Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1429 ก้าวข้ามขีดจำกัด
ชั้นล่างของหอคอยแห่งการให้กำเนิดบนพระผู้สร้าง
ที่นี่คือพื้นที่ที่สำคัญที่สุดของเมือง ละอองชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วยสะสมอยู่ที่นี่จนกลายเป็นทะเลสาบผลึกสีแดงปกคลุมด้านล่างหอคอยและสายแร่หินอาญาสิทธิ์เอาไว้ ในอีกแง่หนึ่ง มันคือแหล่งกำเนิดพลังเวทมนตร์ที่เผ่าพันธุ์มันสร้างขึ้นมา ไม่เพียงแต่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับความสามารถในการเปลี่ยนสภาพของหอคอยแห่งการให้กำเนิด แต่มันยังเป็นพื้นที่สำคัญที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงหินเวทมนตร์ระดับสูงขึ้นมาด้วย
ด้วยเหตุนี้พิธียกระดับที่กระตุ้นให้เผ่าพันธุ์ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จึงมักจะจัดขึ้นที่นี่ บางทีเมืองแต่ละเมืองอาจจะมีความแตกต่างกันอยู่ แต่ในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านล่างแห่งนี้ โครงสร้างแทบจะไม่ต่างกันเท่าไหร่
ในตอนที่เดินผ่านลานพิธี ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์หยุดฝีเท้าเล็กน้อย
เมื่อมองดูภาพที่คุ้นเคยที่อยู่ตรงหน้า มันเหมือนจะได้ยินเสียงตะโกน ‘ชาริตา’ ของปีศาจนับหมื่นนับแสนดังขึ้นมา วัลคีรีย์ที่สวมชุดสีขาวค่อยๆเดินมาอยู่ตรงหน้ามัน
…เพียงแต่เมื่อดูจากเศษฝุ่นละอองชีวิตที่กระจัดกระจายอยู่บนแผ่นหินแล้ว เห็นได้ชัดว่าที่นี่ไม่ได้ถูกเปิดใช้มาเป็นเวลานานแล้ว
นับตั้งแต่ที่เทคโนโลยีร่างซิมไบออนท์ของอารยธรรมใต้ดินถูกใช้อย่างแพร่หลาย พิธียกระดับของร่างระดับต้นไปจนถึงร่างยกระดับระดับต้นก็ได้ถูกเทคโนโลยีนี้เข้ามาแทนที่ ร่างระดับต้นที่ผ่านการคัดเลือกจะมีอัตราในการยกระดับที่ค่อนข้างสูง นี่ทำให้จำนวนของร่างระดับต้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนกลายเป็นกำลังหลักในการรบของเผ่าพันธุ์
คนที่เป็นผู้นำในเทคโนโลยีนี้ก็คือเดอะแมสก์ มันบอกว่าขอเพียงศึกษาต่อไป ไม่ใช่แค่ร่างยกระดับระดับต้นเท่านั้น ได้แวะแต่ผู้ยกระดับระดับสูงก็มีความหวังที่จะเพิ่มจำนวนขึ้นมาเป็นจำนวนมากด้วยวิธีนี้
ถึงแม้จะมีหลายๆคนแสดงความสงสัย และคิดว่าวิธีนี้ไม่เพียงแต่จะทำลายธรรมเนียมที่มีมาแต่โบราณ แถมยังเสี่ยงต่อเสถียรภาพของเผ่าพันธุ์ด้วย แต่จักรพรรดิกลับอนุมัติและให้การสนับสนุน
จริงอยู่ที่อัตราการยกระดับที่เพิ่มสูงขึ้นสามารถทำให้ความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่จุดอ่อนของมันก็มีอยู่เหมือนกัน — ในช่วงเวลาหลายร้อยปีมานี้ จำนวนร่างยกระดับระดับต้นนั้นเพิ่มขึ้นไปหลายสิบเท่า แต่จำนวนปีศาจที่ยกระดับขึ้นไปเป็นปีศาจระดับสูงด้วยพิธีการยกระดับนั้นกลับมีอยู่ไม่เท่าไร ส่วนราชานั้นแทบจะไม่มีเลยแม้แต่ตัวเดียว
ถ้าต่อไปปีศาจระดับสูงและราชาล้วนแต่ถือกำเนิดได้ด้วยวิธีการปลูกหินเวทมนตร์ลงไป สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ก็คงจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น….
