแสดงความสงสัยต่อกลยุทธ์ของจักรพรรดิอย่างเปิดเผยด้วย อย่างนั้นทางออกเดียวก็อยู่ที่ ‘จดหมาย’ ของวัลคีรีย์เท่านั้น
แค่กระดาษกับคำพูดไม่กี่คำมันก็ดูจะหยาบไปหน่อย อย่างนั้นถ้าใส่คำพูดกับข่าวสารเพิ่มเข้าไปอีกล่ะ? ถ้าสามารถติดต่อกับไนท์แมร์ได้สำเร็จ ไซเลนท์จะต้องกลายเป็นไพ่ที่สำคัญที่สุดของมันอย่างแน่นอน
เพื่อแผนการนี้แล้ว เฮคซอดไม่เพียงแต่จะส่งซีอาซิสผู้ซึ่งเป็นแม่ทัพของมันออกไปจับตาดูจุดส่งจดหมายทางด้านเหนือของอาณาจักรดอว์นด้วยตัวเอง แต่มันยังส่งขุนนางออกไปสองกลุ่มให้เดินทางไปที่ตีนเขาเฮอร์มีสและชายแดนของอีเทอร์นอลวินเทอร์ด้วย เพราะมันไม่อยากจะพลาดโอกาสที่จะได้รับการตอบจดหมายกลับมา
เดิมวิธีที่เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทรแบบนี้มันก็เป็นแผนการที่ต้องอาศัยโชคบวกกับความไม่แน่นอนอีกเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่เฮคซอดไม่มีวิธีอื่น มันไม่สามารถเปิดเผยชื่อของแม่มดคนนั้นออกไปได้ เพื่อที่วัลคีรีย์จะได้ไม่ขาดที่พึ่งและหายไปในโลกแห่งจิตสำนึกตลอดการ แล้วมันก็ไม่อาจนัดหมายสถานที่ที่จะรอการตอบกลับเอาไว้ล่วงหน้าด้วย
แต่สุดท้ายผลจะออกมาเป็นอย่างไร ภายในใจมันก็ไม่มีความมั่นใจแม้แต่นิดเดียว
เพราะว่าการส่งข่าวนั้นต้องใช้เวลา แต่พระผู้สร้างอันที่สองที่จักรพรรดิบังคับมานั้นกำลังเดินทางมายังที่ราบลุ่มบริบูรณ์โดยไม่หยุดพัก ทันทีที่แผนการที่สองเริ่มต้นขึ้นก็จะไม่มีโอกาสใดๆ ให้แก้ไขได้อีก
“นอกจากนี้…แทนที่จะมากังวลกับเรื่องนี้ ข้าว่าเจ้าคอยระวังเดอะแมสก์เอาไว้หน่อยดีกว่า”
“เดอะแมสก์ทำไม?” ไซเลนท์ขมวดคิ้วขึ้นมา
“ข้าไม่รู้…แค่รู้สึกว่ามันทำตัวแปลกๆ” เฮคซอดส่ายหัว ในเมื่อมันกลับมาถึงที่นี่ มันก็ไม่มีทางที่จะปิดบังอีกฝ่ายไปได้ตลอด แต่เดอะแมสก์ที่รับช่วงบัญชาการกองทัพทางตะวันตกต่อเหมือนจะไม่ได้สนใจเรื่องที่มันหายตัวไปเป็นเวลานาน แล้วก็ไม่ได้แนะนำให้มันไปรายงานจักรพรรดิเลย หากเป็นอดีต อีกฝ่ายไม่มีทางที่ปล่อยโอกาสที่จะได้ซ้ำเติมตัวเองแบบนี้ผ่านไปแน่
“ท่านสกายลอร์ด!” ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ซีอาซิสก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในโพรงหิน “พวกมนุษย์มีความเคลื่อนไหวแล้วขอรับ!”
“เร็วขนาดนี้เลย?” เฮคซอดแปลกใจ “เจ้าเห็นอะไร?”
นอกจากไซเลนท์แล้ว มันไม่ได้บอกความคิดของตัวเองให้กับบุคคลที่สามฟัง แม้แต่ซีอาซิสก็เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้มันจึงสั่งการลูกน้องไปว่าไม่ว่าจะมีความเคลื่อนไหวอะไรก็ให้รีบมารายงานมันทันที
“ตัวผู้ตัวหนึ่งไปปักธงผืนหนึ่งอยู่บนเนินเขาที่ท่านสั่งให้ข้าไปจับตาดูขอรับ แต่ข้างกายมันไม่มีมนุษย์คนอื่นอีก”
ปักธงแต่ไม่ยึดครอง แค่นี้มันก็แปลกอย่างมากแล้ว!