เซโรเชสถอนใจออกมาเบาๆ ก่อนจะสะกดอารมณ์ฟุ้งซ่านภายในใจลงไป
การคิดถึงความหลังคือการลังเล และการลังเลนำมาซึ่งจุดอ่อน
นั่นคือสิ่งที่มันจำเป็นต้องกำจัดทิ้ง
หลังผ่านลานพิธี มันก็เดินเข้าไปในหอศูนย์กลางที่ตั้งอยู่บนผาหิน
ร่างระดับต้นที่เฝ้ายามอยู่ที่นี่พากันก้มหน้าแสดงความเคารพให้มัน
ตลอดทั้งทางแทบจะไม่มีอุปสรรคใดๆ ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์เจอแหล่งกำเนิดเวทมนตร์ที่ตัวเองกำลังตามหาอยู่ภายในห้องควบคุมบนยอดหออย่างรวดเร็ว
“มีธุระอะไร?” นาซเพลเหมือนกำลังง่วนอยู่กับการปรับโครงสร้างของแกนพลังเวทมนตร์ มันถามขึ้นมาโดยไม่เหลียวหน้ากลับมามอง
ดาบถูกชักออกจากฝัก
เซโรเชสพุ่งไปข้างหน้าสุดแรง ดาบแทงตรงเข้าไปที่เดอะแมสก์
นี่คือการลงมือครั้งแรกของมันหลังจากที่ฟื้นตัว โจมตีครั้งแรกก็ทุ่มสุดแรง!
เดอะแมสก์ไม่ถนัดต่อสู้ นี่คือเรื่องที่ราชาทุกตนรู้กัน แต่เซโรเชสรู้ดีว่านั่นคือการต่อสู้บนสนามประลองที่เท่าเทียมกัน ถ้าหากอยู่ข้างนอก ต่อให้สิบเดอะแมสก์ก็ทำอะไรมันไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นระดับพลังเวทมนตร์หรือความแข็งแกร่งของร่างกาย มันก็ล้วนแต่เหนือกว่าอีกฝ่าย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องประสบการณ์และสัญชาตญาณที่ได้มาจากการผ่านความเป็นความตายมานับหมื่นๆ ครั้ง
แต่ที่นี่ไม่ใช่ข้างนอก
ต่อให้เป็นสัตว์ที่โง่ขนาดไหนก็สามารถเปลี่ยนรังที่อยู่อาศัยให้กลายเป็นถ้ำลับที่สัตว์ตัวอื่นมองเข้ามาแล้วต้องรู้สึกหวาดกลับจนถอยกลับไปได้ แล้วนับประสาอะไรกับนาซเพลล่ะ นับตั้งแต่ที่พระผู้สร้างลอยตัวขึ้นจนมาถึงชายขอบของดินแดนรุ่งอรุณ ช่วงเวลา ช่วงเวลานี้เพียงพอที่จะให้อีกฝ่ายเปลี่ยนพื้นที่ชั้นล่างให้กลายเป็นดินแดนของตัวเองได้ พูดอีกอย่างคือมันยืนอยู่บนสนามรบที่ตัวเองเสียเปรียบอย่างมากมาตั้งแต่ต้นแล้ว
สัญชาตญาณกำลังบอกมันว่าห้ามประมาทเด็ดขาด!
ระยะสิบก้าวถึงในพริบตา ความเร็วที่ถูกเร่งไปจนถึงขีดสุดทำให้คมดาบกลายเป็นลำแสงที่เยือกเย็น คลื่นอากาศระเบิดออก ปลายดาบแทงเข้าไปในลำตัวของนาซเพล
อีกฝ่ายส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวดและตกใจ ขณะเดียวกันภายในห้องเหมือนมีชีวิตขึ้นมา เข็มหินจำนวนนับไม่ถ้วนถูกยิงออกมาจากทุกทิศทุกทาง ปิดตายทางถอยทั้งหมดของไซเลนท์เอาไว้
มันจำเป็นต้องชักดาบออกพร้อมถอยออกไปอย่างรวดเร็ว เบลดออฟสปิริตที่คอยปกป้องร่างกายกลายเป็นกำแพงดาบอันแน่นหนา เข็มหินทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาถูกตัดจนหัก เสียงติ๊งๆ ตั๊งๆ ดังขึ้นไม่หยุด!