เฮคซอดกับไซเลนท์สบตากัน
นับตั้งแต่ที่ส่งจดหมายออกไปจนถึงตอนนี้เพิ่งจะผ่านไปแค่ 5 วัน ซึ่งต่างจากที่มันคิดเอาไว้ว่าต้องใช้เวลามากกว่าครึ่งเดือนอย่างมาก นี่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเรื่องหนึ่งว่าแม่มดคนนั้นไม่เพียงแต่จะมีตำแหน่งที่สูง แต่ยังเข้าใกล้จุดสูงสุดของอำนาจด้วย ไม่อย่างนั้นไม่มีที่จะตอบสนองกลับมาเร็วขนาดนี้แน่
“อายการ์ดเจออะไรไหม?”
ถึงแม้แม่มดจะไม่สามารถเข้ามาในพื้นที่หมอกแดงได้ แต่เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มันยังคงเตรียมอายการ์ดร่างซิมไบออนท์เอาไว้ให้ซีอาซิสตัวหนึ่งด้วย ครั้งที่แล้วการโจมตีระยะไกลจากทางด้านหลังโดยไม่ทันตั้งตัวของแม่มดผมทองคนนั้นยังคงทำให้สกายลอร์ดรู้สึกหวาดกลัวอยู่
“ที่มันรับรู้ได้ก็มีแค่มนุษย์ตัวผู้ที่ไม่มีพลังเวทมนตร์ขอรับ น่าจะเป็นการตรวจตราตามปกติของพวกมนุษย์ ตอนนี้ยังไม่พบตัวผู้ตรวจสอบพลังเวทมนตร์ขอรับ” ซีอาซิสลังเลเล็กน้อย “นายท่าน ท่านกำลังป้องกันอะไรอยู่หรือขอรับ?”
“เอาไว้จัดการเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวข้าจะบอกเจ้าเอง” หลังซีอาซิสออกไปแล้ว เฮคซอดจึงมองไปทางไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ “เจ้าจะไปไหม?”
“ยังต้องถามอีกเหรอ?” อีกฝ่ายหยิบหมวกเหล็กสวมไปบนหัว
…..
หลังผ่านประตูมิติมา ไซเลนท์ค่อยๆ เดินไปยังทหารที่อยู่ใต้ธงคนนั้น
ครั้งนี้มันไม่ได้จงใจแอบซ่อนตัว อีกฝ่ายเองก็สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวด้านหลัง ก่อนจะหมุนตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว
ไซเลนท์จำมนุษย์ตัวผู้นี้ได้
เขาคือคนที่ครั้งที่แล้วมันมอบจดหมายให้
นี่คือการเจอหน้าที่ไม่ปกติอย่างมาก มนุษย์ไม่กรีดร้อง ไม่วิ่งหนี หรือว่าสู้ตอบกลับมา หากแต่รอให้มันเข้าไปใกล้อย่างเงียบๆ ถึงแม้การหายใจของเขาจะดูผิดปกติอย่างชัดเจน แต่เขาก็ไม่ถอยหลังไปแม้แต่ก้าวเดียว
กระทั่งทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน อีกฝ่ายจึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า
“จดหมายข้าส่งให้แล้ว เพื่อนของข้าล่ะ?”
“พวกมัน ยังมีชีวิตอยู่ กลับไป ข้าจะปล่อยพวกมัน”
อีกฝ่ายพยักหน้า ก่อนจะหยิบเอากระดาษแผ่นใหม่ออกมาจากในหน้าอกแล้วส่งให้มัน
ดวงตาของไซเลนท์ดิสแอสเตอร์หรี่เล็กลงทันที
ตัวหนังสือที่อยู่บนนั้นยังคงเป็นภาษาของเผ่าพันธุ์ แถมยังเป็นสไตล์การเขียนของไนท์แมร์อย่างชัดเจนด้วย
แต่ว่าเนื้อหาบนจดหมายกลับสั้นอย่างมาก มันเขียนเอาไว้ประโยคเดียวว่า
‘รวบรวมสมาธิ จากนั้นหลับตา’
…………………………………………………………………….