“เจ้า…ทำบ้าอะไรของเจ้า!” นาซเพลเอามืออุดบาดแผลพร้อมคำรามเสียงดัง
ไซเลนท์ดิสแอสเตอร์ยกอาวุธขึ้นมาใหม่อีกครั้งพร้อมกับโจมตีครั้งที่สองออกไป — สัมผัสจากการโจมตีเมื่อครู่นี้นั้นไม่เหมือนกับการแทงเข้าไปในสิ่งมีชีวิตเลย ดาบของมันเหมือนกับแทงเข้าในชิ้นส่วนโลหะกับน้ำมันกองหนึ่งมากกว่า มันแอบรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเปลี่ยนไปเป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง ไม่ว่าสุดท้ายจะกลายเป็นอะไร เกรงว่ามันคงยากที่จะกลับมาเป็นพวกเดียวกันได้อีก
เมื่อเห็นมันไม่ตอบ เดอะแมสก์จึงยกมือสะบัดขึ้นมาทีหนึ่ง กำแพงหินที่อยู่รอบๆ ยกตัวขึ้นมา เผยให้เห็นร่างซิมไบออนท์ที่ซ่อนตัวอยู่ในก้อนเนื้อ ขณะเดียวกันมันก็หนีเข้าไปหาร่างซิมไบออนท์รูปร่างแปลกๆ ตัวหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง ร่างซิมไบออนท์เปิดเปลือกออก ก่อนจะรับเอาร่างกายของมันเข้าไป ทั้งสองรวมร่างกันกลายเป็นสัตว์ประหลาดรูปร่างแปลกๆ
นี่คือร่างซิมไบออนท์ที่มันสร้างขึ้นมาใหม่งั้นเหรอ?
เซโรเชสขว้างดาบออกไปอย่างไม่ลังเล ดาบพุ่งทะลุช่องว่างของร่างซิมไบออนท์ที่แห่กันเข้ามาหามัน ก่อนจะพุ่งเสียบเดอะแมสก์ที่อยู่ด้านในเปลือกที่กำลังจะปิด
นี่ทำให้ร่างกายครึ่งหนึ่งของอีกฝ่ายยังคงเปิดโล่งอยู่ด้านนอก
จากนั้นมันปล่อยพลังแห่งโชคชะตาออกมา แสงสายฟ้าสีท้องกลืนกินไปทั่วทั้งห้องควบคุม! ภายใต้ลำแสงอันเจิดจ้านี้ เข็มหินและร่างซิมไบออนท์กลายเป็นอัมพาต ส่วนร่างซิมไบออนท์รุ่นใหม่เองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่านั้น ดาบยาวกลายเป็นเหมือนสายล่อฟ้า พลังเวทมนตร์จำนวนมหาศาลวิ่งผ่านดาบยาวเข้าไปในเป้าหมาย เสียงร้องของเดอะแมสก์ดังโหยหวนจนแสบแก้วหู!
ประกายไฟกระเด็นเปรี๊ยะปร๊ะ เซโรเชสเดินข้ามซากร่างซิมไบออนท์ ก่อนจะคว้าจับดาบที่ถูกเผาจนร้อนระอุอีกครั้งแล้วออกแรงกดดาบลงไป เสียงรอดโหยหวนหยุดลง ขณะเดียวกันดาบยาวก็ตวัดจากหน้าอกของเดอะแมสก์ลากยาวขึ้นมาถึงบนหัว จนร่างกายครึ่งบนของมันขาดออกเป็นสองส่วน
“เคร้ง”
หน้ากากที่ถูกฟันจนหักออกเป็นสองส่วนร่วงหล่นลงมาจากหัวของนาซเพล ก่อนจะตกลงไปบนพื้น
“22…วินาที”
มันค่อยๆ หันหน้ากลับมา ก่อนจะใช้ใบหน้าหน้าหนึ่งที่ยังเหลืออยู่พูดออกมา
“…นี่คือคำพูดสุดท้ายที่เจ้าจะพูดงั้นเหรอ?” เซโรเชสชักอาวุธที่อาบเลือดออกมา
“หน่วยนับเวลา…ของมนุษย์นี่ไม่เลวเลย ข้าก็เลย…เอามาใช้” เสียงของเดอะแมสก์ขาดๆ หายๆ “และนี่คือเวลา…นี่ร่างซิมไบออนท์ใช้ขวางเจ้า อึก…ข้านึกว่า จะนานกว่านี้อีกหน่อยเสียอีก”
“การต่อสู้ที่ยิ่งเข้าใกล้ความตายก็ยิ่งทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้น” ไซเลนท์พูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “เมื่อเทียบกับข้าก่อนที่บาดเจ็บหนักแล้ว ตัวข้าในตอนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เสียดายที่เจ้ากับของเล่นของเจ้าพวกนั้นไม่มีทางเข้าใจในจุดนี้ได้”
“ข้าถึงได้…เกลียดของที่มันไม่แน่นอน” เสียงของเดอะแมสก์ค่อยๆ เบาลง “แต่ว่า ไม่แน่นอนก็ไม่ได้หมายความว่าจะสร้างขึ้นมาใหม่ไม่ได้…ขอแค่มีเวลามากพอ ข้าจะต้องก้าวข้าม…ขีดจำกัดของเผ่าพันธุ์…”
“ไม่มีวันนั้นแล้ว”
“ทำไมถึง…มั่นใจขนาดนี้?” ใบหน้าที่เหลืออยู่เพียงใบหน้าเดียวเผยรอยยิ้มแปลกๆ ขึ้นมา “ยังจำ..ที่ข้าเคยพูดได้ไหม? เมื่ออยู่ต่อหน้าความรู้ ต่อให้ร่างกายจะแข็งแกร่งแค่ไหน…มันก็ไร้ประโยชน์….”
สัญชาตญาณของเซโรเชสรับรู้ได้ถึงอันตราย!
“ใช่แล้ว ข้ามี…ของขวัญอย่างหนึ่งจะมอบให้เจ้า” เดอะแมสก์พูดเสียงเบาๆ “มันเป็นของเล่นที่ข้าเก็บมาจากพวกมนุษย์…เจ้าน่าจะคุ้นเคยดีนะ”
พอพูดจบ ร่างซิมไบออนท์ที่รวมร่างกับมันก็เปิดออกอีกครั้ง ข้างในเผยให้เห็นถุงหนังเป็นชั้นๆ ที่อยู่ด้างล่างร่างกาย
ด้านในถุงหนังใส่ระเบิดของมนุษย์เอาไว้อยู่!
มันเอาของแบบนี้เข้ามาในสถานที่ที่อยู่ใกล้หอคอยแห่งการให้กำเนิดขนาดนี้เหรอเนี่ย?
ในหัวเจ้านี่…มันคิดอะไรอยู่กันแน่?
เซโรเชสหน้าเปลี่ยนสี มันยังไม่ทันจะถอยไปด้านหลัง แสงสีแดงที่สว่างเจิดจ้าก็เข้าปกคลุมเบื้องหน้าของมันจนหมด
หลังเสียงดังกัมปนาทระเบิดขึ้นมา ลูกบอลเพลิงก็พ่นออกมาจากด้านบนของหอศูนย์กลาง ก่อนจะขยายตัวเป็นแสงครึ่งวงกลมอย่างรวมเร็ว ภายใต้การส่องสว่างของมัน พื้นทะเลสาบของแดงส่องประกายระยิบระยับ ในตอนที่ลูกบอลเพลิงระเบิดออก เมืองที่อยู่ด้านล่างเหมือนสั่นสะเทือนขึ้นมา คลื่นกระแทกอันรุนแรงทำให้ผนังหินหลุดร่วงตกลงไปใบทะเลสาบหมอกแดง!
ลูกบอลเพลิงหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทิ้งพื้นที่ว่างขนาดใหญ่เอาไว้บนทะเลสาบหมอกแดง อุณหภูมิที่สูงทำให้ละอองชีวิตที่ยังไม่ถูกเผาพากันหนีไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปครู่ใหญ่ ‘พื้นที่ว่าง’ ก็ไม่ยังไม่ผสานกัน ส่วนร่างระดับต้นและร่างยกระดับระดับต้นที่ในพื้นที่ศูนย์กลางก็ได้แต่นอนดิ้นทุรนทุรายมองดูหอคอยแห่งการให้กำเนิดที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะขาดใจตายโดยไม่อาจทำอะไรได้
แต่เซโรเชสกลับไม่รู้สึกถึงความร้อนและความเจ็บปวด
ภายในระยะเท่านี้ ด้วยละอองชีวิตที่อัดแน่น ระเบิดจะยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น คลื่นอากาศที่ระเบิดออกมาน่าจะรุนแรงพอที่จะฉีกมันเป็นชิ้นๆ ถึงจะถูก
มันค่อยๆ วางแขนที่ยกขึ้นมากันอยู่ข้างหน้าลง พร้อมกับลืมตาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
มันเห็นเฮคซอดยื่นแขนตั้งขึ้นเปิดประตูมิติขนาดใหญ่บานหนึ่งขึ้นตรงหน้าของมัน
ส่วนตรงพื้นที่ที่ไม่มีประตูคอยป้องกันอยู่ ทุกอย่างกลายเป็นผุยผง ยอดหอครึ่งหนึ่งแทบจะราบเป็นหน้ากลอง
……………………………………………………………………